หนานกงมั่วยอมรับไปตามตรง “เผชิญหน้ากับเจ้าสำนักกง แน่นอนข้าต้องเตรียมตัวบ้าง”
“ใช้อำนาจรังแกคน ไม่ใช่นิสัยของซิงเฉิงจวิ้นจู่เลยนะ” เอ่ยมาถึงตรงนี้ เผชิญหน้ากับหนานกงมั่วในโยวโจว เป็นกงอวี้เฉินที่เสียเปรียบ เพราะโยวโจวเป็นถิ่นของเยี่ยนอ๋อง อีกทั้งเยี่ยนอ๋องยังยืนอยู่ข้างหนานกงมั่ว คนของสำนักหอธาราจะมากเพียงใดก็คงมีไม่มากเท่ากองกำลังส่วนพระองค์ของเยี่ยนอ๋อง ทหารของเป่ยหยวนดุร้าย ทว่าข้ามเขตชายแดนไม่ได้ก็ไม่มีความหมาย
กองกำลังม้าวิ่งตรงมาทางนี้ ชายชุดดำข้างกายกงอวี้เฉินเอ่ยเสียงเบา “เจ้าสำนัก พวกเขามีจำนวนมากเกินไป พวกเรา…”
กงอวี้เฉินเอ่ยเสียงเย็น “แยกย้าย” หันกลับไปมองเขาชุ่ยเวยด้านหลัง สายตาของกงอวี้เฉินแสดงความเสียดายออกมา จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีสัญญาณการสังหารเสียนเกอได้สำเร็จ เห็นได้ว่ายอดฝีมือลึกลับบนเขานั้นร้ายกาจกว่าที่เขาคิดเอาไว้ แต่ใช่ว่าเขาจะไม่ได้อันใด ยามนี้รับรู้ตื้นลึกหนาบางของศัตรู ยังดีกว่าเผชิญหน้าด้วยโดยไม่รู้อันใด
ชายชุดดำคุ้มกันกงอวี้เฉินหนีไป หนานกงมั่วยกมือห้ามหลิ่วหันและคนที่คิดจะตามไป เอ่ย “ขึ้นไปดูบนเขาก่อน” คนอย่างกงอวี้เฉิน ต่อให้มั่นใจว่าจะชนะก็ไม่มีทางไม่เหลือช่องทางรอดไว้ให้ตนเอง ตอนนี้ตามไปไม่เพียงไม่ดียังจะสูญเสียกำลังคนอีกด้วย
“เจ้าค่ะ จวิ้นจู่”
“พี่สะใภ้” ชั่วพริบตากองกำลังส่วนพระองค์ของเยี่ยนอ๋องก็มาถึง คนที่นำหน้ามาคือเซียวเชียนชื่อผู้สืบทอดแห่งเยี่ยนอ๋อง เซียวเชียนชื่อเปลี่ยนจากชุดสง่างามมาอยู่ในชุดเกราะ ดูองอาจขึ้นมา ผู้ที่อยู่ด้านข้างเซียวเชียนชื่อก็คือผู้ว่าการโยวโจว ยามนี้สีหน้าของผู้ว่าการโยวโจวนั้นดูไม่ดีขึ้นมา
หนานกงมั่วยิ้มให้ทั้งสอง “เชียนชื่อ ใต้เท้าฉี ลำบากทั้งสองแล้ว”
ใบหน้าของผู้ว่าการโยวโจวกระตุกเล็กน้อย เอ่ยเสียงเข้ม “จวิ้นจู่กล่าวหนักแล้ว เป็นหน้าที่ของข้า” มีนักฆ่าปรากฏตัวมากมายในพื้นที่ใกล้โยวโจวเพียงนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาที่เป็นผู้ว่าการก็ต้องให้คำตอบแก่ราชสำนักและเยี่ยนอ๋อง คิดมาถึงตรงนี้ ผู้ว่าการโยวโจวแทบอยากด่ากงอวี้เฉินให้เปียกชื้นไปทั้งศีรษะ การบอกว่าคนกันเองทั้งมาสร้างเรื่องให้เขา จะร่วมมือได้อย่างไร
กลุ่มคนเคลื่อนขบวนขึ้นเขา ยังไม่ทันเข้าใกล้เรือนเล็กของคุณชายเสียนเกอพลันได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง หนานกงมั่วไม่สนใจเหล่าเซียวเชียนชื่อ ใช้กำลังภายในลอยขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
“อาจารย์อา” นอกเรือนเล็ก อาจารย์อากำลังถือกระบี่อยู่ในมือ เช็ดรอยเลือดออกจากกระบี่ด้วยร่างของชายชุดดำที่อยู่บนพื้น เงยหน้าขึ้นไปมองหนานกงมั่วที่เหาะเข้ามาอย่างรวดเร็ว
หนานกงมั่วรีบเอ่ยถาม “อาจารย์อา บาดเจ็บหรือไม่เจ้าคะ”
อาจารย์อาเลิกคิ้ว ส่งสายตา ‘เจ้ากำลังล้อเล่นหรือ’ ไปให้หนานกงมั่ว หนานกงมั่วเป็นใบ้ขึ้นมา กวาดตามองมือสังหารที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้น คนพวกนี้จะทำอันใดอาจารย์อาได้ แม้แต่ตัวนางเองยังไม่รู้เลยว่าวรยุทธ์ของอาจารย์อานั้นสูงไปถึงขั้นใดแล้ว
“ศิษย์พี่เล่าเจ้าคะ”
อาจารย์อาส่งเสียงหยัน เอ่ยเสียงเรียบ “แกล้งตายเป็นหมาอยู่ด้านบนนั่น”
“อาจารย์ มีใครที่แทบฝังลูกศิษย์อย่างท่านอีกเล่า” ริมหน้าผา เสียงเนือยๆ ของคุณชายเสียงเกอถูกส่งมา หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นไปดู มองเห็นคุณชายเสียนเกอนั่งอยู่ริมหน้าผาเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ ใบหน้ามีรอยยิ้มขมขื่น แต่ร่องรอยคราบเลือดบนร่างนั้นทำให้คุณชายเสียนเกอดูน่าเวทนาอย่างไม่เคยมีมาก่อน
“ศิษย์พี่ ลงมาได้หรือไม่”
คุณชายเสียนเกอแสยะยิ้ม ลอยลงมาอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน อาจารย์อามองขึ้นลงสำรวจตัวเขา เอ่ยอย่างหงุดหงิด “ไม่ได้เรื่อง”
คุณชายเสียนเกอกลอกตา คร้านจะตอบกลับ อย่างไรสำหรับอาจารย์ของเขาแล้วคุณชายเสียนเกอที่มีชื่อเสียงในยุทธภพก็ยังเป็นคนไม่ได้เรื่องอยู่แล้ว เขา ชิน แล้ว สิ ไม่แปลก
ได้ยินเสียงฝีเท้าทหารมากมายกำลังตรงมาทางนี้ อาจารย์อาขมวดคิ้ว เอ่ย “ที่เหลือพวกเจ้าจัดการเถิด ข้ากลับก่อนแล้ว” เอ่ยจบก็ไม่สนการตอบรับของทั้งสองคน ลอยหายไปในความมืด เมื่อเซียวเชียนชื่อมาถึงมองเห็นเพียงหนานกงมั่วและคุณชายเสียนเกอที่น่าเวทนายืนอยู่ท่ามกลางซากศพเกลื่อนไปทั่วเรือน มองหน้ากันโดยไม่เอ่ยอันใด
“พี่สะใภ้ เอ่อ…เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือขอรับ” ยืนอยู่ท่ามกลางเรือนที่เต็มไปด้วยเลือด เซียวเชียนชื่อเอ่ยถามด้วยใบหน้าซีดขาว
หนานกงมั่วมองเสียนเกอ เสียนเกอยักไหล่ “ข้ากับกงอวี้เฉินเจอกันเพียงครั้งเดียว ไหนเลยจะรู้ว่าไปทำให้เขาไม่พอใจอย่างไรกัน”
หนานกงมั่วเองก็ไม่รู้ ทำเพียงมองผู้ว่าการโยวโจว เอ่ยว่า “ใต้เท้าฉี นอกเมืองโยวโจวเกิดเรื่องเช่นนี้ คงต้องรบกวนใต้เท้าแล้ว”
ผู้ว่าการโยวโจวรีบเอ่ย “มิกล้า ข้าจะส่งคนออกสืบให้เข้มยิ่งขึ้น เอาตัวคนพวกนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม”
“เช่นนั้นคงต้องขอบคุณแล้ว” หนานกงมั่วลอบคิดอยู่ในใจ เอาตัวมาสู่กระบวนการยุติธรรมนั้นไม่คาดหวังกับท่านหรอก ขอเพียงท่านอย่าได้ขวางทางก็พอ
ผู้ว่าการลอบเช็ดเหงื่อ ไม่คิดว่าซิงเฉิงจวิ้นจู่จะไม่เอาเรื่องนี้มาโจมตีเขาทว่าปล่อยไปง่ายๆ เพียงนี้ เพื่อเลี่ยงไม่ให้หนานกงมั่วคิดอันใดขึ้นมาอีก ผู้ว่าการโยวโจวจึงหาข้ออ้างเพื่อนำกำลังทหารกลับไป มองท่าทางรีบร้อนของเขา เซียวเชียนชื่อเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “พี่สะใภ้ จะปล่อยเขาไปเช่นนี้หรือขอรับ”
หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “ยามนี้ไม่เกี่ยวกับเขา ไม่ปล่อยเขาไปแล้วจะทำอย่างไร”
“แต่ว่า…” เกิดเรื่องในเขตปกครองของเขา มันก็เป็นเรื่องของเขานี่
หนานกงมั่วเอ่ย “เจ้าคิดว่าเรื่องเล็กน้อยเท่านี้จะล้มเขาได้หรือ เขากินข้าวหลวง รับเงินหลวง เขาเป็นคนของฮ่องเต้ ต่อให้เสด็จลุงประหารเขาก่อนแล้วรายงานทีหลัง เซียวเชียนเยี่ยจะไม่ส่งคนที่เก่งกว่านี้มาหรือ เมื่อเทียบกับผู้ว่าการโยวโจวที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง คนตรงหน้าผู้นี้ไม่ยากที่จะควบคุม”
เซียวเชียนชื่อจึงพยักหน้าบ่งบอกว่าเข้าใจแล้ว
ในตอนที่ทั้งสองคุยกันคุณชายเสียนเกอก็กลับเข้าไปในห้องของตนเอง ใช้เวลานานก็เดินออกมา ถอดเปลี่ยนชุดเปื้อนเลือดนั้นออกไป มาอยู่ในอาภรณ์สีขาวสง่างาม เป็นคุณชายที่งดงามราวกับเทพเซียน
หนานกงมั่วเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ ท่านไม่รู้จริงหรือว่าไยกงอวี้เฉินต้องสังหารท่าน”
คุณชายเสียนเกอมองเรือนเล็กที่ไม่อาจอยู่ได้อีกสักพักด้วยความรังเกียจ เอ่ยอย่างไม่พอใจ “เจ้าว่าอย่างไรเล่า”
คิ้วสวยของหนานกงมั่วเลิกขึ้น “ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย กงอวี้เฉินมิได้เป็นคนมุทะลุทำอันใดวู่วาม” แม้กงอวี้เฉินจะมีอารมณ์ไม่ปกติ แต่การลอบสังหารคุณชายเสียนเกอที่เห็นชัดว่าไม่มีประโยชน์อันใดกับเขา คุณชายเสียนเกอตายแล้วก็ไม่ได้มีผลกระทบอันใดกับเขามาก แต่หากคุณชายเสียนเกอไม่ตาย ด้วยความพยาบาทของคุณชายเสียนเกอ ต่อไปนี้กงอวี้เฉินคงต้องระมัดระวังจริงๆ แล้ว
“ไม่ว่าเขาจะทำเพื่ออันใด…” น้ำเสียงของคุณชายเสียนเกอ มีความเยือกเย็นภายใต้ความมืดที่เงียบสงบ “ข้าเองก็อยากรู้ เจ้าสำนักหอธารามีกี่ชีวิตกันแน่”
หนานกงมั่วลอบถอนหายใจอยู่ในใจ กงอวี้เฉินหาเรื่องศิษย์พี่ก็เหมือนการหาเรื่องใส่ตัว เพียงแต่ นี่เป็นการข่มขู่ของศิษย์พี่ต่อกงอวี้เฉินหรือไม่ การข่มขู่นี้เห็นชัดว่าไม่ได้อยู่ภายใต้วิชาการแพทย์หรือยาพิษ เพราะว่าพวกเขามีอาจารย์ที่ไม่ว่าวิชาการแพทย์หรือยาพิษที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าศิษย์พี่เลย เช่นนั้น…