เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 497 ปมของซูชี ช้ำในของหนิงเซ่า (2)

ตอนที่ 497 ปมของซูชี ช้ำในของหนิงเซ่า (2)

ตั้งแต่วันที่ส่งมั่วเชียนเสวี่ยไปบ้านไร่ ซูชีก็ไม่ได้เจอนมั่วเชียนเสวี่ยอีกเลย

นี่ก็กว่าครึ่งปีแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่านางอยู่ที่บ้านไร่จะเป็นอย่างไรบ้าง

ไม่รู้ว่านางจะยังโทษตัวเองว่าบุ่มบ่ามอยู่หรือไม่

เขา…จะยังมีโอกาสรอนางได้อีกหรือไม่

ซูชีหยุดฝีเท้าอย่างใจลอย ซูซูที่อยู่ด้านหลังเขากลับไม่ได้ใจลอยตาม

นางยังจำความแค้นที่ตกน้ำครานั้นได้

“เจ้าคิดถึงนางรึ พวกเราไปเยี่ยมนางที่บ้านไร่กันดีหรือไม่”

ซูชีคล้ายถูกแทงใจดำ สีหน้าเขาพลันเปลี่ยน ก่อนหันหน้ามาถลึงตาใส่ซูซู

เยี่ยมอย่างนั้นรึ ไปเยี่ยมในฐานะใดล่ะ

ตั้งแต่สารภาพครานั้น ระหว่างทั้งสองก็เหลือแค่ความกระอักกระอ่วนใจ…

ถ้อยคำของซูซูทิ่มแทงใจซูชีเข้าอย่างจัง

ยามนี้นางอยากจะหยิกเขา หยิกให้เขาตื่น

มีสาวงามอย่างนางเช่นนี้คอยตอแยเขา เขาไม่เหลียวแลสักแวบ วันๆ เอาแต่คิดละเมอไปไกลจนสุดขอบฟ้า

ซูซูเมินสายตาประกายคมกริบดุจกระบี่ที่ถลึงมองจากซูชี นางฝึกทำตัวเป็นกำแพงเหล็กผนังสำริดได้ตั้งนานแล้ว

จึงยิ้มเจ้าเล่ห์เอ่ยต่อว่า “เอาอย่างนี้สิ ข้าจะไปเยี่ยมนางแทนเจ้าเอง”

นางไม่เคยกล่าวโทษมั่วเชียนเสวี่ยเลย ไม่ได้ไปหามั่วเชียนเสวี่ยมานานแล้ว คิดถึงอยู่ไม่น้อย

ทว่ายามนี้การจับตามองซูชีไว้ค่อนข้างสำคัญทีเดียว

“ข้าไม่ไป และไม่ให้เจ้าไปด้วย” ซูชีโพล่งออกไป

ซูซูสีหน้าปรากฏความน้อยใจ ปากนางขานรับว่าอืม แต่ในใจกลับแย้มยิ้มกว้าง

คำว่า ‘ไม่ให้’ ของเขาหมายความว่าในใจเขามองตนเป็นคนกันเองแล้วใช่หรือไม่!

เมื่อก่อนซูชีแทบจะทำตัวเองให้หายไปจากสายตาของเขาอย่างรวดเร็ว

ซูชีเอ่ยจบก็หันหลังพรวดสาวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว ท่านหญิงซูซูแล่บลิ้นอย่างซุกซน ก่อนจะรีบเดินตามไปติดๆ

ซูชีได้ยินเสียงฝีเท้าตามมาด้านหลังก็ทอดถอนใจอย่างเสียไม่ได้ กูเสี่ยวซูผู้นี้มักจะเร่งเพลิงโทสะเขาให้ลุกโชนจนถึงขีดสุดได้เสมอ

ซูชีที่ทอดถอนใจแอบพึมพำในใจว่า มีแต่สตรีและคนถ่อยที่เข้าด้วยยากหนอ

เขาบอกกับตัวเองว่ากูเสี่ยวซูเป็นคนถ่อยในบรรดาสตรี เขาต้องเมินแล้วเมินอีก ขอเพียงนางเจออุปสรรคอีก นางย่อมล่าถอยกลับไปแน่นอน

เขาไม่มีทางชอบนางเด็ดขาด และไม่มีทางรักนางด้วย และยิ่งไม่มีทางสู่ขอนาง ต่อให้สู่ขอกลับมาเป็นเครื่องเรือนประดับบ้านก็ไม่มีทาง

