หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1331 เป็นที่นิยม

บทที่ 1331 เป็นที่นิยม
เพียงแต่เรื่องที่หวังเป่าเล่อสามารถจัดหาน้ำเย็นหล่อวิญญาณได้ไม่จำกัดนี้ พวกผู้จัดการร้านยังไม่รู้ ดังนั้นแม้ว่าดวงตาจะสว่างไสว แต่สิ่งที่พวกเขามองเห็นมากกว่านั้นคือความดังระเบิดในชั่วพริบตา
แท้จริงแล้วพวกเขาก็ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะใช้วัตถุดิบประเภทเจ็ดอารมณ์ได้ในระยะยาว ถึงอย่างไรเรื่องแบบนี้ในเมืองปรารถนารสก็มีเพียงร้านอาหารยอดนิยมชั้นเลิศแค่สามสี่ร้านเท่านั้นจึงจะทำได้
และร้านอาหารแบบนี้ เบื้องหลังมักจะมีเจ้าแห่งสวาปามอยู่หนึ่งคน
ถึงขั้นที่กล่าวได้ว่ามีเพียงเจ้าแห่งสวาปามเท่านั้นจึงจะมีสิทธิครอบครองร้านในเมืองแห่งนี้ที่ใช้เจ็ดอารมณ์เป็นวัตถุดิบระยะยาวโดยไม่ถูกผู้อื่นสอดแนมแย่งชิงไป
ดังนั้น พวกผู้จัดการร้านและคนแคระในตอนนี้จึงไม่ได้รับรู้เลยว่าน้ำเย็นหล่อวิญญาณที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาจะทำให้เกิดลมพายุแบบไหนกับร้านค้าแห่งนี้ได้บ้าง
แต่เรื่องเหล่านี้ล้วนอยู่ในการพิจารณาของหวังเป่าเล่อแล้ว
นี่เป็นการตัดสินใจหลังจากเขาชั่งน้ำหนักอยู่ถึงเจ็ดแปดวัน บางครั้งการซ่อนตัวก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวค้อมต่ำเสมอ บางทีการทำให้ตนมีค่ามากขึ้นก็อาจจะเป็นการซ่อนตัวที่ดีขึ้นก็ได้
ดังนั้นการเสนอขายน้ำเย็นหล่อวิญญาณจึงเป็นเพียงจุดแรกเริ่มในแผนการของหวังเป่าเล่อ
ไม่นานก็ผ่านไปหนึ่งคืน เมื่อเปิดร้านใหม่ในเช้าวันต่อมา ลูกค้าเก่าที่มักจะมาประจำทุกคนต่างแปลกใจอย่างมากเมื่อพบว่าพนักงานและผู้จัดการร้านได้ขจัดความเสื่อมโทรมของเมื่อหลายวันก่อนไปแล้ว แต่ละคนเปลี่ยนเป็นกระฉับกระเฉงขึ้นมา รอยยิ้มบนใบหน้าไม่เคยหายไปเลย
ขณะเดียวกัน นอกจากอาหารยามปกติแล้ว คนแคระและเจ้าอ้วนน้อยผู้นั้นยังแนะนำเครื่องดื่มที่ชื่อว่าน้ำเย็นหล่อวิญญาณให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคาไม่แพงมาก ดังนั้นจึงมีผู้ฝึกตนส่วนหนึ่งลิ้มชิมดู
แต่หลังจากดื่มไปคำแรก ผู้ฝึกตนที่ลองซื้อดูเหล่านั้นก็ตัวสั่นระริกกันหมดอย่างไม่มียกเว้น ดวงตาเบิกกว้าง ยากจะปกปิดความเคลิบเคลิ้มในแววตา ใบหน้าก็ยิ่งมีรอยยิ้มประดับอยู่ไม่มากก็น้อย
ทันใดนั้น ภาพนี้ก็ทำให้คนที่ไม่ได้ลองพากันแปลกใจ บางคนไปซื้อมาหนึ่งขวดด้วยความสงสัย และพริบตาต่อมาก็มีท่าทางเหมือนกัน
ผ่านไปพักหนึ่งถึงมีคนถอนหายใจยาวเหยียด
“กฎเกณฑ์แห่งเจ็ดอารมณ์!”
“นี่คือ…กลิ่นอายแห่งสุขหรือ”
“คาดไม่ถึงว่าจะมีเครื่องดื่มของกลิ่นอายแห่งสุขอยู่ ของสิ่งนี้…ส่งผลอย่างน่าตะลึงต่อการฝึกตนของพวกเรา”
หวังเป่าเล่อสังเกตได้นานแล้วว่าเจ็ดอารมณ์และหกปรารถนาของโลกใบนี้ต่อต้านกันและกัน และส่วนมากการต่อต้านเช่นนี้จะปรากฏอยู่ในรูปแบบของการกลืนกินและผสานรวม ฝ่ายตรงข้ามล้วนกลายเป็นของบำรุงชิ้นใหญ่เพื่อเพิ่มพลังให้ตนแข็งแกร่งขึ้นได้ทั้งนั้น
นี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่เจ็ดอารมณ์ต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในโลกใบนี้และเกือบจะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์
ด้วยเหตุนี้ หลังจากได้ลิ้มรสความอัศจรรย์ของน้ำเย็นหล่อวิญญาณแล้ว ยอดขายก็ย่อมเพิ่มขึ้นตาม แต่เมื่อคืนหลังจากได้น้ำเย็นหล่อวิญญาณมา พวกผู้จัดการร้านก็ปรึกษากันแล้วว่าจะจำกัดปริมาณขาย
ด้านหนึ่งคือพวกเขาไม่รู้ว่าน้ำชนิดนี้ผลิตได้ไม่จำกัด อีกด้านคือเป้าหมายทุกอย่างที่ใช้ส่วนผสมนี้ก็เพื่อดึงดูดกลิ่นอายแห่งความกระหายอยากให้มากขึ้น ดังนั้นการจำกัดปริมาณการขายจึงไม่ใช่สิ่งที่ร้านของพวกเขาริเริ่มทำ ที่ร้านอื่นๆ ก็เกิดขึ้นบ้างเป็นบางครั้ง
ดังนั้น ผู้ฝึกตนที่คิดจะซื้อขวดที่สองหลังจากซื้อไปแล้วหนึ่งขวดจึงถูกบอกกล่าวเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว แม้จะรู้สึกเสียดายและเกิดความปรารถนา แต่พวกเขาก็เข้าใจดีว่าเรื่องนี้มีแต่ต้องรอ
เป็นเช่นนี้ เมื่อยามเที่ยงและยามเย็นมาถึง จากการนำน้ำเย็นหล่อวิญญาณมาขายก็นับว่าทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในส่วนเล็กๆ ของเมืองปรารถนารสแห่งนี้แล้ว แต่เนื่องจากมีปริมาณน้อยเกินไป บวกกับร้านไม่ได้เป็นที่รู้จัก ดังนั้นขอบเขตที่เกิดการเคลื่อนไหวจึงเล็กมาก ทั้งไม่ได้ดึงดูดความสนใจของร้านอื่นๆ รอบด้านด้วย
แต่…เรื่องใดก็ตามที่มีจุดระเบิดและยิ่งสั่งสมอย่างเพียงพอแล้ว ก็ล้วนสามารถแผ่คลื่นผันผวนน่าตะลึงได้ทั้งนั้น น้ำเย็นหล่อวิญญาณก็เช่นกัน พอผ่านไปสิบวัน ขณะที่ร้านค้าจำกัดปริมาณไว้ที่หนึ่งร้อยขวดต่อวัน เรื่องนี้ก็ค่อยๆ แพร่กระจายไป ผู้คนที่เคยลิ้มลองทั้งหมดยิ่งรู้สึกกระหายมากขึ้น ดังนั้นในไม่ช้า…นอกร้านค้าแห่งนี้ก็เริ่มมีคนมาตั้งแถวในยามค่ำคืนแล้ว
การต่อแถวเช่นนี้ ในแง่หนึ่งมันคือการประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุด ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปทั้งหมดล้วนรู้สึกแปลกใจสงสัย โดยเฉพาะเมื่อผ่านไปอีกเจ็ดแปดวัน กลุ่มคนที่มาต่อแถวนอกร้านยามเย็นมีจำนวนมากถึงหลายร้อยคนแล้ว ในที่สุดเรื่องนี้ก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิมขึ้นมาในระดับหนึ่ง
ร้านรวงรอบๆ เริ่มเคลื่อนไหวแล้วพากันมาตรวจสอบ เป็นเพราะผู้คนต่อแถวมากมายขนาดนี้ ความกระหายและกลิ่นอายแห่งปรารถนารสของพวกเขาจึงยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนอื่นๆ ไม่อาจไม่สนใจ
เช่นเดียวกัน การที่คนมาต่อแถวก็ทำให้หวังเป่าเล่อผู้เป็นเจ้าของร้านดูดซับกลิ่นอายแห่งปรารถนารสได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น กฎเกณฑ์แห่งปรารถนารสภายในร่างเพิ่มพูนอย่างรวดเร็ว
