แต่กูเสี่ยวซูก็ไม่ได้รู้สึกต่อต้านอะไรกับสิ่งเหล่านี้
สำหรับนางแล้ว ได้พบกับคนที่สามารถรับตนเองเอาไว้ได้ในตอนนี้ ทั้งยังไม่ข่มเหงตนเอง ก็รู้สึกพอใจมากแล้ว!
แน่นอนว่า หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคนอื่น อาจจะเลี่ยงความตายไม่พ้น
แต่อย่างน้อยที่สุดก็อธิบายได้ว่า นางโชคดีไม่ใช่หรือ
“ขอบคุณ” กูเสี่ยวซูเอ่ยขอบคุณง่ายๆ แล้วรับกล่องอาหารมา พร้อมกับปิดประตู
อาเฉิงที่มาส่งอาหารเห็นหน่วยตาท่านหญิงซูซูแดงระเรื่อก็เป็นกังวลเล็กน้อย
ใครบ้างไม่รู้ว่า ท่านหญิงซูซูผู้นี้เป็นแก้วตาดวงใจของลูกพี่พวกเขา! ท่านหญิงซูซูได้รับความไม่เป็นธรรมอันใดถึงได้หน่วยตาแดงระเรื่อกัน?
อาเฉิงคิด เขาจะต้องไปรายงานลูกพี่สักหน่อย เมื่อถึงตอนที่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ลูกพี่จะได้ไม่กล่าวโทษลงมา!
ซูซูวางกล่องอาหารไว้บนโต๊ะ และไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใดๆ อีก
ความจริง กล่าวตามตรงเลย นางไม่อยากกินข้าว แต่ผู้อื่นนำอาหารมาส่งถึงหน้าประตูแล้ว หากไม่รับ ก็ดูเหมือนว่าตนเองจะหยิ่งผยองมาก
แม้ว่าแต่ก่อนนางจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่นับตั้งแต่ตอนนี้ นางจะไม่ใช้ชีวิตที่โอหังอวดดี และกระทำตนตามอำเภอใจเหมือนในอดีตอีกแล้ว
การเดินทางท่องเที่ยวเป็นเวลานานนี้ เห็นการเปลี่ยนแปลงของน้ำใจผู้คนมามาก กูเสี่ยวซูเข้าใจแล้วว่า การทำตัวโอหังอวดดี ทำตามอำเภอใจตนเอง ต้องทำต่อหน้าคนใกล้ชิด ญาติพี่น้องเท่านั้น ถึงจะได้ผล
คนที่ไม่ชอบเจ้า ไม่รักเจ้า จะรู้สึกรังเกียจท่าทีโอหังอวดดี ทำตามอำเภอใจตนเองเช่นนี้ของเจ้าเท่านั้น!
เฉกเช่น…ซูชี
เมื่อคิดถึงซูชี หัวใจนางก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว
ฟ้าค่อยๆ มืดลงแล้ว แต่พวกซูชียังคงไม่มาหาตนเอง หรือจะกล่าวได้ว่า ซูชีไม่ได้ตามหาตนเองเลยสักนิด!
ฟ้ามืดลงยิ่งขึ้น หัวใจกูเสี่ยวซูก็ยิ่งหนักอึ้ง
หลังจากรู้ว่านี่เป็นเวลาเที่ยงคืน ทุกคนล้วนพักผ่อนกันแล้ว กูเสี่ยวซูก็อดหัวเราะเยาะตนเองไม่ได้…
ดูสิ ซูชีไม่มีความรู้สึกฉันมิตรอะไรต่อนางเลยสักนิดจริงๆ
บางทีก่อนหน้านี้อาจจะมีมิตรภาพเล็กน้อย แต่ถึงตอนท้าย ถึงตอนนี้ เกรงว่าจะไม่มีอะไรแล้วสินะ
กูเสี่ยวซูอดกลั้นต่อความสิ้นหวังที่เกิดขึ้นเป็นระลอกในใจ พลางหลับตาลง
ซูชี…นี่เจ้าจะให้ข้ายอมแพ้และสิ้นหวังกับเจ้าจริงๆ หรือ
และซูชีในตอนนี้กำลังทำอันใดอยู่?
อาจ้าวกับจ้าวเฟยลู่ออกไปตั้งแต่ตอนบ่าย จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา
เขายืนอยู่หน้าบานหน้าต่าง มองดูแสงจันทร์แจ่มจรัสส่องลงบนพื้นหิมะสีขาวโพลน ความกระวนกระวายใจก็มากขึ้นเรื่อยๆ
เขาไม่เชื่อจริงๆ ว่ากูเสี่ยวซูหายตัวไป!
กูเสี่ยวซู สตรีนางนั้น แม้บางครั้งจะหยิ่งผยองเอาแต่ใจ แต่อย่างมากที่สุดก็รู้จักประมาณตนเองและมีความสามารถในการปกป้องตนเอง!
ตอนเช้า เขามองกูเสี่ยวซูออกไป และเห็นกูเสี่ยวซูกับจ้าวเฟยลู่ยืนสนทนากันอยู่ริมแม่น้ำสองคนรางๆ
ความจริงตอนนั้นในใจเขามีความรู้สึกหนึ่งที่บอกไม่ได้ว่าคืออะไรกันแน่ แต่เมื่อเห็นภาพที่กูเสี่ยวซูยืนอยู่ด้วยกันกับจ้าวเฟยลู่สองคนแล้ว ก็รู้สึกว่าในทรวงอกคล้ายกับมีอะไรบางอย่างติดอยู่!
เขาไม่เคยมีประสบการณ์ความรักที่แท้จริง กับมั่วเชียนเสวี่ย ตั้งแต่ต้นจนจบก็เป็นแค่ความรักข้างเดียวเท่านั้นเอง
ภาพที่กูเสี่ยวซูกับจ้าวเฟยลู่ยืนเคียงไหล่กันนั้นทำให้เขารู้สึกขัดตามาก ดังนั้นสุดท้าย ซูชีจึงหมุนตัวกลับเข้าห้องไปไม่มองพวกเขาอีก
แต่กลับสงบใจไม่ลง
เขาเอนตัวลงบนเตียง แล้วหลับตาลง ภายในสมองคิดถึงนัยน์ตาที่นุ่มนวลดุจสายน้ำของซูซูเมื่อวานที่มองเขาอย่างหลงใหล ยังมีหัวใจที่เต้นระรัวขณะที่ปากนางที่ตะโกนเรียกซูชีสองคำนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า!
เขาไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไรไปกันแน่ แต่กลับไม่ยอมรับว่าตนเองหวั่นไหวกับซูซูเด็ดขาด!
ในใจเขามีคนคนหนึ่งนามว่ามั่วเชียนเสวี่ย ทั้งยังไม่อาจลืมเลือนได้ตลอดชีวิต
มีคนในใจอยู่แล้ว ยังจะให้เขาไปรบกวนชีวิตของกูเสี่ยวซูอีกหรือ
กูเสี่ยวซูเป็นสตรีไร้เดียงสานางหนึ่ง ความรักของนางเรียบง่าย ลึกซึ้งและร้อนแรง ตรงข้ามกับความรักของเขาโดยสิ้นเชิง เขาเป็นคนที่ไม่ก็ไม่หวั่นไหวไปชั่วชีวิต เมื่อหวั่นไหวขึ้นมาก็เป็นบุรุษที่รักไปชั่วชีวิต!
ดังนั้นซูชีจึงคิดว่า เขาไม่เหมาะสมกับกูเสี่ยวซู
แต่ซูชีกลับไม่เคยคิดเลยว่า ความรู้สึกบางอย่างก็กลายเป็นความหวั่นไหวได้โดยไม่รู้ตัว เพียงแต่เขาผู้เป็นบุคคลอยู่ในเหตุการณ์ไม่รู้เท่านั้นเอง
ซูชีนอนหงุดหงิดใจอยู่บนเตียง รอจนถึงตอนที่ลุกขึ้นมายืนหน้าบานหน้าต่างอีกครั้ง เงาร่างของกูเสี่ยวซูกับจ้าวเฟยลู่ก็หายไปแล้ว!
ตอนนั้นเขาคิดว่า บางทีพวกเขาสองคนคงไปผ่อนคลายอารมณ์กันที่ไหนแล้ว?
อย่างไรเสียเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ก็เป็นความเจ็บปวดประเภทหนึ่งสำหรับกูเสี่ยวซู!
หากไม่ใช่เขาควบคุมตนเองเอาไว้ได้ทันเวลาในช่วงเวลาสำคัญตอนท้าย เกรงว่าตอนนี้ทั้งสองคนคงเดินไปถึงจุดที่ไม่อาจย้อนกลับมาได้แล้ว!
แต่ซูชีกลับไม่รู้ว่า การหยุดกลางคันอย่างกะทันหันของเขาต่างหากที่เป็นเหตุผลที่ทำให้กูเสี่ยวซูเสียใจมากที่สุด!
รอจนถึงตอนที่จ้าวเฟยลู่กลับมา กลับกล่าววาจาหลอกลวงว่ากูเสี่ยวซูหายตัวไป!
น่าขันหรือไม่
ก่อนหน้านี้เขาเห็นเต็มสองตาว่า เขาอยู่กับกูเสี่ยวซูสองคน! แล้วจู่ๆ กูเสี่ยวซูจะหายตัวไปได้อย่างไร
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมซูซีถึงไม่ยอมรับว่ากูเสี่ยวซูหายตัวไปมาโดยตลอด!
แต่ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว จ้าวเฟยลู่กับอาจ้าวก็ยังไม่กลับมาทั้งสองคน!
แม้ว่าในใจซูชีจะคิดมาตลอดว่ากูเสี่ยวซูจะต้องไปซ่อนตัวแน่นอน แต่เมื่อถึงตอนนี้ ก็อดเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้
จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนาง มีอันตรายอะไรกับนางจริงๆ ใช่หรือไม่
แม้เขาจะข่มความคิดนี้เอาไว้ตลอด แต่เมื่อเห็นว่าเวลาดึกขึ้นเรื่อยๆ ในใจซูชีก็ไม่กล้ามั่นใจขนาดนั้นอีกแล้ว!
และในตอนนี้เองที่พลันได้ยินเสียงคล้ายฝีเท้าดังลอยมาจากข้างนอก ซูชีรีบเก็บงำความรู้สึก แล้วหมุนตัวกลับไปบนเตียง
คนที่กลับมาคือจ้าวเฟยลู่กับอาจ้าว
ตลอดทั้งวันนี้ สามารถเรียกได้ว่า พวกเขาข้ามหุบเขาตามหาเป็นระยะทางไกลและยากลำบากจริงๆ! แทบจะพลิกภูเขาทั้งลูกหาอยู่แล้ว แต่กลับยังคงหาไม่เจอแม้แต่เงาของกูเสี่ยวซู!
จ้าวเฟยลู่ร้อนใจยิ่ง ปากก็มีตุ่มพุพอง อาจ้าวก็ท้อแท้หมดอาลัยตายอยาก ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าใดนัก!
เดิมอาจ้าวนึกว่าที่จ้าวเฟยลู่บอกว่าท่านหญิงซูซูหายตัวไป จะเป็นแค่การโกหก แต่หลังจากที่ตนเองตามเขาออกไปหานางด้วยกันตลอดช่วงบ่าย ถึงได้เข้าใจว่า ดูเหมือนท่านหญิงซูซูจะหายตัวไปจริงๆ!
“ข้าไปรายงานคุณชายสักหน่อย” อาจ้าวเข้ามาในบ้านแล้ว ก็รีบเดินไปที่หน้าประตูห้องซูชี และเตรียมจะเคาะประตูห้อง!
แต่ในเสี้ยววินาทีถัดไป กลับถูกจ้าวเฟยลู่ห้ามเอาไว้!
“เจ้าทำอะไรน่ะ”
“มีอะไรให้รายงานกัน แม้ว่าเจ้าจะพูดเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง เขาก็ไม่มีทางเชื่อ! และจะต้องคิดว่านี่เป็นการเล่นลูกไม้ของท่านหญิงซูซูเท่านั้นเอง!” จ้าวเฟยลู่โมโหจนหายใจหอบแรงแล้ว!