แม้ว่าเรื่องฮวาหูเตี๋ยจะจัดการไปได้ขั้นหนึ่งแล้ว แต่ในใจซูชีกลับมีปมไปเสียแล้ว

วันที่สองของการคุมตัวฮวาหูเตี๋ย แม้แต่ตรวจสอบยังไม่มี พี่ชายคนดีของกูเสี่ยวซูอย่างซื่อจื่อแห่งจวนจิ่งชินอ๋องก็ส่งนางโลมชั้นต่ำที่ทั้งชราทั้งอัปลักษณ์ไปให้ฮวาหูเตี๋ยแปดคน

วันนั้นซูชีเพิ่งกลับมาจากลาดตระเวนพอดี เขากลับมาศาลาว่าการ ได้ทักทายกับจิ่งซื่อจื่อ

จิ่งซื่อจื่อแค่นเสียงเฮอะใส่เขาหนักๆ แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่เห็น

ทว่านางโลมที่ทั้งแก่ทั้งอัปลักษณ์ด้านหลังจิ่งซื่อจื่อต่างอ้าปากกว้างแย้มยิ้มให้เขาโดยพร้อมเพรียง แทบจะทำเอาเขาอาเจียนออกมา

ดูท่าแล้วจิ่งซื่อจื่อคงเสียเวล่ำเวลาหานางโลมแปดคนที่ทั้งแก่ทั้งอัปลักษณ์นี้อยู่ไม่น้อยทีเดียว

เมื่อก่อนจิ่งซื่อจื่อดูแลแม่ทัพเก้าประตู จุดนี้นับว่ามีเกียรติอยู่บ้าง ใช้วิธีนิดหน่อยจัดการกับโจรบ้ากามแห่งยุทธภพคนหนึ่ง น่าอู่ฉังย่อมทำเป็นหลับหูหลับตาอยู่แล้ว

เรื่องราวภายหลังซูชีไม่ต้องไปสนใจ เพราะย่อมมีคนมารายงานเขาอยู่แล้ว

จิ่งซื่อจื่อไม่ต้องติดสินบนอะไรทั้งนั้น เขาสั่งการหัวหน้าพัศดีได้โดยตรงให้จับฮวาหูเตี๋ยขังไว้ที่ห้อง ‘หรูหรา’ ที่ติดตั้งไว้ในคุก แล้วให้ใช้ยาสกัดจุดไม่ให้ฮวาหูเตี๋ยขยับได้

ได้ยินว่ายานั้นได้มาจากการค้นตัวฮวาหูเตี๋ยเอง เขาเป็นคนปรุงขึ้นโดยเฉพาะ

ผู้ถูกยาทั่วทั้งร่างจะไร้เรี่ยวแรง แต่สติกลับแจ่มชัดยิ่งนัก แต่ความร้ายกาจของยานี้ไม่ได้อยู่ตรงนี้ ได้ยินว่าผู้ถูกยาจะอ่อนยวบไปทั้งร่าง แต่มีอยู่ตำแหน่งหนึ่งที่ไม่อ่อนไปด้วย ไม่เพียงเท่านี้ยัง…

ยังมีฤทธิ์ที่เพิ่มความคึกคักอีกด้วย และประสาทสัมผัสของตำแหน่งนี้ยังไวต่อความรู้สึกจากยามปกติมากกว่าสิบเท่า

นางโลมชั้นต่ำทั้งแปดคนไหนเลยจะเคยเห็นบุรุษผิวพรรณเนียนละเอียดอย่างฮวาหูเตี๋ยมาก่อน แม้ว่าจะให้พวกนางในทำงานคุก แต่พวกนางก็มีหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใส

แต่ไหนแต่ไรมามีแต่คนโหดร้ายทารุณใส่พวกนาง มีสิทธิได้เล่นพวกนาง พวกนางไหนเลยจะเคยมีสิทธิได้ทารุณและเล่นคนอื่น อีกทั้งยามนี้พวกนางก็ทั้งแก่ทั้งอัปลักษณ์ ไม่มีใครสนใจมานานแล้ว โหดเหี้ยมดุจเสือร้ายต่างล้วน ‘หิวโหยเหลือแสน’ มาแรมปี

เห็นบุรุษรูปงามเพียงนี้จึงย่อมพากันใช้เรี่ยวแรงและฝีมือทั้งหมดกันสุดตัว เพื่อปรนนิบัติบุรุษรูปงามตรงหน้าผู้นี้

ทั้งแปดนางผลัดกันขี่ม้า สารพัดความโหดเหี้ยม

เรื่องที่ฮวาหูเตี๋ยถนัดดันถูกคนที่ถนัดกว่าคิดบัญชีเข้าเสียแล้ว

ภายในห้อง ‘หรูหรา’ คึกคักตลอดทั้งคืน คลอเคล้าด้วยเสียงโหยหวนทั้งคืนเช่นกัน

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อนางโลมทั้งแปดคนออกมา สีหน้าพวกนางต่างแดงผุดผ่องดุจสาววัยแรกแย้ม แข็งขาอ่อนเปลี้ยแทบยืนไม่อยู่ นี่คือตัวอย่างของการกินจนอิ่มหนำสำราญ