แม้แต่ผู้จัดการร้านกับพวกคนแคระก็ยังได้ประโชน์มากมาย แม้จะเสียร้านค้าไป แต่ตอนนี้สารอาหารของการฝึกตนที่พวกเขาดูดซับทุกวันๆ กลับมีมากกว่าตอนยังมีร้านแบบเมื่อก่อนเสียอีก
ใช้ความรุนแรงสามารถทำให้ร่างกายยอมจำนน แต่ผลประโยชน์กลับทำให้จิตใจของผู้คนจำนนอย่างสมบูรณ์ อย่างพวกผู้จัดการร้านก็เช่นกัน พวกเขาไม่เคียดแค้นหวังเป่าเล่ออีกแล้ว ถึงขั้นที่ถ้าหากหวังเป่าเล่อเสนอตัวจะจากไป พวกเขาก็จะยังไม่เห็นด้วยด้วยซ้ำ
ผลประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นมาทำให้พวกเขาทุ่มเทแรงใจปกป้องยิ่งกว่าตัวหวังเป่าเล่อเองเสียอีก
ในไม่ช้า กิจการของร้านรอบๆ ก็ตกต่ำเพราะเรื่องนี้ แต่พวกเขาไม่คิดว่าน้ำเย็นหล่อวิญญาณจะมีอยู่ได้นาน อีกทั้งเรื่องเช่นนี้ร้านรวงไม่น้อยล้วนเคยทำมาทั้งนั้น มากสุดหนึ่งเดือนก็จะหายไปแล้ว
ดังนั้น พวกเขาจึงเลือกจะสังเกตดูความนิยมของร้านค้าข้างๆ จนกระทั่ง…ความร้อนแรงของน้ำเย็นหล่อวิญญาณยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก กินเวลานานกว่าหนึ่งเดือนไปแล้ว จำนวนคนที่มาต่อแถวก็ยิ่งพุ่งไปถึงหนึ่งพันคน เรื่องนี้จึงนับว่าโด่งดังอยู่ในเมืองปรารถนารสเป็นวงกว้าง
ในที่สุดร้านค้าอื่นโดยรอบ ก็นั่งไม่ติด ผู้ที่เข้ามาหาเรื่องพวกแรกสุดก็คือร้านที่อยู่ใกล้กับพวกเขาที่สุดนั่นเอง พนักงานกับผู้จัดการร้านนั้นเฝ้าดูคนที่ต่อแถวอยู่ข้างนอก จนถึงยามค่ำก็พังประตูบุกรุกเข้าไป
เมื่อประตูร้านปิดลง ข้างในก็ไร้เสียง คนที่เฝ้าดูอยู่ด้านนอกก็ล้วนสังเกตดูอยู่บ่อยๆ แต่จนกระทั่งยามเช้า ด้านในก็ไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่นิดเดียว
กระทั่งถึงเวลาเปิดทำการ เจ้าอ้วนน้อยที่ตาบอดไปข้างหนึ่งก็เดินออกมาอย่างเย่อหยิ่ง หลังจากเปิดประตูร้านและเปิดกิจการตามปกติ ผู้ฝึกตนที่ต่อแถวอยู่ด้านนอกถึงหายใจเข้าลึกเมื่อพบว่าพนักงานในร้านมีเพิ่มขึ้นมา
ไม่กี่คนที่เพิ่มเข้ามาก็คือผู้ฝึกตนจากร้านข้างๆ ที่บุกเข้าไปเมื่อคืน พวกเขาแต่ละคนล้วนท้อแท้ แววตามีความหวาดกลัวขณะยังอ่อนแรง
พร้อมกันนั้น…ขนาดของร้านก็ใหญ่ขึ้นด้วย ไม่รู้ว่าเชื่อมกับร้านข้างๆ จนกลายเป็นร้านเดียวกันตั้งแต่เมื่อไร
เรื่องนี้ทำให้ลูกค้าที่ต่อแถวอยู่เหล่านั้นรู้สึกตกใจไปตามๆ กัน ยิ่งกว่านั้นพวกผู้ฝึกตนจากร้านอื่นๆ ที่มาเฝ้าดูอยู่ที่นี่ก็สูดหายใจลึก ทันใดนั้นก็ไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่ามอีกแล้ว
เป็นเช่นนี้ เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือน น้ำเย็นหล่อวิญญาณเหมือนกับฝนตกชุ่มฉ่ำอยู่ในเมืองปรารถนารส ในใจของผู้ฝึกตนเกือบครึ่ง มันกลายเป็นข่าวลือที่ดังระเบิดที่สุดในเขตตะวันออกของเมืองปรารถนารส
ตอนนี้เอง ในเขตตะวันออก ณ ร้านอาหารขนาดใหญ่แห่งหนึ่งก็กำลังจับตามองที่แห่งนี้ด้วยสายตาละโมบ
“ไปส่งข่าว บอกให้มอบสูตรกับวัตถุดิบจากกฎเกณฑ์แห่งสุขมาซะ ไม่อย่างนั้น…จะไม่ได้เห็นท้องฟ้าของวันพรุ่งนี้” คำพูดราบเรียบดังออกมาจากในร้านอาหารขนาดใหญ่แห่งนี้
………………………………………
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท