รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum) – ตอนที่ 1 จัดสรรจับคู่ (องก์หนึ่ง โหมโรง)

รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum) - ตอนที่ 1 จัดสรรจับคู่ (องก์หนึ่ง โหมโรง)

เขต C ชั้นที่ 495 ของอาคารศูนย์กิจกรรม ผนังสีเขียวอมเทาด้านนอกเต็มไปด้วยรอยวาดขีดเขียนสารพัด หญิงสาวหกเจ็ดคนเดินเข้าไปข้างในด้วยสีหน้าเจืออารมณ์ตื่นเต้น คาดหวัง และประหม่า

เสื้อผ้าพวกเธอนั้นเรียบง่าย ไม่ได้มีสีสันมากมาย ส่วนใหญ่เป็นสีน้ำเงิน สีดำ สีขาว และสีเขียว แต่ทุกคนล้วนดูงดงามและอ่อนเยาว์

ระหว่างที่พวกเธอกำลังมองดูหน้าจอ LCD ซึ่งมีเพียงหน้าจอเดียวในชั้นนี้ หญิงสาวที่อยู่หัวแถวด้านหน้าอดกระซิบขึ้นไม่ได้

“ไม่รู้ว่าทางบริษัทจะหาสามีแบบไหนให้ฉันกันนะ”

“เรื่องสำคัญคือเขาเป็นคนยังไงต่างหากล่ะ” หญิงสาวด้านข้างที่สวมเสื้อเขียวกางเกงน้ำเงิน กัดริมฝีปากแล้วพูดขึ้น

ในฐานะที่เป็นคนรุ่นที่สองแล้วหลังจากที่มีการใช้ยาปรับปรุงพันธุกรรมกันอย่างแพร่หลาย พวกเธอจึงไม่ต้องกังวลเรื่องรูปลักษณ์หน้าตาและส่วนสูงของว่าที่สามี เพราะอย่างไรเสียก็มีส่วนสูงก็มีระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยอยู่แล้ว

หญิงสาวหัวแถวคนนั้นเหลือบมองเพื่อนของเธอแล้วพูดขึ้น

“เธอลืมไปแล้วหรือไง คนที่เข้าร่วมการจัดสรรจับคู่ไม่ได้มีแค่คนวัยพวกเราเท่านั้น ยังมีพ่อม่ายเมียตายด้วยนะ บางคนก็อายุปาไปสี่ห้าสิบปีแล้ว พวกเขาไม่ได้รับยาปรับปรุงพันธุกรรมตอนเป็นทารกในครรภ์ ก็เลยมีความบกพร่องอยู่เต็มไปหมด”

เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีจำนวนทารกเกิดใหม่เพียงพอ บริษัทที่พวกเธอทำงานจึงมีมาตรการว่า ผู้ที่มีอายุยี่สิบปีบริบูรณ์หรือสำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาแล้ว หากยังไม่ได้เลือกคู่ชีวิตของตนเองก็จะต้องเข้ารับการจัดสรรคู่ชีวิตที่ทางบริษัทจัดการให้ ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกลงโทษจาก “แผนกควบคุมระเบียบ” การฝ่าฝืนครั้งแรกจะถูกลดการปันส่วนพลังงานและถูกตัดแต้มส่วนร่วม[1] การฝ่าฝืนครั้งที่สองจะถูกเนรเทศออกจากบริษัท และต้องขวนขวายดิ้นรนเอาตัวรอดในแดนธุลีด้วยตัวเอง

ผู้ที่คู่ครองเสียชีวิตไปแล้วและไม่มีบุตรธิดา หลังจากที่เป็นม่ายเกินสามปีและอายุยังไม่ถึง 60 ปี ก็จะต้องเข้าร่วมการจัดสรรจับคู่เช่นเดียวกัน

“แล้วก็นะ ต่อให้ไม่ได้นับคนเหล่านี้ คงไม่ใช่ว่าเธอคาดหวังว่าจะได้ว่าที่สามีที่มาจากครอบครัวระดับ M หรอกนะ” หญิงสาวอีกคนร่วมวงสนทนาด้วย เอ่ยปากแซว

กลุ่มคนภายในบริษัทนั้นถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรก : พนักงานระดับ D มีระดับ D1 ถึง D9

กลุ่มสอง : ผู้บริหารระดับ M เริ่มจาก M1 ซึ่งเป็นผู้อำนวยการ ไปจนถึง M3 ซึ่งเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารและหัวหน้านักวิทยาศาสตร์

ส่วนกลุ่มสามนั้นไม่มีรหัสตัวอักษรกำกับ มีเพียงชื่อเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ ‘หัวหน้าใหญ่’ ซึ่งเป็นหญิงสาวที่ลึกลับเป็นอย่างยิ่ง

หญิงสาวที่สวมเสื้อเขียวกางเกงน้ำเงินยิ้มมุมปากแล้วกล่าวขึ้น

“นี่เธอไปได้ยินมาจากไหนว่าคนระดับธรรมดาถูกจับคู่กับคนจากชั้น 346 347 348 349 ได้ด้วยน่ะ”

ชั้น 346-349 นั้นเป็นชั้นที่ผู้บริหารระดับ M พักอาศัยอยู่ ซึ่งจะได้รับการจัดสรรพลังงานต่อคนมากกว่าค่าเฉลี่ยของพนักงานทั่วไปถึงสิบเท่า นอกจากนั้นแล้วทั้งสี่ชั้นนั้นก็ยังมีระบบสาธารณูปโภคแยกออกมาต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นลิฟต์ น้ำสะอาด การระบายอากาศ ระบบระบายน้ำและการศึกษา และโดยปกติแล้วลูกหลานของพวกเขาก็ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับพนักงานทั่วไป

ข้อยกเว้นประการเดียวก็คือการศึกษาระดับอุดมศึกษา เพราะว่าทั้งบริษัทมีมหาวิทยาลัยเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ซึ่งตั้งอยู่ชั้นที่ 350

ลูกของพนักงานธรรมดาจะต้องสอบคัดเลือกเพื่อเข้าทำงานหรือเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ต่างจากลูกของผู้บริหารที่ไม่ต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียนระดับอุดมศึกษา

คนในบริษัทนั้นไม่มีใครที่ไม่ต้องการยกระดับตัวเองขึ้นเป็นระดับผู้บริหาร และไม่มีใครที่ไม่ปรารถนาจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริหาร

สำหรับ ‘หัวหน้าใหญ่’ นั้น พนักงานทั่วไปไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมีหน้าตาเป็นเช่นไร อย่างมากแล้วก็มีเพียงวันสิ้นปี ปีใหม่ หรือมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น ถึงจะได้ยินเสียงเธอออกอากาศผ่านทางวิทยุ ดังนั้นจึงมีคนจำนวนน้อยมากที่หลงใหลใฝ่เพ้อว่าจะเข้าตา ‘หัวหน้าใหญ่’ จนได้รับการเลื่อนขั้นเป็นระดับผู้บริหาร

แน่นอนว่า คำว่า ‘น้อยมาก’ แปลว่า ‘ยังมีอยู่’ เพียงแต่ ‘มีไม่มาก’

หญิงสาวหัวแถวผู้นั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ดังนั้นตอนที่อยู่โรงเรียน ฉันถึงได้ให้พวกเธอหาแฟนไงล่ะ ดูอย่างเฉินเป้ยสิ สามีของเธอ พอเรียนจบปุ๊บก็ถูก ‘แผนกพัสดุภัณฑ์’ จองตัวปั๊บ ครอบครัวต้องมีภูมิหลังไม่ธรรมดาแหง!”

“แหม เมิ่งเซี่ย พูดไม่อายปากเลยนะ งั้นทำไมเธอไม่หาบ้างล่ะ” หญิงสาวอีกคนพูดหยอกขึ้นในเวลาเดียวกัน

“อย่างกับพวกเธอไม่รู้จักฉันงั้นแหละ เรื่องที่ฉันเก่งที่สุดก็คือพูดไปเรื่อยเปื่อยไง” เมิ่งเซี่ยยอมรับอย่างไม่อายว่าเธอไม่มีความกล้าพอที่จะทำเอง

หลังจากหัวเราะกันพอหอมปากหอมคอ หญิงสาวเสื้อเขียวกางเกงน้ำเงินก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย

“เมิ่งเซี่ย เธอรู้เปล่าว่าครอบครัวเฉินเป้ยอยู่ระดับไหน พวกเธอสองคนซี้กันมากนี่”

เมิ่งเซี่ยเหลียวซ้ายแลขวาก่อนเอ่ยเบาๆ

“เห็นว่าเป็นผู้บัญชาการกองพลของแผนกความมั่นคงน่ะ”

“โห…” ขณะที่บรรดาสาวๆ ร้องอุทานกัน ประตูศูนย์กิจกรรมก็มีกลุ่มชายหนุ่มเดินเข้ามา

คนทั้งสองกลุ่มเหลือบมองดูกันชั่วแวบหนึ่งแล้วก็เบือนหน้าหลบด้วยความเขินอาย ต่างก็ไม่มีใครรู้ว่าว่าที่สามีภรรยาของตนนั้นจะเป็นคนในกลุ่มตรงหน้านี้หรือไม่

ชายหนุ่มที่สูงราว 175 เซนติเมตรคนหนึ่งผมเกรียนดูโล่งสบายตา มองดูพวกโต๊ะเก่า ม้านั่ง และเก้าอี้พนักสูงที่วางเรียงรายในศูนย์กิจกรรม แล้วพูดกับเพื่อนที่มาด้วยกันอย่างประหม่าเล็กน้อย

“ซางเจี้ยนเย่า นายว่าบริษัทจะเลือกภรรยาแบบไหนให้ฉัน”

เพื่อนของเขาที่มาด้วยกันนั้นสูง 185 เซนติเมตร คิ้วเป็นแนวตรง ดวงตาสีน้ำตาลสดใส ใบหน้าเป็นโครงชัดเจน เรือนผมสีดำที่ยุ่งเล็กน้อยนั้นปรกหน้าผากลงมาครึ่งหนึ่ง

ชายหนุ่มเจ้าของนามซางเจี้ยนเย่า หันหน้ามามองเพื่อนแล้วเอ่ยขึ้น

“ก่อนอื่น นายต้องได้รับการจับคู่ซะก่อน ถึงจะมาคุยกันต่อได้ว่าภรรยาเป็นยังไง”

เขาสวมเสื้อแบบสองชิ้นสีกรมท่า กล้ามเนื้อแขนที่เป็นลำทำให้เสื้อผ้าดูยับย่นเล็กน้อย มองดูแข็งแกร่งกำยำสมชายชาตรี

“ฮ่า คงไม่โชคร้ายนักหรอกมั้ง รอบนี้มีผู้ชายมากกว่าผู้หญิงแค่สองคนเอง” ชายหนุ่มสูง 175 เซนติเมตร หน้าตาดูค่อนข้างธรรมดาหัวเราะขึ้น

สีหน้าเขาค่อยๆ เคร่งขรึมแล้วก็พูดกระซิบกระซาบ

“พวกสาวๆ จะดูถูกฉันหรือเปล่านะ ได้รับการปรับปรุงพันธุกรรมแล้วก็ยังสูงแค่ 175 หล่อก็ไม่หล่อ ผลการเรียนก็กลางๆ”

ซางเจี้ยนเย่าพูดตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

“นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือชื่อนายต่างหาก”

“ชื่อเหรอ หลงเยว่หง[2] ชื่อนี้มีปัญหายังไง พ่อฉันแซ่ ‘หลง’ แม่ฉันก็มีคำว่า ‘หง’ อยู่ในชื่อ เห็นไหมว่าชื่อออกจะมีความหมาย” หลงเยว่หงพึมพำด้วยความสงสัย

“นอกจากนั้น บริษัทไม่ได้จับคู่ให้ฉันจากหน้าตาหรือความสูงต่ำดำขาวซักหน่อย ว่ากันว่าหลังจากตัดเอาความสัมพันธ์ทางสายเลือดออกไปแล้วก็ใช้วิธีการสุ่มเลือก… เอ๊ะ ไม่รู้ว่าเพราะชื่อฉัน เขาจะคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงหรือเปล่านะ แล้วก็ไปจับคู่หาสามีมาให้ ขืนเป็นแบบนั้นก็งานเข้ากันพอดี จะทำไงดีเนี่ย”

ซางเจี้ยนเย่ามองหลงเยว่หงหัวจรดเท้าแล้วพูดขึ้น

“เสริมหน้าอก ปลูกถ่ายเส้นประสาทรับสัมผัส แล้วก็ใส่มดลูกเทียม เท่านี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว”

หลงเยว่หงหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วนออกมาสองคำ

“ไอ้บ้า ทำแบบนั้นได้ซะที่ไหน ฉันหมายถึงว่าพวกเขาคงไม่พลาดหรอกน่า ข้อมูลทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวฉัน ระบุเอาไว้ชัดเจนว่าเป็นผู้ชายเฟ้ย!

“วิธีคิดของนายนี่มันโคตรพิลึก คนปกติทั่วไปเขาต้องไปแจ้งขอแก้ไขข้อมูลไม่ใช่รึไง”

ไม่รอให้ซางเจี้ยนเย่าตอบกลับมา เขาก็ถามต่อ

“แล้วทำไมประเด็นสำคัญมันถึงเป็นชื่อฉันล่ะ”

“ชื่อนั้นแทนชะตาชีวิตของแต่ละคน การสุ่มจับคู่ก็ดูที่โชคชะตา” ซางเจี้ยนเย่าตอบอย่างจริงจัง

หลงเยว่หงถึงกับอึ้งตะลึงไปสองวินาทีก่อนจะตอบกลับ

“ฉันน่าจะรู้อยู่แล้วนะว่านายไม่มีทางพูดเข้าหูคนหรอก!”

ไม่ทันขาดคำก็ถามต่อ

“ซางเจี้ยนเย่า นายอยากได้ภรรยาแบบไหน”

ซางเจี้ยนเย่าเชิดหน้าแล้วพูดว่า

“ฉันไม่ต้องการหรอก

“บริษัทมีทรัพยากรไม่เพียงพอ ผู้คนที่อยู่บนแดนธุลีนั้นต้องผจญอยู่ท่ามกลางน้ำลึกเพลิงผลาญ[3] ภายใต้เงาแห่งความอดอยากหิวโหย การติดเชื้อ กลายพันธุ์ และสัตว์ร้ายที่ปกคลุมไปทั่วทั้งโลก แล้วแบบนี้ฉันจะแต่งงานได้ยังไงกัน”

“…” หลงเยว่หงทำเสียง “ฮา” ออกมา “นายนี่นับวันก็ยิ่งตลกขึ้นทุกที”

ซางเจี้ยนเย่ามองเขา แล้วพูดโดยไม่ยิ้ม

“ฉันแจ้งความประสงค์ขอยกเลิกการจัดสรรจับคู่ในวันนี้ไปแล้ว”

“จริงๆ เหรอ ไม่สิ… บริษัทไม่มีทางอนุมัติคำขอของนายแน่! ฮ่า ฮ่า นี่ฉันเกือบเชื่อนายไปแล้วนะเนี่ย!” หลงเยว่หงตกใจในตอนแรก แต่แล้วก็ถอนหายใจโล่งอก

ทันทีที่เขาพูดจบ เฉินเสียนอวี่ผู้รับผิดชอบ ‘ศูนย์กิจกรรม’ ชั้นที่ 495 ก็ลุกออกจากที่นั่งแล้วเดินไปที่หน้าจอ LCD เพื่อปรับตั้งค่า

ชายสูงวัยผมสีดอกเลาผู้นี้ฝีเท้าซวนเซอยู่บ้าง เขาเคยอยู่แผนกความมั่นคง รับผิดชอบพนักงานที่ปฏิบัติการภายนอก เป็นถึงตำแหน่งหัวหน้าทีมระดับ D7 ต่อมาภายหลังเนื่องด้วยปัญหาด้านอายุจึงได้ลาออกจากแผนกความมั่นคง และได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นระดับ D8 มีหน้าที่รับผิดชอบศูนย์กิจกรรมของชั้นนี้

ซางเจี้ยนเย่าและหลงเยว่หงต่างก็อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาของคุณปู่สูงวัยผู้นี้ พวกเขาชอบแวะมาเยือนศูนย์กิจกรรมและถามนู่นถามนี่ แต่เฉินเสียนอวี่นั้นปฏิบัติตามมาตรการรักษาความลับอย่างเคร่งครัด เพียงแค่บอกเล่าเฉพาะเรื่องราวที่ทุกคนได้รู้ได้ยินมาแล้วเท่านั้น บอกว่าเขาเองก็เฉกเช่นเดียวกับพนักงานคนอื่นๆ ใน ‘เขตนิเวศน์ภายใน’ ที่ถือกำเนิด เติบโต ศึกษาเล่าเรียน ทำงาน เติบใหญ่ โรยราชราวัย ตลอดชีวิตไม่เคยได้ย่างเท้าก้าวออกจากอาคารใต้ดินแห่งนี้หรือมองเห็นผืนฟ้าท้องนภาของจริง

“เอาล่ะ จะเริ่มกันแล้ว” เฉินเสียนอวี่ถือรีโมทคอนโทรลไว้ แล้วกดลงไปอย่างแรง

หน้าจอกะพริบอยู่สองสามทีก่อนจะฉายแสงเรืองออกมา

หลงเยว่หง เมิ่งเซี่ย และคนอื่นๆ ต่างพากันกลั้นหายใจรอให้ผลการจับคู่ปรากฏขึ้นมา

พวกเขาไม่ต้องกังวลว่ารายชื่อจะเลื่อนหายเร็วเกินไปจนดูไม่ทัน เพราะที่ศูนย์กิจกรรมของแต่ละชั้นจะแสดงเฉพาะรายชื่อของประชากรที่อาศัยอยู่ในชั้นที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

* * * * *

[1] แต้มส่วนร่วม (贡献点) หมายถึง คะแนนที่ได้มาจาก การมีส่วนร่วม การเสียสละ การทำคุณประโยชน์ต่อส่วนรวม

[2] หลงเยว่หง (龙悦红) คำว่า “หง” (红) แปลว่า “สีแดง” ชื่อของชาวจีนเพศหญิงมักมีคำว่า “หง” ปรากฏอยู่เสมอ ดังนั้นเขาจึงถูกซางเจี้ยนเย่าล้อเรื่องชื่ออยู่บ่อยครั้ง

[3] สำนวนน้ำลึกเพลิงผลาญ (水深火热) หมายถึงอยู่ในความทุกข์ยากลำบาก ราวกับจมอยู่ในน้ำลึกหรือถูกเพลิงแผดเผา

รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum)

รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum)

Status: Ongoing
ท่ามกลางโลกที่ล่มสลายและภยันตรายที่รายล้อม พวกเขาทั้งสี่ยังคงยืนหยัดเพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติให้หลุดพ้นจากความมืดมิดแฟนตาซี-ไซไฟเรื่องใหม่ในบรรยากาศแบบดิสโทเปียจากผู้เขียน ‘ราชันเร้นลับ’ และ ‘ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา’ซึ่งจะพาทุกคนไปผจญภัยในโลกหลังวันสิ้นโลกเมื่อโลกถูกทำลายลง มนุษย์ต้องเผชิญกับภยันตรายรอบด้านทั้งความอดอยาก โรคระบาด การกลายพันธุ์ สัตว์ประหลาดมนุษย์จึงสร้างกองกำลังของแต่ละฝ่ายขึ้น…‘ทีมสำรวจสาเหตุการล่มสลายของโลกเก่า’ หรือ ‘ทีมสำรวจเก่า’สังกัดอยู่ในแผนกความมั่นคงของกองกำลัง ‘ผานกู่ชีวภาพ’ประกอบไปด้วยสมาชิก 4 คนจากต่างที่มาแต่จุดมุ่งหมายของพวกเขามีเพียงหนึ่งเดียวคือการช่วยเหลือเหล่ามนุษยชาติให้อยู่รอดต่อไปด้วยเหตุนี้ภารกิจตามหาสาเหตุการล่มสลายของโลกเก่าเพื่อป้องกันไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยจึงเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางภยันตรายรอบด้านที่รายล้อมเข้ามาเพื่อช่วยมนุษยชาติ ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหนก็จะไม่ล้มเลิกเป็นอันขาด!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท