เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 530 ความจริงเปิดเผย ตะลุมบอน (3)

ตอนที่ 530 ความจริงเปิดเผย ตะลุมบอน (3)

ปัง!

เพิ่งจะสิ้นเสียง แสงสีขาวแสบตาก็พุ่งออกมาจากหน้าต่าง เรือนรับรองที่เดิมก็ไม่ค่อยจะสงบพลันเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมา และระเบิดอีกครั้ง ประตูใหญ่กับหน้าต่างระเบิดเสียงดังในเวลาเดียวกัน ประกายกระบี่หลายสายพุ่งขึ้นฟ้านับไม่ถ้วน และในขณะที่ประกายกระบี่พุ่งออกมา ก็ยังมีแรงลมจากฝ่ามือที่คมกริบและเงาร่างที่ว่องไวอีกสองร่าง

เตาหนูตะลึง พลางดึงมั่วเชียนเสวี่ยถอยหลังไปหลายสิบเมตรอย่างรวดเร็ว

เรือนหลักของจวนหนิงใหญ่มาก ปกติหัวหน้าตระกูลหนิงไม่เพียงแต่ใช้ทำงาน ต้อนรับแขกผู้มาเยือน แต่ยังใช้ฝึกวรยุทธ์ในเรือนด้วย ดังนั้นจึงกว้างมาก

เมื่อออกมาจากห้องหนังสือ เงาร่างของทั้งคู่แยกไปยืนกันคนละด้าน

ประมือกันครู่หนึ่ง กระบี่อ่อนของหนิงเซ่าชิงก็สั่น เสี้ยวพริบตาก็ได้ยินเสียงร้องวิ้งๆ ราวกับเสียงคำรามมังกรของกระบี่วิเศษดังขึ้นไม่หยุด

กระบี่อ่อนในมือพุ่งใส่ข้อมือหลูเจิ้งหยางอย่างรวดเร็ว กระบวนท่านี้ฉับไวมาก หลูเจิ้งหยางเกือบจะถูกเขาแทง ใบหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย และเริ่มร่ายรำเพลงกระบี่หนักในทันที กลุ่มแสงสีเขียวล้อมอยู่รอบตัว

กระบี่หนักเดี๋ยวเปิดเดี๋ยวปิด เดี๋ยวตัดเดี๋ยวแทง แต่ละกระบวนท่าเปลี่ยนไปมาจนยากจะคาดเดา และประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

ประกายกระบี่และเงาของฝ่ามือที่ปะทะกันของทั้งสองคนนั้นยากจะแยกแยะ

มั่วเชียนเสวี่ยที่ถูกเตาหนูพาไปยืนตรงประตูเรือนก็ตะลึงงันอย่างอดไม่ได้!

ประกายดาบเงากระบี่ รังสีสังหารรุนแรง

เหตุการณ์ตรงหน้า มีแค่วาจาด้านบนเท่านั้นที่สามารถใช้อธิบายได้!

ภายใต้พรายดาบเงากระบี่ เตาหนูถือดาบยืนอยู่ในตำแหน่งเยื้องไปด้านหน้าของมั่วเชียนเสวี่ย ไม่กล้าออกห่างจากมั่วเชียนเสวี่ย เพื่อไปช่วยเจ้านายสู้

เพลงกระบี่ของหนิงเซ่าชิงแข็งแกร่ง ท่าร่างก็ว่องไว ทว่าหลูเจิ้งหยางก็ไม่ด้อยเช่นกัน

คู่ต่อสู้เช่นนี้ การโรมรันสุดชีวิตเช่นนี้ จำเป็นต้องพยายามสุดความสามารถ

ตอนนี้ใบหน้าหนิงเซ่าชิงที่สุภาพอ่อนโยนมาโดยตลอดล้วนมีแต่ความเฉยชาจริงจัง

แม้ว่าจะเชื่อมั่นในตัวหนิงเซ่าชิงมาก แต่มั่วเชียนเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะจิกอาภรณ์ตนเองแน่น! กลัวว่ากระบี่ที่ไร้ตาจะทำให้หนิงเซ่าชิงได้รับบาดเจ็บ!

ทั้งสองคนปะทะกันอีกครั้ง ยืนรวมกันเป็นก้อน

ทั้งคู่ใช้ความเร็วในการต่อสู้ ท่าร่างโรมรันพันตู มั่วเชียนเสวี่ยจึงเห็นแค่สีฟ้ากับสีม่วงเข้มผสมปนเปเข้าด้วยกัน แม้นางจะมองเห็นไม่ชัดเจน แต่ก็รู้สึกได้ว่า แผ่นหลังที่ตึงเครียดของเตาหนูก่อนหน้านี้ผ่อนคลายลง ดูท่าหนิงเซ่าชิงจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ

เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลยจริงๆ ผ่านไปไม่นาน หลูเจิ้งหยางก็ถอยหลังรัวๆ ฝีเท้าสับสนเล็กน้อย

อาภรณ์คลายออกเล็กน้อย แผงอกมีโลหิตแต้มหนึ่ง ดูท่าจะถูกกระบี่ของหนิงเซ่าชิงในตอนที่ประมือกันด้วยความเร็ว

ทว่า ตอนนี้นอกประตูเรือนกลับมีเสียงดังขึ้นกะทันหัน

“คุณชายรอง หัวหน้าตระกูลมีคำสั่ง สถานที่สำคัญเช่นเรือนหลัก ไม่มีวาจาถ่ายทอด ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปขอรับ”

ระหว่างที่ตกตะลึง มั่วเชียนเสวี่ยก็มองไปตามเสียง จึงเห็นหนิงเซ่าอวี่ในตำนานผู้นั้น

ใบหน้ายาว ตาเรียวเล็ก รูปร่างหน้าตาเป็นคน แต่นิสัยเหมือนกับสุนัข ไร้มารยาทสิ้นดี

หนิงเซ่าอวี่ย่อมเห็นมั่วเชียนเสวี่ยเช่นกัน เขาใช้สายตาที่ทำให้คนรังเกียจคู่นั้น พิจารณามองนางขึ้นๆ ลงๆ อย่างมีเจตนาชั่วร้ายแวบหนึ่ง จึงทำให้มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกไม่สบายไปทั่วร่างทันที!

เป็นความรู้สึกเหน็บหนาวราวกับถูกอสรพิษจ้องมอง

หนิงเซ่าอวี่คนผู้นี้จะต้องไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอน!

“คุณชายรอง…”

“บังอาจ! เรือนหลักเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ข้าก็แค่มาเป็นกำลังช่วยเหลือให้หัวหน้าตระกูลเท่านั้น! พวกเจ้าที่เป็นข้ารับใช้สุนัข ไม่เพียงแต่จะไม่เข้าไปช่วยเจ้านายจับโจร ยังจะขวางทางข้าอีก ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”

หนิงเซ่าอวี่พลันตวาด แต่องครักษ์เหล่านั้นกลับไม่ถอยแม้แต่ครึ่งก้าว

ไม่เพียงแต่จะไม่ถอย ยังชักกระบี่ออกมาด้วย ท่าทางราวกับว่าหากเขาไม่ไป ก็จะใช้กระบี่มาปรนนิบัติ

หนิงเซ่าอวี่อายแทบแทรกแผ่นดินหนี! โดยเฉพาะเมื่อถูกบ่าวรับใช้ทั้งหลายขับไล่ต่อหน้ามั่วเชียนเสวี่ย

หนิงเซ่าอวี่ที่เดือดเป็นฟืนเป็นไฟตำหนิองครักษ์หลายนายอย่างไม่เกรงใจ

“บ่าวสุนัขเช่นพวกเจ้า หากเกิดเรื่องกับหัวหน้าตระกูล พวกเจ้ามีกี่ศีรษะมารับผิดชอบ…”

ขอแค่คุณชายรองไม่ลงมือ ไม่ฝืนบุกเข้าไป องครักษ์ก็แค่แสดงท่าทีเท่านั้น ไม่สะดวกที่จะลงมือก่อน

มั่วเชียนเสวี่ยคร้านจะสนใจคนประเภทนี้

ถลึงตาดุร้ายใส่เขาครั้งหนึ่งแล้วก็หันหน้าไป ยังคงตั้งใจดูเหตุการณ์เบื้องหน้า หัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ

กลัวว่าอารมณ์หนิงเซ่าชิงจะได้รับผลกระทบจากเสียงโหวกเหวกโวยวายของหนิงเซ่าอวี่ ประมาทจนได้รับบาดเจ็บทั้งที่ไม่ควรจะได้รับ

ทำให้หลูเจิ้งหยางพลิกจากแพ้เป็นชนะ มีโอกาสหลบหนีได้

แม้ว่าหลูเจิ้งหยางจะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่เมื่อปรับเปลี่ยนแล้ว ถึงจะตกเป็นรอง ก็ไม่เห็นว่าจะพ่ายแพ้ยับเยินอีก

ส่วนทางด้านหนิงเซ่าอวี่ที่แม้ว่าจะด่าพึมพำ แต่องครักษ์หลายนายก็ทำราวกับว่าไม่ได้ยิน ยังคงยืนนิ่งเป็นสากกะเบือขวางอยู่หน้าเขาอย่างนั้น ปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้าตระกูลที่เอ่ยว่า ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าใกล้จนถึงที่สุด!

เห็นท่าทางจงรักภักดีราวกับสุนัขขององครักษ์แล้ว หนิงเซ่าอวี่พลันจงเกลียดจงชังขึ้นมา!

ตอนแรก หากไม่ใช่ว่าอิ่งซารอสุนัขรับใช้ที่เกะกะขวางทางกลุ่มนั้น บางทีตอนนี้หนิงเซ่าชิงคงตายไปนานแล้ว! เช่นนั้นเขาก็คงได้นั่งตำแหน่งหัวหน้าตระกูลไปนานแล้วเช่นกัน!

เตาหนูไม่เพียงแต่สนใจสถานการณ์การต่อสู้ แต่ยังให้ความสนใจการกระทำของหนิงเซ่าอวี่ด้วย!

หนิงเซ่าอวี่พาองครักษ์มาด้วยสองคน เห็นองครักษ์ที่เฝ้าประตูเสียมารยาทกับเจ้านายของตนเอง จึงไม่พูดพล่ามทำเพลง ลงไม้ลงมือทันที

เตาหนูรู้ว่ามาตลอดว่าหนิงเซ่าอวี่มีเจตนาไม่ดี ตอนนี้ในเมื่อนายท่านเป็นฝ่ายได้เปรียบ สมาธิของเขาย่อมอยู่ที่หนิงเซ่าอวี่ทั้งหมด จึงขยับฝีเท้าออกจากประตูไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว

มั่วเชียนเสวี่ยจึงยืนดูการประมือตรงนั้นอยู่คนเดียว

หลูเจิ้งหยางเชี่ยวชาญการใช้อุบายโจมตี! เห็นว่าไม่อาจสู้ศัตรูได้ ในใจก็เกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมานานแล้ว กระบี่หนักพุ่งโจมตีไปยังทิศทางของมั่วเชียนเสวี่ยอย่างไม่คาดฝัน

เขารู้ว่าในใจและในสายตาของหนิงเซ่าชิงมีแต่มั่วเชียนเสวี่ยคนเดียว! เช่นนั้นเขาจึงพุ่งความสนใจไปที่มั่วเชียนเสวี่ยแทน!

เจ้าให้ความสำคัญนางไม่ใช่หรือ เช่นนั้นข้าจะทำลายสิ่งที่เจ้าให้ความสำคัญมากที่สุด! เจ้าไม่ให้ข้าได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ข้าก็ไม่มีทางยอมให้เจ้าได้สุขสบายเช่นกัน!

กระบี่ของหลูเจิ้งหยางโจมตีมากะทันหัน ทั้งยังเร่งรีบมาก กระบวนท่านั้นคล้ายกับปิดตายเส้นทางถอยหลังทั้งหมดไว้แล้ว อาศัยท่าร่างของมั่วเชียนเสวี่ย จะหลบก็หลบไม่พ้น

นางกรีดร้องออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่!

ตอนนี้สถานการณ์ชุลมุนวุ่นวายหมดแล้ว!

เป็นเพราะเตาหนูเป็นกังวลและห่วงเจ้านายของตนเอง ตอนที่ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของมั่วเชียนเสวี่ย จึงรีบหันหน้ากลับไปมอง เตรียมจะเข้าไปช่วยเจ้านายต่อสู้ แต่กลับเป็นการมอบโอกาสที่ดีอย่างยิ่งให้กับหนิงเซ่าอวี่!

แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่หนิงเซ่าชิงที่ยืนอยู่ตรงจุดที่ไม่ไกลจากมั่วเชียนเสวี่ย จับหลูเจิ้งหยางได้

หนิงเซ่าอวี่สบตากลางอากาศกับหลูเจิ้งหยางที่ประมืออยู่แวบหนึ่ง เขารีบชักกระบี่อ่อนที่พันอยู่รอบเอวออกมาโดยไม่ลังเลสักนิด

ส่งสายตาไป ก็มีองครักษ์พุ่งเข้าใส่เตาหนู กระบี่ของหนิงเซ่าอวี่เสือกแทงไปยังแผ่นหลังของหนิงเซ่าชิง

ช่วงเวลาวิกฤต หนิงเซ่าชิงขวางกระบี่ที่หลูเจิ้งหยางแทงไปทางมั่วเชียนเสวี่ย แล้วรีบเค้นกำลังภายในของตนเองออกมา พร้อมกับฟาดฝ่ามือลงบนทรวงอกของหลูเจิ้งหยาง!

พรวด

คล้ายกับคิดไม่ถึงว่าหนิงเซ่าชิงจะสามารถเคลื่อนไหวได้ว่องไวเช่นนี้ได้ในช่วงเวลาสำคัญ หลูเจิ้งหยางกระอักเลือดออกมาคำโต นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ!

แต่ว่ามุมปากกลับโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มประหลาดบางๆ!

ก่อนที่เขาจะมา จะไม่เตรียมตัวให้ดีได้อย่างไร

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท