หัวหน้าโจรภูเขาก้าวขึ้นมามองกูเสี่ยวซูคล้ายกับไม่ใส่ใจ แล้วเบนสายตาจากไป ทว่ากลับรีบหันหน้ากลับมาจ้องนางเขม็งอีกครั้งในวินาทีถัดไป
แววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อจนถึงขั้นมีความประหลาดใจปะปนอยู่ด้วย!
ท่านหญิงซูซูพิจารณามองเขา ในขณะที่คนผู้นี้มองนางอย่างพิจารณาเช่นกัน
หน้าตาของคนผู้นี้โดดเด่น แม้ว่าจะสวมเสื้อผ้าธรรมดาของสามัญชน แต่กลับไม่ได้ทำให้เขากลายพวกโหดร้ายป่าเถื่อน ตรงในข้าม กลับมีกลิ่นอายของต้นหยกเล่นลม[1]แทน
ต้นหยกเล่นลม…
เมื่อนึกถึงคำคำนี้ ซูซูก็นึกถึงคนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนต้นหยกเล่นลมอีกคนหนึ่ง หัวใจพลันเจ็บปวด จึงถอนสายตาตนเองกลับมา!
แต่หัวหน้าโจรภูเขากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น!
เขาไม่กล้าเชื่อว่าคนที่คนเองคิดถึงทั้งวันทั้งคืนจะมาปรากฏตัวข้างกายตนเองด้วยรูปแบบนี้!
เขาแอบรักนางด้วยความทุกข์ใจมาหลายปีขนาดนี้ ทุกค่ำคืนล้วนคิดถึงดวงหน้างดงามของนางถึงจะนอนได้
หรือว่าเหล่าเทียนเย๋[2]สงสารเขา ถึงได้ทำให้ฝันเขากลายเป็นจริง?
“ซูซู…ท่านหญิงซูซู ท่านจำข้าน้อยไม่ได้แล้วหรือขอรับ”
เขาถามด้วยความระมัดระวังอย่างกลัวว่า หากใช้เสียงดังจะทำให้สตรีตรงข้ามตกใจได้
กูเสี่ยวซูได้ยินว่ามีคนเรียกนาง ก็เหลือบตาขึ้นด้วยความประหลาดใจทันที
ต้องรู้ก่อนว่า ในหุบเขาลึกอันไกลโพ้นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนรู้จัก คำว่าท่านหญิงซูซูสี่คำนี้!
“เจ้าเป็นใคร?”
นี่ทำให้กูเสี่ยวซูเกิดความระแวดระวังตัวขึ้นมาทันที!
ในสถานที่อันมีสภาพแวดล้อมยากแร้นแค้น กลับมีคนตะโกนเรียกนามต้องห้ามของนาง จะไม่ทำให้คนเกิดความสงสัยได้หรือ
หัวหน้าโจรภูเขาเห็นว่าซูซูไม่รู้จักเขา ก็ผิดหวังเล็กน้อย แต่ที่มากกว่าคือความยินดี!
ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ได้พบกันแล้วไม่ใช่หรือ นี่เป็นวาสนาที่เหล่าเทียนเย๋ประทานให้!
“ท่านหญิงซูซู ท่านจำข้าไม่ได้แล้วหรือ ข้าเคยขโมยของในเมืองหลวง แล้วเกือบจะถูกคนโบยตาย ตอนนั้นท่านช่วยชีวิตข้าเอาไว้” หัวหน้าโจรภูเขาเอ่ยถึงตรงนี้แล้วก็อับอายเล็กน้อย
อย่างไรเสียเรื่องประเภทนี้ก็น่าอดสู แต่เขามีสัมพันธไมตรีกับท่านหญิงซูซูในเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น ดังนั้นแม้ว่าจะลำบากใจเพียงใด เขาก็ต้องพูดมันออกมา!
กล่าวตามตรง กูเสี่ยวซูจำเรื่องในอดีตไม่ค่อยได้
นางตั้งใจทำให้ชื่อเสียงตนเองเสียหายที่เมืองหลวง เพราะไม่อยากแต่งงานกับผู้อื่น เรื่องวีรกรรมกล้าหาญนั้นก็ทำไว้ไม่น้อย ดังนั้นแม้ว่าคนตรงหน้าจะเล่าชัดเจนเพียงใด นางก็ยังคงเบลอๆ งงๆ ความจริงคือลืมไปหมดแล้ว
กูเสี่ยวซูพยักหน้าไม่ยินดียินร้อน แล้วไม่ได้เอ่ยเรื่องอื่นๆ อีก
อย่างไรเสีย ก็จำไม่ได้แล้ว และไม่มีเรื่องในอดีตอะไรให้รำลึกกับเขา
ปฏิกิริยาเช่นนี้ของกูเสี่ยวซูถูกหัวหน้าโจรภูเขาเห็นอยู่ในสายตา จึงรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อยทันที
เขามั่นใจว่าท่านหญิงซูซูจะต้องลืมตนเองไปแล้วแน่นอน
“ท่านหญิงซูซู ข้ามีนามว่าจ้าวเหล่ย หลังจากนี้หากท่านมีเรื่องอะไร ก็สั่งการมาได้เลยขอรับ!”
เมื่อเอ่ยจบ เขาก็เห็นว่าลูกน้องตนเองยังคุมตัวท่านหญิงซูซูอยู่ จึงเดือดดาลขึ้นมาทันที! พร้อมกับคำรามใส่พวกเขาเสียงดังว่า “ยังไม่รีบปล่อยท่านหญิงซูซูอีก! เจ้าคนไร้ค่าพวกนี้นี่!”
ในยามปกติเขาปฏิบัติต่อเหล่าพี่น้องอย่างสุภาพอ่อนโยน แต่เป็นเพราะคนที่พวกเขาลักพาตัวมาในวันนี้คือท่านหญิงซูซู ผู้เป็นเทพธิดาในดวงใจของเขา ดังนั้นถึงได้กล่าววาจาเช่นนี้
คนที่อยู่ด้านหลังกูเสี่ยวซูมีท่าทางตะลึงเล็กน้อยจากการถูกจ้าวเหล่ยส่งเสียงตะคอกอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น เขารีบปล่อยท่านหญิงซูซูทันที!
จ้าวเหล่ยถึงได้โล่งใจ แล้วรีบเอ่ยว่า “ท่านหญิงซูซูมาจากที่ใดกันขอรับ หากว่ารีบร้อน ข้าจะให้คนพาท่านกลับไปส่ง”
แม้ว่าในใจจะอาลัยอาวรณ์มากเพียงใด แต่เขาเข้าใจดีว่า การที่เหล่าเทียนเย๋ให้เขาได้พบหน้ากับท่านหญิงซูซู ก็เป็นพระคุณยิ่งใหญ่ต่อเขาแล้ว เขาจะกล้าคิดเรื่องอื่นๆ พวกนั้นอีกได้เช่นไร
เดิมนึกว่าท่านหญิงซูซูจะต้องจากไปอย่างไม่ลังเลแน่นอน แต่กลับคิดไม่ถึงว่า นางจะเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ที่แห่งนี้ของเจ้ายังมีห้องให้คนพักได้หรือไม่ หากมี ก็ใจดีรับข้าเอาไว้เถอะ”
นางไม่อยากกลับไป อีกอย่างตอนนี้ก็ยังไม่รู้สถานะตนเองในใจซูชีเลย ดังนั้นนางจึงไม่สามารถกลับไปได้เช่นกัน
นางยังคงต่อสู้จนถึงที่สุด เพราะอยากรู้มากว่า ตนเองมีสถานะใดในใจซูชีกันแน่!
แม้ว่าทำเช่นนี้จะเอาแต่ใจตนเอง ไม่เข้าท่า และไม่มีความเป็นสตรีเกินไปอยู่บ้าง
แต่นางรอต่อไปไม่ไหวแล้ว!
นางไม่อยากเสียเวลาคิดเพ้อฝันทุกวันแบบนี้อีก
สมมติว่า ซูชีไม่มีความรู้สึกใดกับนางจริงๆ ล่ะก็ นางก็จำเป็นต้องปล่อยมือ นาง กูเสี่ยวซู จะเลวทรามอย่างไร! แต่ความเย่อหยิ่งในฐานะท่านหญิงแห่งแคว้น ก็ไม่อนุญาตให้นางไร้ยางอายเช่นนี้ต่อไป!
ซูชี ข้าจะให้เวลาพวกเราทุกคนสามวัน สามวันหลังจากนี้ หากเจ้าไม่มาหาข้า เช่นนั้นข้าจะกลับเมืองหลวง และสาบานว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่ปรากฏตัวข้างกายเจ้าอีก!
คนที่ดีใจที่สุดที่ท่านหญิงซูซูรั้งอยู่ในรังโจรภูเขาก็คือจ้าวเหล่ย เขาได้ยินวาจาของท่านหญิงซูซูแล้ว ก็รีบส่งลูกน้องไปจัดเตรียมห้อง จากนั้นก็กลัวว่าลูกน้องที่เป็นบุรุษไร้อารยธรรม จะทำเรื่องพวกนี้ได้ไม่เรียบร้อย
เมื่อกล่าววาจาขออภัยในความผิดพลาดกับท่านหญิงซูซูแล้ว เขาก็เป็นคนไปจัดเตรียมห้องที่งดงามห้องหนึ่งให้กับท่านหญิงซูซูด้วยตนเอง!
กูเสี่ยวซูเห็นท่าทีของจ้าวเหล่ยแล้ว ก็ยิ้มบางๆ
นางเห็นความชื่นชมในแววตาของจ้าวเหล่ยชัดเจน แต่หัวใจของนางหายไปแล้ว ไม่สามารถมอบให้ผู้ใด และมอบความหวังใดได้อีก
ท่านหญิงซูซูคิดได้เช่นนี้แล้ว ก็อดนึกถึงตนเองไม่ได้
นางปฏิบัติกับจ้าวเหล่ยเช่นนี้ เพียงเพราะอยากจะหยุดความคิดที่เขามีต่อตนเอง เช่นนั้นซูชีเล่า?
ทั้งหมดที่ตนเองปฏิบัติต่อซูชี ซูชีล้วนเห็นอยู่ในสายตาเช่นกัน เช่นนั้นการกระทำที่ไร้เยื่อใย เรื่องที่ทำให้เสียใจพวกนั้นของซูชี ความจริงแล้วกำลังบอกนางว่าให้นางตื่นได้แล้วใช่หรือไม่
เพียงแค่คิดว่านี่เป็นความเป็นไปได้หนึ่ง กูเสี่ยวซูก็อดกอดตนเองแน่นไม่ได้
หนาวเกินไปแล้ว
ความเป็นจริงนั้นหนาวเกินไป จินตนาการก็หนาวเกินไปเช่นกัน
ซูชี ในใจเจ้าคิดเช่นนั้นจริงๆ หรือ
หากว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ…
เจ้าจะให้ข้า กูเสี่ยวซู ทนรับการโจมตีเช่นนี้ได้อย่างไร!
ซูซูจึงพักอาศัยอยู่บนเขาทั้งแบบนี้
ความจริงแล้ว นอกจากพักอยู่ที่นี่ ซูซูก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองจะไปที่ไหนได้อีก
ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกับฟ้ากว้าง แผ่นดินใหญ่ แต่กลับไม่มีสถานที่ใดให้นางอาศัยเลยสักนิด เลื่อนลอย จนปัญญา เจ็บปวด และสับสน
ซูซูในตอนนี้ทั่วร่างล้วนเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกพวกนี้
แต่นางกลับไม่สามารถบอกว่า นางมีความลำบาก และรู้สึกเจ็บปวดมากเพียงใดกับผู้อื่นได้ นางทำได้เพียงแค่กัดฟันทน แล้วกลืนมันกลับลงไปในท้องตนเอง
“ท่านหญิงซูซู? ข้าน้อยมาส่งข้าวให้ท่านขอรับ”
เมื่อได้ยินเสียงคนดังขึ้นที่ประตู ซูซูก็รีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้าตนเองให้สะอาด พลางยื่นมือมาตบแก้ม เพื่อที่จะทำให้ตนเองไม่ดูแล้วซีดเซียวขนาดนั้นอีก ก่อนจะรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู
บุรุษตรงหน้าประตูไม่ใช่สองคนที่ลักพาตัวนางมาก่อนหน้านี้ แต่เป็นอีกคนหนึ่ง ซูซูก็เข้าใจแล้ว ดูท่าในรังโจรภูเขาแห่งนี้จะมีโจรเป็นจำนวนมาก
[1] ต้นหยกเล่นลม ใช้อุปมาถึงชายหนุ่มที่รูปงาม หล่อเหลา อ่อนโยนและสง่างาม
[2] เหล่าเทียนเย๋ หรือที่ชาวแต้จิ๋วเรียกกันว่า เง็กเซียนฮ่องเต้ เป็นเทพเจ้าสูงสุดผู้ปกครองสวรรค์ และดูแลเทพเจ้าทั้งปวง