รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 279 ภรรยาว่าอย่างไรสามีก็ว่าตามนั้น
เทวิกาเองก็เหลือบมองเปรมา ครุ่นคิด ยิ้มให้ยศพัฒน์ พูดว่า“คุณสามี ในเมื่อคุณนฤเบศวร์มีน้ำใจเชิญ ถ้าพวกเราไม่เข้าไปนั่ง ก็จะเป็นการไม่ไว้หน้าคุณนฤเบศวร์ เห็นแก่กนกอรของฉัน พวกเราก็ควรจะไว้หน้าคุณนฤเบศวร์”
“อืม งั้นพวกเราก็เข้าไปนั่งหน่อยแล้วกัน”
นฤเบศวร์ฟังแล้วรู้สึกเศร้าใจ ถ้าเขากับกนกอรไม่ได้เป็นอะไรกัน สามีภรรยาคู่นี้คงไม่ยอมเข้าไปนั่งข้างในบ้านแน่
อีกอย่าง เทวิกาพูดว่าอะไรนะ“กนกอรของฉัน”!
กนกอรเป็นของเทวิกาเหรอ
เทวิกา:ก็คือกนกอรของฉัน คุณมีปัญหาเหรอ เชื่อมั้ยว่าฉันจะไปฟ้องเรื่องคุณต่อหน้ากนกอรสองครั้ง
นฤเบศวร์:ฟ้องครั้งเดียวผมก็กลัวแล้ว นี่ตั้งสองครั้ง อยากตายคงต้องรอหน่อยนะ!
เทวิกา:ยังกล้ามีปัญหาเหรอ
นฤเบศวร์ยกมือขึ้นทำท่าทางยอมแพ้:คุณเก่ง คุณพูดอะไรก็ถูกหมด!
ยศพัฒน์จูงมือเทวิกา นิ้วทั้งสิบของทั้งสองคนสามีภรรยาสอดประสานกันเดินผ่านหน้าเปรมาไป
เปรมาร้องไห้แต่ใบหน้าก็ยังสวยงดงาม ดูไปแล้วก็น่าเวทนา เธอเงยหน้าขึ้น มองสามีภรรยาที่มาเพื่อดูความน่าสมเพชของเธอโดยเฉพาะด้วยน้ำตานองหน้าในแววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
เทวิกา!
ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว!
ชนะได้ยศพัฒน์ไปแล้ว ก็ช่างมัน ตอนที่เธอตกต่ำพ่ายแพ้ก็ยังวิ่งมาดูเพื่อเยาะเย้ย
เห็นนฤเบศวร์เดินนำยศพัฒน์สองสามีเข้าไป เปรมาก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนเรียก “เบศวร์!”
ฝีเท้าของนฤเบศร์เองก็หยุดชะงัก แต่ก็ไม่ได้หันหน้ากลับมา ไม่นานก็พาสองคนสามีภรรยาเดินไปไกลแล้ว
เปรมาทุบตีที่พื้น
แม้แต่เบศวร์เธอยังเสียเขาไปแล้ว!
เธอไม่เหลืออะไรแล้ว!
ไม่รู้ว่าร้องไห้นานแค่ไหน เปรมาล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาโทรไปหาแม่ ให้แม่มารับเธอ
เธอไม่สามารถขับรถกลับบ้านเองได้แล้ว กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง
คุณณัฏฐาได้ยินเสียงร้องไห้จากในโทรศัพท์ ไม่ได้ถามเธอว่าผลออกมาเป็นอย่างไร
เคยเตือนลูกสาวมานานแล้ว ให้ปล่อยยศพัฒน์ไป ยอมรับนฤเบศวร์ถึงจะมีความสุข
ลูกสาวไม่เชื่อคำพูดของตน ลูกสาวจึงต้องตกอยู่ในสภาพตรงหน้านี้
หลายนาทีหลังจากนั้น
ภายในห้องโถงที่หรูหราสวยงาม คุณปู่เร็นยิ้มเหมือนกับพระสังกัจจายน์
มองยศพัฒน์สองสามีภรรยาก็เหมือนกับมองหลานอย่างนั้น รักใคร่เอ็นดูมาก
ลุงเซนถือกล่องเครื่องประดับกล่องหนึ่งมา
เขาเอากล่องเครื่องประดับกล่องนั้นให้คุณปู่เร็น
คุณปู่เร็นรับกล่องนั้นมา มองเทวิกาอย่างรักและเมตตา พูดว่า “คุณเทวิกา
ครั้งก่อนตอนที่เจอคุณไม่ได้เตรียมของขวัญเอาไว้ ครั้งนี้ชดเชยให้แล้วกันนะ”
พูดไปพลาง เขาก็ยื่นกล่องเครื่องประดับกล่องนั้นให้เทวิกา
เทวิกาลุกขึ้นด้วยความเกรงใจอย่างมาก ยื่นมือไปรับ ท่าทางเขินอายแต่กลับยื่นมือไปรับกล่องเครื่องประดับ
ใบหน้าเปื้อนยิ้ม ขอบคุณคุณปู่เร็น “คุณปู่เร็น ขอบคุณมากค่ะสำหรับของขวัญ คุณปู่ช่างใจดีเหลือเกิน”
คุณปู่เร็นคิดว่าเทวิกาจะปฏิเสธ
คิดว่าต้องเสียเวลาพูดจาหว่านล้อมอยู่นานกว่าเทวิกาจะยอมรับของขวัญจากเขา
คิดไม่ถึงว่าเทวิกาจะไม่เกรงใจเลยสักนิด หน้าตาดูเกรงใจไม่กล้ารับแต่ในใจนั้นอยากได้มาก
อาจจะกำลังคิดว่า:ของขวัญของตาแก่นี่ไม่รับก็เสียของ
มิน่าเล่ายศพัฒน์ถึงได้เล็งเด็กผู้หญิงคนนี้ไว้นานแล้ว เพราะเป็นผู้หญิงที่ดีเพียบพร้อมนี่เอง
“ไม่เป็นไร ฉันกับคุณปู่คุณย่าของเธอเคยเจอกันหลายครั้ง วันนี้พวกเขามาที่เมืองแอคเซสซ์
ฉันยังอยากคิดว่าถ้ามีเวลาจะไปเยี่ยมคารวะ ดื่มสังสรรค์กันหน่อย”
ประโยคหลังคืออยากจะกระชับความสัมพันธ์ให้สนิทสนมแนบชิดขึ้น
เทวิกากลับมานั่งข้างๆยศพัฒน์ ยิ้มบางๆแล้วพูดว่า “คุณปู่คุณย่าวางแผนว่าวันนี้จะกลับเมืองซูเพร่าแล้วค่ะ
ถ้าคุณปู่เร็นอยากไปเยี่ยมเยียนพวกท่าน คงต้องไปไกลหน่อยนะคะ ต้องไปที่เมืองซูเพร่าถึงจะได้ค่ะ”
“จะกลับเร็วขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมไม่อยู่อีกสักสองสามวันล่ะ”
“ท่านบอกว่าคิดถึงเตียงนอน พอเปลี่ยนที่นอนแปลกที่ก็นอนไม่หลับ ทรมานค่ะ”
คุณปู่เร็นสำลัก ไม่รู้จะตอบว่าอะไร
สักพักใหญ่ เขาก็หันไปทางยศพัฒน์
สายตาที่มองยศพัฒน์เรียกได้ว่าเหมือนกับหมาป่าที่กำลังมองกระต่ายน้อยสีขาว
อยากจะเอาเด็กคนนี้มาเป็นหลานชายของเขาใจจะขาด
“ยศพัฒน์ คุณเป็นคนที่โชคดีมาก”
คุณปู่เร็นยังถลึงตาใส่หลานชายตัวเอง พูดอย่างรังเกียจว่า “ดีกว่าเบศวร์ของพวกเรามากเหลือเกิน”
ยศพัฒน์พูดอย่างทั้งมั่นใจในตัวเองทั้งหลงตัวเองว่า “ที่ผ่านมาผมดีกว่าเบศวร์มาตลอด ก็มีความสุขแบบธรรมดาครับ หลายคนบอกว่าผมเป็นลูกรักของพระเจ้า”
ปู่หลานตระกูลเดชอุป:……ช่างหน้าด้านจริงๆ!
“ยศพัฒน์ เรื่องบางเรื่องก็ต้องขอบคุณนายนะ!”
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ขอบคุณภรรยาผมดีกว่า เป็นความคิดของภรรยาผมทั้งหมด”
คุณปู่เร็น“……” เป็นสามีภรรยากันอย่างไม่ต้องสงสัย
ตอนคนเจ้าเล่ห์อย่างคุณปู่เร็นนี้เผชิญหน้ากับยศพัฒน์สองสามีภรรยา มักจะรู้สึกเศร้าใจ พูดคุยได้ไม่นาน
ก็อ้างว่าเหนื่อยแล้ว อยากจะกลับห้องไปพักผ่อน
ยศพัฒน์ยืนขึ้น พูดว่า “คุณปู่เร็น พวกเราไม่รบกวนการพักผ่อนของคุณปู่แล้ว ขอตัวก่อนนะครับ
วันหลังมีเวลาว่างจะเชิญคุณปู่ไปดื่มชาด้วยครับ
เทวิกาก็ยืนขึ้นตาม พูดอย่างใจกว้างว่า“หนูขอเชิญคุณปู่เร็นไปดื่มกาแฟ อยากจะดื่มกี่แก้วก็ได้ค่ะ”
คุณปู่เร็นหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาอายุมากขนาดนี้แล้ว ดื่มกาแฟหนึ่งแก้ว แทบจะนอนไม่หลับ
เทวิกาบอกว่าเขาจะดื่มกี่แก้วก็ได้ อยากให้เขาเป็นเทพเจ้าไม่ต้องหลับต้องนอนหรือไง
สามีภรรยาคู่นี้ร้ายลึกทั้งคู่
“เบศวร์ ไปส่งยศพัฒน์หน่อยไป”
คุณปู่เร็นสั่งนฤเบศวร์ที่ไม่พูดอะไรเลยให้ไปส่งทั้งสองคน
คุณปู่เร็นลุกขึ้นอย่างเงียบๆ ส่งสองคนสามีภรรยาที่ทำให้เขาเศร้าใจออกไปอย่างเงียบๆ
เทวิกาไม่ลืมที่จะนำของขวัญที่คุณปู่เร็นให้เธอไปด้วย
คุณปู่เร็นมองเธอกอดกล่องเครื่องประดับนั้นจากไป ชายชราหน้านิ่วคิ้วขมวด คิดว่าตนเองประเมินเทวิกาต่ำไป
ครั้งก่อนตอนเจอเทวิกาครั้งแรกที่ในร้านกาแฟ คิดว่านอกจากสวยแล้ว เธอก็เป็นผู้หญิงธรรมดา
คิดไม่ออกว่าทำไมยศพัฒน์ถึงหลงรักเทวิกา
ตอนนี้ถือว่าเข้าใจแล้ว
นฤเบศวร์มาส่งแค่ตรงประตูห้อง ก็ชะงักฝีเท้า พูดกับยศพัฒน์ว่า“ส่งกันเป็นพันลี้สุดท้ายก็ต้องจากกันอยู่ดี
ผมส่งพวกคุณตรงนี้แล้วกัน”
ยศพัฒน์พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “พูดอย่างกับว่าพวกเราสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากอย่างนั้น
ต้องส่งกันเป็นพันลี้เชียว! ถ้าเสียใจมากก็ร้องไห้ออกมาก ร้องไห้ต่อหน้าผมไม่เสียหน้าหรอก
รับรองว่าไม่หัวเราะเยาะนาย”
นฤเบศวร์หน้าบึ้งพูดว่า “ถ้าฉันร้องไห้ต่อหน้านาย แล้วนายไม่หัวเราะเยาะฉัน
พระอาทิตย์ก็คงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว”
ยศพัฒน์หัวเราะร่า ตบไหล่เขา ยิ้มแล้วพูดว่า
“ไม่เสียแรงที่เป็นคู่แข่งที่เติบโตมาพร้อมกับฉันช่างรู้จักฉันดีจริงๆ เอาละ รู้ว่านายเสียใจ
นายไม่ต้องไปส่งหรอก วันนี้นายทำได้ไม่เลว สู้ต่อไปนะ!”
นฤเบศวร์หน้าบึ้งถลึงตาใส่เขา
ยศพัฒน์ยิ้มพลางจูงภรรยาของเขา เดินจากไป ภายใต้สายตาที่ขุ่นเคืองของนฤเบศวร์
นฤเบศวร์ยืนอยู่ที่ประตูนานมาก จึงจะเข้าไปในบ้าน
คุณปู่ไม่ได้อยู่ที่ห้องโถงแล้ว คาดว่าคงจะกลับไปที่ห้องแล้ว
หลังจากที่แม่ไปแหกอกเปรมาแล้ว ก็ขึ้นชั้นบน น่าจะโทรศัพท์ไปด่าคุณคุณณัฏฐากระมัง
นฤเบศวร์ยืนงงอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าตนเองควรจะทำอะไรดี
แม้ว่าจะตัดใจจากเปรมาแล้ว อย่างไรเสียก็รักมาสิบกว่าปี หัวใจเขาราวกับถูกมีดกรีดอย่างนั้น
ถ้าบอกว่าไม่เสียใจ นั่นก็คงต้องโกหกแน่!
นฤเบศวร์ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา คิดจะโทรไปหากนกอร เพิ่งจะโทรติด เขาก็รีบกดวางสายอย่างรวดเร็ว
เวลานี้เขาต้องการคำปลอบใจ แต่ปากของกนกอรนั้นร้ายกาจมาก ไม่มีทางปลอบใจเขาแน่
เฮ้อ!