ทว่าทั่วทั้งร่างของฮวาหูเตี๋ยไม่มีที่ว่างเลย นิ้ว แก้ม หน้าอก…ตั้งแต่หัวจรดเท้าเต็มไปด้วยรอยกัดและรอยฟันที่เนื้อหนังปริแตกจนเลือดซิบ

เมื่อเจ้าหน้าที่ศาลาว่าการเข้าไป ขอบตาเขาดำคล้ำ แม้แต่ดวงตาก็ไม่ขยับไหว เสียเรี่ยวแรงออกไปมากและเติมเต็มเข้ามาน้อย ฟ้ายังไม่ทันสางก็ขาดใจตาย

เวลาบุรุษจะฆ่าคนไหนเลยจะใช้วิธีการเช่นนี้ หากบุรุษต้องโทษมหันต์ ก็ต้องฟันประหาร

วิธีการตายที่ละเอียดแยบคายเช่นนี้ ย่อมมาจากความคิดของสตรีอยู่แล้ว

คนสุดท้ายที่ฮวาหูเตี๋ยไปล่วงเกินเข้าคือกูเสี่ยวซู ความคิดนี้จึงย่อมมาจากกูเสี่ยวซู

ชายใดแต่งกับสตรีอย่างกูเสี่ยวซูไป ล้วนต้องมีความกล้าหาญหมื่นเท่า ผนวกกับความใจกล้าอันแข็งแกร่งที่เต็มเปี่ยม หากอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ดี พี่ชายผู้โหดเหี้ยมดุจเสือทั้งสามคนของนางก็จะพุ่งเข้าไปถลกหนังเลาะกระดูก…

พอซูชีนึกถึงสภาพการตายของฮวาหูเตี๋ยขึ้นมาก็พลันตัวสั่น ฝีเท้าที่เดินจากไปพลันรวดเร็วขึ้นทันที

ทว่าตราบใดที่เขาไม่จากเมืองหลวงไป ไม่จากศาลาว่าการแม่ทัพเก้าประตูไป เขาก็จะสลัดหางน้อยๆ นี้ไม่หลุด

ขันทีที่นำราชโองการมาถ่ายทอดจากไปได้ไม่นาน ถงจื่อจิ้งก็กลับมา

หลายวันมานี้เขาเอาแต่ไปสืบและเจรจาต่อรองเรื่องสีเคลือบแก้ว

หนิงเซ่าชิงต่อต้านเรื่องเรือนกระจกอยู่ในใจ แม้ว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะไม่อยากรบกวนถงจื่อจิ้ง แต่ก็อยากหาเรื่องดึงความสนใจของถงจื่อจิ้ง

มิฉะนั้นวันๆ เขาเอาแต่เฝ้าหน้าประตู นางเห็นใบหน้ามืดมนของหนิงเซ่าชิงแล้วก็สงสารและเจ็บปวดเช่นกัน

ทว่า ถงจื่อจิ้งก็ช่วยนางหาช่องทางซื้อสีเคลือบแก้วได้เช่นกัน เพียงแต่จำนวนที่ถงจื่อจิ้งหามาได้กลับไม่เพียงพอเลยสักนิด!

ยามนี้สีเคลือบแก้วยังไม่เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย คนส่วนใหญ่ใช้สีเคลือบแค่ทาพวกเครื่องประดับแปลกใหม่เท่านั้น

ตระกูลที่ร่ำรวยเงินทองมากๆ ต่างหากที่จะมีฉากบังลมเคลือบสีหรือไม่ก็บานหน้าต่างเคลือบสี

ได้ยินว่าในวังหลวงใช้สีเคลือบมาทำหน้าต่าง นอกจากตำหนักบรรทมของฝ่าบาทแล้วก็มีเพียงอวี้กุ้ยเฟยที่ได้รับเกียรตินี้

ร้านค้าเหล่านั้นที่ถงจื่อจิ้งหามา สีเคลือบที่พวกเขากักตุนไว้ไม่เพียงพอให้มั่วเชียนเสวี่ยใช้เลยสักนิด

มั่วเชียนเสวี่ยกลุ้มอกกลุ้มใจ สีเคลือบยุคปัจจุบันมีกันแพร่หลายถึงไหนต่อไหนแล้ว เทคนิคการทำแก้วก็หาได้จากอินเตอร์เน็ตด้วย

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท