เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน – ตอนที่ 25

ตอนที่ 25

25.ตรุษจีน

กู้หรูเฟิงเอาไม้ฟื้นไปกองไว้อย่างประณีตบรรจง แล้วตอบ คำถามโดยไม่คิดมาก “คน ๆ หนึ่งไม่สามารถยอมรับ โชคชะตา ไปชั่วชีวิตได้ ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อในโชคชะตา”

ทุก ๆ อย่างล้วนเป็นเพราะโชคชะตาลิขิต

บางทีมันอาจจะจริงก็ได้ หลิ่วเจินเชื่อ เหตุใดหลังจากที่ ตนเองตายไปแล้ว ถึงมาที่สถานที่นี้ได้ ไม่แน่อาจเป็นโชคชะตา ที่ลิขิตไว้แล้วก็เป็นได้

หิมะยังคงลอยละล่องอยู่เต็มท้องฟ้า นี่คือหิมะตกครั้งที่ สอง ผืนนภาคล้ายห่มด้วยผ้าไหมสีเงิน แล้วคลุมทับทั่วทั้งหุบ เขาต้าซานอีกที สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่แต่งแต้มด้วย ต้นไม้ออกไปสุดลูกหูลูกตา และตรงกลางภูเขามีหมอกลอย อ้อยอิ่งอยู่ ความงดงามตั้งเดิมของโลกนี้ มีอยู่ให้เห็นจริง ๆ แค่ในสถานที่อันโดดเดี่ยวไร้ผู้คนแห่งนี้

“หิมะตกหนักขึ้นทุกที่ คิดจะตู ก็กลับเข้าไปดูในบ้านเถิด” แม้กู้หรูเฟิงไม่อยากรบกวนอารมณ์สุนทรีย์ของอีกฝ่ายนัก ทว่า วันนี้หนาวมากจริง ๆ

“อั้ม” หลิ่วเจินเปล่งเสียงในลำคอ แล้วเอ่ยขึ้นมาลอย ๆ

“เมฆาเหลืองยาวหนึ่งพันลี้ อาทิตย์อัสดง ลมเหนือพัดมา ฝูง ห่านป่าอพยพ หิมะตก วนเวียนไม่สิ้นสุด”

ช่างเหมาะเจาะกับทัศนียภาพในเวลานี้นัก
กู้หรูเฟิงตัวแข็งที่อ หลิ่วเจินไม่เคยเรียนหนังสือ เหตุใดถึง ร่ายโคลงกลอนได้เล่า?

หิมะตกยิ่งตกหนักขึ้น ๆ เรื่อย ๆ แทบจะบดบังท้องฟ้าและ ผืนดินไปหมดแล้ว ความสงบสุขท่ามกลางผืนฟ้าและผืนดิน เริ่มลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ๆ ทว่าความสงสัยที่กองทับถมไว้ก็ เริ่มสูงขึ้น ๆ เรื่อย ๆ

หิมะตกครั้งที่สามในวันส่งท้ายปีเก่า มีการเช่นไหว้บิดา มารดาที่จากไปแล้วของหลิ่วเจิน ซึ่งจริง ๆ แล้วทั้งสองถูกฝังอยู่ ในป่าละเมาะไม่ไกลนัก กองดินเล็ก ๆ โล้นเลี่ยน 2 กอง คือชั่ว ชีวิตที่เหลือของผู้วายชนม์ทั้งสอง

หลิ่วเจินมีความทรงจำที่ไม่ปะติดปะต่อ จนถึงตอนนี้ก็ยัง

ไม่รู้จักบิดาและมารดาเท่าใดเลย ทว่าความเศร้าโศกที่มีอยู่นี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรยากาศที่มีแต่ต้นไม้แห้งเหี่ยวพาไป หรือ เป็นเพราะสัญชาติญาณที่หลงเหลืออยู่ในร่างกันแน่

กู้หรูเฟิงเฝ้ามองดูเงียบ ๆ “หากท่านพ่อและท่านแม่ข้ามี หลุมฝังศพกับเขาบ้างก็คงดี”

หลิ่วเจินเหลือบมองอย่างประหลาดใจ นางรู้ว่าเขาคือ

คุณชายที่ตระกูลประสบเคราะห์กรรม แต่ไม่นึกเลยว่ากระทั่ง หลุมศพก็ยังไม่มี

คนในยุคโบราณจะถือเรื่องการตายเป็นเรื่องไหญ่ คน ตายก็คล้ายตะเกียงที่ดับไปแล้ว และจะไม่มีการไปประทุษร้าย ศพของคนตายเด็ดขาด
แม้ในใจนึกกังขา ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้ถามออกไป หญิง สาวเอ่ยปลอบโยน “สามารถสั่งสอนคนเช่นท่านได้ พวกท่าน ต้องเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่นแน่นอน เพียงแต่ได้เห็นความ จริงว่า ท่านอยู่รอดปลอดภัย นั่นย่อมสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด และสำหรับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในทางโลก พวกท่านบำเพ็ญวิถี เซียน ไทยจะใส่ใจโลกมนุษย์เล่า?”

ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มฝืด เฝื่อน “อันที่จริงนี่เป็นครั้งแรกที่ ได้ยินเจ้าปลอบโยนคนเช่นนี้ ไปกันเถิด”

เรื่องของเรื่องก็คือ ยังมีงานในมืออีกมากที่ต้องทำ

ยุ่งวุ่นวายมาทั้งวัน ก็เห็นอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะ หลิ่วเงินรู้ สึกถึงความสำเร็จอันไม่ธรรมดา เหนืออื่นใด ก่อนหน้านั้น ตนเองทำได้เพียงต้มบะหมีสำเร็จรูป หรือไม่ก็อุ่นเกี้ยวแช่แข็ง เท่านั้น

จริง ๆ แล้ว คนเราก็ต้องเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ

ภายหลังการทำอาหารอันแสนยุ่งวุ่นวายจบลง หญิงสาสว ให้รู้สึกผ่อนคลายลงมาก เหนืออื่นใด อาหารที่ทำมีเพียงพอให้ กินไปสามถึงสี่วันเลย ที่เหลือก็คือช่วงเวลาพักผ่อนหย่อนใจ แล้ว

กู้หรูเฟิงหยิบหนังสือมานั่งอ่านที่โต๊ะ เทียบกับหลิ่วเจินที่ รู้สึกเบื่อหน่าย หญิงสาวนอนกลิ้งบนเตียง ปล่อยความคิดให้ ล่องลอยไป โดยรวมแล้ว ยังไม่อาจหาอะไรที่น่าสนใจพบ

ในยุคสมัยใหม่ ความบันเทิงหาง่ายและมีให้เลือกมากมาย ในยุคโบราณของเล่นสักชิ้นก็ไม่มี การอ่านหนังสือ และการคัดอักษร คือวัฒนธรรมการฆ่าเวลาของคนในยุคนี้ ยามนี้ตนเองคล้ายคนไร้การศึกษา จึงไม่สามารถทำอะไรพวกนี้ ได้เลย

หลังจากนอนพลิกไปพลิกมาสองตลบ สุดท้ายก็ทนไม่ได้ อีกต่อไป หญิงสาวเข้าครัวหาขวาน แล้วเริ่มต้นสับไม้ฟื้น ไม่ นานก็ทำชิ้นไม้ออกมาได้ 54 ชิ้น จากนั้นไปเอาพู่กันของกู้หรู เฟิง จุ่มหมึกแล้วเขียนลงบนไม้

กู้หรูเฟิงรู้สึกปวดใจเล็กน้อย การป้ายพู่กันไปบนผิวหน้า หยาบ ๆ แบบนั้น แน่นอนพูกันย่อมใช้ไม่ได้อีก ซ้ำหมึกก็เหลือ ไม่มากด้วย ทว่าชายหนุ่มก็ไม่พูดอันใด เหนืออื่นใด หายากนัก ที่หลิ่วเจินจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นมาทำอะไรเองแบบนี้

ที่คนมีจิตใจหมกมุ่นทุ่มเท ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่หา ของมาเล่นเท่านั้น และไพ่คือของที่ใช้สร้างความบันเทิงในยาม ว่างได้ดีทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ไม่มีกระดาษแผ่นหนา ๆ ในมือ อีกทั้งไม่มีใจเสียกระดาษสีขาวราคาแพงดี ๆ ไปด้วย จึงใช้แค่ ชิ้นไม้สี่เหลี่ยมแทน เวลาเล่นไพ่ ก็เพียงวางสิ่งที่ดูคล้ายไพ่แบบ นี้บนโต๊ะ ถึงอย่างไรมีให้เล่นย่อมดีกว่าไม่มีจริงไหม

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

แคว้นอันเป็นแคว้นที่ได้ชื่อว่าเป็นปึกแผ่นมั่นคง และมั่งคั่ง อย่างที่สุด แต่เรื่องทั้งหมดนี้ หาได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับชาว บ้านในแถบหุบเขาต้าชานเลย หุบเขาอันสลับซับซ้อนนี้ เป็นที่หลบซ่อนของบรรดานกและ สัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์มากมายนับไม่ถ้วน ทำให้ผู้คน แทบไม่กล้าเข้าไปเยือน แม้กระทั่งพรานป่าฝีมือฉมัง ก็ยัง ต้องเข้าไปเป็นกลุ่ม กลุ่มละสองคนบ้าง สามคนบ้าง บาง ครั้งบางคราพวกเขาอาจต้องฝังร่างไว้ในปากของเหล่า หมาป่า ดังนั้นผู้คนที่กล้าย่างกรายเข้าไปจริง ๆ จึงมีน้อย เสียยิ่งกว่าน้อย บรรดาชาวบ้านที่ตั้งรกรากในแถบเชิงเขา ต่างต้องดิ้นรน หาเลี้ยงชีพ ส่วนใหญ่พึ่งพิงผืนดินเนื้อที่ไม่กี่หมู่เพื่อเลี้ยง ดูคนทั้งครอบครัว กล่าวได้ว่าหากผู้ใดไม่ทำไร่ ก็ย่อมไม่มี กิน ถึงกระนั้น พืชผลที่เก็บเกี่ยวได้ส่วนใหญ่ ยังต้องถูกแบ่ง ไปจ่ายภาษีอีกปีไหนจะมีกินหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับสวรรค์ เมตตาเป็นสำคัญ อีกไม่ช้า ก็จะถึงเวลาหิมะตกหนักปกคลุมหุบเขาอีกครา แต่ละครอบครัวล้วนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ปัญหาการ ขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ลามเลียไปทั่วทุกหย่อม หญ้า “ลองคิดดูสิ เมื่อถึงยามหิมะปกคลุมไปทั่วภูเขา เรา จะไม่มีอะไรยาไส้ไปสามถึงสี่เดือนเลยนะเพลานี้ทั้งบ้าน เหลือข้าวอยู่เพียงครึ่งไห แล้วอย่างนี้จะอยู่รอดต่อไปไหว รี ท่านก็เอาแต่วาดรูปอยู่นั่นแหละ กู้หรูเฟิง…ท่านจะทำตัว เป็นคุณชายตระกูลสูงไปถึงไหน!” ฝ่ายหญิงตวาดแว้ด พลางกวาดกระดาษและแท่นหมึกบนโต๊ะลงพื้นจนน้ำหมึก สาดกระเซ็นไปทั่ว มิหนำซ้ำแท่นหมึกยังแตกกระจายเป็น เสี่ยงๆอีกด้วย บุรุษร่างผอมบาง มีนามว่ากู้หรูเฟิง เขามีใบหน้าซูบ ขาวซีด แถมบนใบหน้าปรากฏรอยแผลเป็นเด่นชัด ซึ่งมี ลักษณะเป็นเส้นสายสีดำตั้งตรง แต่ถึงกระนั้นที่หว่างคิ้วยัง ปรากฏความสง่างาม ให้เห็นอยู่รางๆ เมื่อชายหนุ่มเห็นข้าวของที่ถูกกวาดกระจายลงพื้น ให้รู้สึกปวดใจนัก ใคร่อยากจะเก็บขึ้นมา ทว่าในเสี้ยวเวลา นั้น ความปวดร้าวเสียดแทงพลันวาบขึ้นมาบนขา ประหนึ่ง ถูกเข็มที่มแทงนับพันเล่ม ทำให้ชายหนุ่มอดนิ่วหน้าไม่ได้ แต่ทั้ง ๆ ที่เจ็บปวดสุดแสน ก็ยังสามารถมองเห็นเค้าหน้า หล่อเหลาคมคายนั้นได้ องคาพยพทั้งห้าก็แสนวิจิตร ซึ่ง เป็นความงดงามที่ไม่ควรปรากฏให้เห็นในหมู่บ้านชายขอบ แห่งนี้เลย ชายหนุ่มหายใจหอบ “ข้าคิดวาต 2 ภาพนี้ แล้วจะ ลองเอาไปเร่ขายดู เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินมาซื้ออาหารได้ บ้าง” หญิงสาวส่งสายตาดูแคลนไปให้ “ภาพวาดนี่มี ประโยชน์อันใดรี? เอาไปกินเอาไปดื่มก็ไม่ได้ ซ่างโง่เง่าเต่า ตุ่นอะไรเยี่ยงนี้! ทำไมข้าถึงได้แต่งกับคนที่ไม่ได้เรื่องอย่าง ท่านได้นะ? !” กู้หรูเฟิงมีสีหน้าหม่นหมอง คุณชายผู้สูงศักดิ์ ยาม นี้ช่างไร้ค่ายิ่งนัก เขาเอ่ยอย่างอัดอั้น “เช่นนั้นแล้ว ก่อน เจ้าแต่งให้ข้า ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าข้าทำไร่ไม่เป็น อีกทั้งยัง สุขภาพไม่ดี “ว่าอย่างไรนะ เอาแต่กล่าวหาข้า ตัวท่านเองก็ไม่ได้ ดีไปกว่ากันเลย ยังจะมาตำหนิข้าอีกรี?” ฝ่ายภรรยาทำหน้า นิ่วส่งสายตาเย็นชาไปให้เดิมทีนางได้ชื่อว่าเป็นคนอ่อน หวานน่ารักมาแต่กำเนิด แต่ถ้าได้โกรธขึ้นมาละก็ ดวงตา จะเหลือกขวาง ใบหน้าดูคล้ายนางมารร้ายข่างข่มขวัญ ผู้คนยิ่งนัก ชายหนุ่มก้มหน้า ด้วยความเบื่อหน่ายเหลือแสน “หากเจ้าอยากไปจากข้าข้าก็จะให้เจ้าไป” “เพ้ย ท่านนี่..วาจาเน่าเหม็นน่าละอายเช่นนี้ ก็ยัง กล่าวออกมาได้ ข้าแต่งให้ท่านแล้ว ร่วมเรียงเคียงหมอน กับท่านแล้ว ท่านจะให้ข้าแต่งออกไปกับใครได้อีกรี?! ” หญิง สาวแสนคับแค้นใจนางนั่งแปะลงบนพื้น พลางร่าไห้เสียง ดัง “สวรรค์ข่างไม่มีตาจริง ๆ ไยถึงส่งบุรุษไร้ค่าเช่นนี้มา เป็นสามีข้าด้วย? มิหนำซ้ำยังไม่รู้จักรับผิดชอบ แต่งกับข้า แล้ว ก็ยังทำผิดต่อข้า! ปล่อยให้ข้าอดมือกินมื้อ! ซ้ายังจะทิ้ง ข้าไปอีก ไม่แปลกใจเลยที่เห็นท่านมักชอบส่งสายตาให้เชี ยงเช่าที่ลานหลังบ้าน คิดจะหาคนใหม่ละสิ!” ฝ่ายภรรยาเอาแต่ร่ำไห้และพร่ำรำพันต่าง ๆนาๆ ไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วยาม ยังมีบุคคลอีกผู้หนึ่ง อยู่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย ผู้นั้นคือหลิ่วเจิน แน่นอน ยามนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเห็นเธอ เพราะว่าเธออยู่ในรูปวิญญาณนั่นเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท