ตอนที่ 46 เจ้าเบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง?
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยความแปลกใจ “รายละเอียดระบุไว้ครบถ้วนแล้ว หรือท่านผู้ว่าการมองไม่เห็นขอรับ?”
เฟิ่งหลิงปอเอ่ยอย่างเย็นชา “อย่ามาเล่นลูกไม้กับข้า ของในรายการสินสอดอยู่ที่ไหน? ขอเพียงยอมให้ ข้าอาจยอมพิจารณาเรื่องยกลูกสาวให้แต่งกับเขา”
คำพูดสวยหรูเช่นนี้หนิวโหย่วเต้าไหนเลยจะยอมเชื่อ ถ้ามอบของให้ก่อน แล้วเจ้ายอมยกลูกสาวให้จริงๆ น่ะสิถึงจะแปลก! เขาจึงไม่คิดจะอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย โต้กลับไปอย่างหนักแน่นว่า “มิใช่อาจยอมพิจารณา หากแต่ต้องยกให้เลย ธิดารักของท่าน…จะต้องแต่งกับท่านอ๋องของพวกเรา!”
เฟิ่งหลิงปอหัวเราะเยาะ “โอหังจริงๆ! มาอยู่ในถิ่นของข้าแล้ว พวกเจ้ายังมีสิทธิ์เลือกอีกหรือว่าจะให้หรือไม่ให้?”
หนิวโหย่วเต้าพลันหันหลัง ชี้ออกไปนอกประตู เอ่ยเสียงดังลั่น “ขอเพียงท่านผู้ว่าการกล้าออกไปป่าวประกาศด้านนอกว่ายงผิงจวิ้นอ๋องมีทัพกาทมิฬแสนตัวอยู่ในมือ ท่านอ๋องของพวกข้าก็จะมอบทัพกาทมิฬแสนตัวนี้ให้แก่ท่านทันที ไม่เก็บเงินท่านแม้แต่สตางค์แดงเดียว ไม่จำเป็นต้องให้ท่านมาข่มขู่เลย!”
ทุกคนในห้องโถงตะลึงงัน กาทมิฬแสนตัว? ซางเฉาจงมีกาทมิฬแสนตัวอย่างนั้นหรือ? บางคนลอบตระหนกอยู่ในใจ หรือสินสอดล้ำค่าในรายการสินสอดที่ว่าจะหมายถึงสิ่งนี้?
แววตาเฟิ่งหลิงปอวูบไหวไปมาด้วยความสับสน ไม่ทราบว่าวาจานี้ของหนิวโหย่วเต้าหมายความว่าอย่างไร แต่หากย้อนกลับมาว่ากันอีกที ตัวเขาไหนเลยจะกล้าออกไปป่าวประกาศเรื่องนี้ต่อภายนอกได้
หนิวโหย่วเต้าหันกลับมา เอ่ยถามกดดันว่า “ท่านผู้ว่าการกล้าหรือไม่เล่า? ขอบังอาจถามว่า ท่านผู้ว่าการกล้าหรือว่าไม่กล้า?”
เฟิ่งหลิงปอยังคงไม่ยอมเปลี่ยนความคิด “หากไม่ส่งมอบออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากจังหวัดกว่างอี้!”
หนิวโหย่วเต้าสะบัดแขนเสื้อเล็กน้อย เอ่ยด้วยสีหน้าดูแคลนว่า “ในเมื่อท่านอ๋องกล้าส่งข้ามา มีหรือที่พระองค์จะไม่เตรียมแผนรับมือไว้? ออกจากจังหวัดกว่างอี้ไม่ได้แล้วอย่างไรเล่า หากท่านผู้ว่าการกล้าก่อเรื่องวุ่นวาย จะมีคนปล่อยข่าวเรื่องทัพกาทมิฬแสนตัวออกไปทันที! เมื่อถึงเวลานั้น ประเด็นเล็กๆ นี้จะก่อให้เกิดผลลัพธ์เช่นใด เกรงว่าคงไม่ต้องให้ข้าพูดแล้วกระมัง? อย่าว่าแต่แคว้นเยี่ยนเลย เกรงว่าแคว้นจ้าวที่อยู่ทางตะวันตกคงยกทัพมาโจมตีจังหวัดชิงซานเป็นรายแรก จากนั้นบุกเข้ามาที่จังหวัดกว่างอี้ ท่านผู้ว่าการต้านรับไหวหรือ? ขอถามหน่อยเถิดว่าจะมีแคว้นไหนบ้างที่จะยอมมองดูท่านผู้ว่าการได้ทัพกาทมิฬแสนตัวไปโดยไม่ทำอะไร?”
สีหน้าเฟิ่งหลิงปอมืดครึ้มอึมครึม เข้าใจแล้วว่าที่เมื่อครู่อีกฝ่ายถามว่ากล้าหรือไม่กล้า เป็นเพราะอีกฝ่ายมั่นใจว่าเขาไม่กล้าป่าวประกาศออกไปอย่างแน่นอน เขาข้ามประเด็นที่ว่าจะกักตัวซางเฉาจงเอาไว้หรือไม่ไปเลย เอ่ยเสียงคร่ำเคร่งว่า “ในเมื่อระบุของไว้ในรายการสินสอดแล้ว ก็ต้องมอบของให้ข้าด้วยมิใช่หรือ? หากไม่เห็นของที่อยู่ในรายการสินสอด แล้วข้าจะยกบุตรสาวให้ออกเรือนกับเขาได้อย่างไร?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยสีหน้าผ่อนคลายว่า “ของน่ะเหรอ เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านผู้ว่าการข้าก็จะไม่อ้อมค้อมแล้วกัน ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องหลอกท่านผู้ว่าการ แล้วก็หลอกไม่ได้ด้วย ขณะนี้ท่านอ๋องยังมิได้กาทมิฬแสนตัวมาครอบครองขอรับ”
“อะไรนะ?” เผิงอวี้หลานถลึงตาด้วยความโกรธเกรี้ยว เช่นนี้มิเท่ากับเป็นการนำลูกสาวตนมาล้อเล่นหรอกหรือ? นางระงับโทสะไว้ไม่อยู่ ตวาดกร้าวว่า “พวกเจ้าไม่มีของอยู่ในมือ แต่ก็ยังกล้าใส่เพิ่มเข้ามาในรายการสินสอด ล้อพวกเราเล่นอยู่หรือไร?”
หนิวโหย่วกดสองมือลงเล็กน้อย สื่อให้อีกฝ่ายระงับโทสะ จากนั้นกล่าวว่า “ขณะนี้! ข้าบอกว่าขณะนี้ แต่ช้าเร็วจะต้องได้มาครอบครองแน่นอน”
เฟิ่งหลิงปอยิ้มเยาะถากถาง “คิดเองเออเอง เหลวไหลอวดดี! นำสิ่งที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามีอยู่หรือไม่มาใช้เป็นสินสอดสู่ขอบุตรสาวข้า เห็นพวกข้าเป็นคนโง่หรือ ข้าว่าพวกเจ้าคงเบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง!” ดวงตาพลันฉายแววโหดเหี้ยม
“คิดเองเออเองอย่างนั้นหรือ?” หนิวโหย่วเต้ากล่าวด้วยความประหลาดใจ ย้อนถามฉับพลันว่า “ท่านผู้ว่าการคิดว่าฝ่าบาทเป็นคนโง่หรือไร? เหตุใดพอหนิงอ๋องสิ้นชีพ ฝ่าบาทก็สร้างความลำบากให้แก่ท่านอ๋องทันทีเล่า? ด้วยสายข่าวของท่านผู้ว่าการคาดว่าคงสืบหาความจริงได้ไม่ยาก เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาททรงหวั่นเกรงหนิงอ๋องผู้กุมอำนาจทางการทหารอยู่ในมือมานานมากแล้ว เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทคิดจะขุดรากถอนโคนเชื้อสายของหนิงอ๋องทิ้งไปเสีย! แต่เหตุใดฝ่าบาทถึงคุมขังท่านอ๋องเอาไว้หลายปีโดยไม่สั่งประหารเล่า? หรือว่าฝ่าบาทพระทัยอ่อนมีเมตตา? แล้วเหตุใดจู่ๆ ถึงปล่อยตัวท่านอ๋องออกมาอีกครั้งเล่า? หรือเป็นเพราะฝ่าบาททรงคะนึงถึงความผูกพันทางสายเลือดวงศ์ตระกูล? นี่เป็นเพราะเหตุใดกันแน่? หรือเงื่อนงำต่างๆ ในเรื่องนี้ยังไม่ควรค่าพอให้ท่านผู้ว่าการได้ใคร่ครวญอีก?”
พอเขากล่าวมาเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างแสดงสีหน้าใช้ความคิด เผิงอวี้หลานนิ่งเงียบไป เฟิ่งหลิงปอเองก็มีสีหน้าพินิจตรึกตรองเช่นกัน
หยวนกังยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความสงบนิ่ง มองดูเต้าเหยี่ยยกเหตุผลสารพัดมาหว่านล้อมกดดันอีกฝ่ายอย่างใจเย็น คล้ายว่าไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย
หนิวโหย่วเต้ารีบเดินเข้าไปสองก้าวแล้วหยุดลงตรงหน้าเผิงอวี้หลาน ชี้ออกไปด้านนอก เอ่ยด้วยท่าทางเดือดดาลว่า “มิใช่ว่าฝ่าบาทไม่อยากสังหารท่านอ๋อง และมิใช่เพราะฝ่าบาทพระทัยอ่อนมีเมตตา แล้วก็ยิ่งมิได้เป็นเพราะฝ่าบาททรงคะนึงถึงความผูกพันทางสายเลือดวงศ์ตระกูล หากแต่เป็นเพราะทรงทราบว่าหนิงอ๋องทิ้งทัพกาทมิฬแสนตัวไว้เป็นมรดกให้แก่ท่านอ๋อง จึงทรงต้องการครอบครองทัพกาทมิฬแสนตัวนั้น!”
จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาเฟิ่งหลิงปอต่อ กล่าวอย่างใส่อารมณ์ว่า “แล้วท่านอ๋องจะยอมมอบให้ง่ายๆ ได้อย่างไร? พระองค์ย่อมต้องทราบดีว่าทันทีที่มอบออกไป ตนเองจะต้องตายอย่างแน่นอน! ดังนั้นช่วงหลายปีมานี้ ถึงแม้ท่านอ๋องที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวงจะถูกทรมานสอบสวนอยู่ทุกวัน ทว่าพระองค์กลับยอมตาย แต่ไม่ยอมสารภาพ! โชคดีที่สวรรค์มีตา ฝ่าบาทถูกกรรมตามสนอง เป็นเพราะทรงกวาดล้างกองกำลังเก่าของหนิงอ๋อง จึงทำให้สถานการณ์ของแคว้นเยี่ยนเกิดความระส่ำระสาย ภายในก็มีการซ่องสุมกำลังพลต่อต้านราชสำนักเหมือนอย่างเช่นท่านผู้ว่าการ ภายนอกก็มีแม่ทัพเซ่าเติงอวิ๋นที่ดูแลชายแดนชักนำทัพใหญ่แคว้นหนานคู่อริเก่าบุกเข้ามาโจมตี แคว้นศัตรูรอบข้างต่างจ้องตะครุบแคว้นเยี่ยนตาเป็นมัน ฝ่าบาทส่งตัวองค์หญิงออกไปสมรสเชื่อมสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องก็ยังยากจะสงบความวุ่นวายได้! ภายใต้สถานการณ์ที่มีวิกฤตรุมเร้าทั้งนอกใน เหตุใดฝ่าบาทถึงปล่อยตัวท่านอ๋องออกจากคุกเล่า? คงมิใช่เพราะสำนึกเสียใจเป็นแน่ หากแต่เป็นเพราะทรงทราบว่าไม่อาจง้างปากท่านอ๋องได้ จึงใช้กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ! ท่านอ๋องทราบดีว่าด้วยกำลังของตนในขณะนี้ ทันทีที่นำทัพกาทมิฬแสนตัวนั้นออกมา นั่นก็จะกลายเป็นการตัดชุดวิวาห์ให้ฝ่าบาท[1]แน่นอน ฝ่าบาทกระทำกับสายเลือดของหนิงอ๋องเช่นนี้ ท่านอ๋องไหนเลยจะยอมให้ฝ่าบาทสมปรารถนาได้? ในสภาวะเข้าตาจน ต้องทำเพื่อความอยู่รอด ท่านอ๋องถึงได้นำกาทมิฬแสนตัวนั้นมาเสนอต่อท่านผู้ว่าการ ไม่ยอมให้ฝ่าบาทได้ประโยชน์! เหตุใดท่านอ๋องต้องการแต่งกับธิดารักของท่านน่ะหรือ? ก็เพราะธิดารักของท่านผู้ว่าการคือแก้วตาดวงใจของท่าน อีกทั้งยังมีผลงานในการออกศึกพิทักษ์จังหวัดกว่างอี้ หากท่านอ๋องแต่งกับธิดารักของท่าน หลังจากท่านผู้ว่าการได้ทัพกาทมิฬแสนตัวนั้นไป ท่านคงจะไม่มีทางข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพาน[2] อย่างน้อยก็ไม่มีทางสังหารท่านอ๋องของพวกเราแน่ อย่างน้อยๆ ท่านอ๋องก็ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้! เหตุผลก็เพียงเท่านี้ ไม่ทราบว่าท่านผู้ว่าการยังมีข้อสงสัยอันใดอีก? หรือคิดว่าท่านอ๋องหน่ายจะใช้ชีวิตแล้วจึงจงใจมาหยอกเย้าเล่น? หากเป็นเช่นนี้จริง คงน่าขบขันนัก! ท่านอ๋องประสงค์แต่งธิดารักของท่านด้วยความจริงใจ นภาสุริยาเป็นพยานได้ ท่านผู้ว่าการยังสงสัยอันใดอีกหรือ?”
เขาพ่นวาจาฉะฉานออกมาเป็นพรวน ราดเร็วทว่าชัดเจนไม่สับสน กดดันจนผู้ฟังเกิดความรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง แต่พอคิดดูอย่างละเอียดก็ชวนให้รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าเป็นจริงดั่งว่า
ภายในห้องโถงตกอยู่ในความเงียบงัน ขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิดถึงถ้อยคำที่เขาเพิ่งกล่าวไป พลันมีเสียงตวาดของเฟิ่งรั่วหนานแว่วมาจากด้านนอก “ไอ้สุนัขชั้นต่ำ ตายซะ!”
ทุกคนในห้องโถงหันมองไปด้านนอกอย่างพร้อมเพรียง มองเห็นเฟิงรั่วหนานในชุดเกราะถือทวนยาวถลาเข้ามา แผ่ไอสังหารคุกรุ่น แล้วก็มีเพียงนางเท่านั้นที่กล้าอาละวาดในจวนผู้ว่าการเช่นนี้ ทหารม้าเกราะเหล็กที่นางพามาด้วยถูกขวางอยู่นอกจวน พวกทหารไหนเลยจะกล้าถืออาวุธบุกเข้าไปสร้างความวุ่นวายในจวนผู้ว่าการ นั่นแทบจะไม่ต่างอะไรกับการก่อกบฏเลย
เฟิ่งรั่วหนานมิได้พูดแต่ปากเท่านั้น ทว่ามีเจตนาสังหารอย่างแท้จริง สำหรับนางแล้ว การยืมเงินนางไปซื้อสินสอดมาสู่ขอนางนั้นมิได้ต่างอะไรกับการลบหลู่รูปร่างหน้าตาของนาง ดูหมิ่นว่านางขายไม่ออก ยิ่งไปกว่านั้นยังมาหลอกเอาเงินนางอีก เคยเห็นการข่มเหงรังแกกัน แต่ไม่เคยเห็นการข่มเหงรังแกกันเช่นนี้มาก่อน อัปยศอดสูเกินจะทนไหว หากไม่สังหารหนิวโหย่วเต้าก็ยากจะสลายความโกรธแค้นภายในใจนางไปได้!
นางพุ่งพรวดเข้าไปในห้องโถงด้วยความโมโห ไม่พูดพร่ำทำเพลง แทงทวนออกไปดังสวบ คมทวนที่แฝงไว้ด้วยกระแสพลังอันรุนแรงพุ่งแทงไปยังทรวงอกของหนิวโหย่วเต้า เห็นได้ชัดว่าพลังโจมตีของสตรีนางนี้ไม่เบาเลย เป็นคนที่ฝึกฝนวรยุทธ์มาเป็นเวลานาน
เฟิ่งหลิงปอและเผิงอวี้หลานมองดูอยู่ข้างๆ ด้วยแววตาที่ค่อนข้างเย็นชา คล้ายอยากเห็นว่าความสามารถของหนิวโหย่วเต้าเป็นอย่างไร
ทว่าหยวนกังกลับไม่ปล่อยให้พวกเขาได้สมหวังดั่งใจ พุ่งทะยานออกมา วาดเท้าคราหนึ่ง เคลื่อนกายเข้าไปขวางอยู่เบื้องหน้าหนิวโหย่วเต้า พลันเบี่ยงตัวตะแคงข้าง หลบเลี่ยงคมทวนที่แทงเข้ามายังอก คว้าจับปลายทวนจากด้านล่าง ตรึงทวนที่แทงเข้ามาให้หยุดนิ่งตรงหน้า ไม่ให้แทงต่อไปได้อีก
เฟิ่งรั่วหนานพ่นลมหายใจเปล่งเสียง “ย้าก!” สองมือกุมทวน โน้มตัวไปด้านหน้า พยายามยื้อยุดกับหยวนกังอย่างสุดกำลัง กัดฟันกรอด ใบหน้าแดงก่ำ
หยวนกังยึดทวนให้หยุดนิ่งอยู่ตรงหน้า ปรายตามองอย่างเย็นชา ปล่อยให้อีกฝ่ายรีดเค้นเรี่ยวแรงออกมา
สายตาที่ทุกคนในห้องโถงมองดูหยวนกังค่อนข้างประหลาดใจ ทางฝั่งนี้ล้วนทราบดีว่าเฟิ่งรั่วหนานฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่เด็ก ประกอบกับมีพละกำลังมากล้นแต่กำเนิด เรี่ยวแรงของบุรุษส่วนใหญ่ล้วนสู้เฟิ่งรั่วหนานไม่ได้ อีกทั้งทางฝั่งนี้ล้วนมองออกว่าหยวนกังมิใช่ผู้บำเพ็ญเพียร ต่างตกตะลึงที่หยวนกังอายุยังน้อยทว่าฝึกฝนวรยุทธ์จนแกร่งกล้าถึงเพียงนี้ได้ หาได้ยากนัก!
หนิวโหย่วเต้ากลับวางใจเต็มที่ ขอถามหน่อยเถิดว่าคนที่อาศัยแค่พละกำลังเข้าปะทะกับพวกเฉินกุยซั่วตรงๆ โดยที่ไม่เสียเปรียบได้ ไหนเลยจะตกเป็นรองเฟิ่งรั่วหนานได้ง่ายๆ ตอนแรกตัวเขาเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าพอมาอยู่ที่โลกนี้แล้วปราณเสริมแกร่งของหยวนกังจะทรงพลังถึงขนาดนี้
เฟิ่งหลิงปอจ้องมองหยวนกังด้วยดวงตาทอประกาย ภายในใจมองออกว่าหากเข้าสู่สนามรบ เด็กหนุ่มผู้นี้จะต้องเป็นแม่ทัพผู้ห้าวหาญสังหารฟาดฟันท่ามกลางกองทัพนับหมื่นอย่างแน่นอน จากจุดนี้ทำให้พอมองเห็นแล้วว่าเหตุใดในอดีตหนิงอ๋องถึงสามารถข่มขวัญศัตรูได้ กององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญแข็งแกร่งสมคำร่ำลือจริงๆ!
ภายในข่าวที่ได้รับแจ้งมาจากลูกน้องมิได้เอ่ยถึงความเป็นมาของหยวนกัง เขาจึงเข้าใจผิดคิดว่าหยวนกังมาจากกององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญ
เมื่อเห็นบุตรสาวไม่อาจเข้าประชิดตัวหนิวโหย่วเต้า อีกทั้งตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เผิงอวี้หลานจึงเอียงคอส่งสัญญาณเล็กน้อย
ภายในห้องโถงด้านหนึ่งมีชายชราร่างท้วมคนหนึ่งยืนอยู่ สวมชุดบ่าวรับใช้ เรือนผมขาวโพลน เขาเคลื่อนกายออกมา ซัดฝ่ามือใส่ด้ามทวนคราหนึ่ง ด้ามทวนกระแทกเข้าใส่หน้าอกหยวนกังที่จับทวนอยู่ หยวนกังได้รับแรงสะเทือนจนซวนเซ ถอยกรูดไป!
จากนั้นชายชราก็ถือโอกาสแย่งทวนในมือเฟิ่งรั่วหนานมา มือข้างหนึ่งกดหัวไหล่เฟิ่งรั่วหนานที่ใกล้จะคลุ้มคลั่งอย่างแผ่วเบา ตรึงเฟิ่งรั่วหนานให้หยุดอยู่กับที่ไม่อาจดิ้นรนหลุดพ้นไปได้ เพียงแค่มองดูก็พอจะรู้แล้วว่าเขาแข็งแกร่งเพียงใด
หนิวโหย่วเต้าปราดเข้าไปทันที ทาบฝ่ามือลงบนแผ่นหลังของหยวนกัง ผลคือพบว่ามีพลังลึกลับทะลักออกมา ผลักดันให้เขาถอยตามไปด้วย เขาเหยียดขาข้างหนึ่งยันพื้นไว้อย่างรวดเร็ว รีบใช้พลังสลายแรง เท้าก้าวถอยไปอีกสองก้าวถึงจะสามารถหยุดนิ่งทรงตัวให้มั่นได้
หนิวโหย่วเต้าเหลียวมองชายชราคนนั้นทันที เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเข้าข้างพวกเดียวกันต้องการสั่งสอนหยวนกัง จึงลงมือรุนแรง ฝ่ามือที่ดูคล้ายไม่มีอะไร แต่ความจริงแล้วพลังที่แฝงอยู่ภายในกลับรุนแรงมากพอจะทำให้คนบาดเจ็บได้ ดวงตาหนิวโหย่วเต้าพลันฉายแววดุร้าย เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตาเฒ่า เบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง?”
จู่ๆ เขาพูดจารุนแรงเช่นนี้ออกมา ทุกคนต่างหันไปมองทันที
ชายชราคนนั้นมองหยวนกังด้วยสายตาที่เจือความประหลาดใจไว้หลายส่วน มาตรว่าฝ่ามือนี้เขาจะมิได้ใช้พลังมากนัก แต่ก็มั่นใจว่าสามารถทำให้หยวนกังกระอักเลือดได้ คิดไม่ถึงว่าผลที่ออกมาจะผิดไปจากที่คาดไว้ การฝึกฝนวรยุทธ์ของคนทั่วไปล้วนเป็นการฝึกฝนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่กระดูกผิวหนังและเส้นเอ็น หรือวรยุทธ์ที่คนผู้นี้ฝึกฝนจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้อวัยวะภายในได้ด้วย?
หยวนกังยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อยเพื่อสลายพลังภายในร่าง อวัยวะภายในที่พลุ่งพล่านปั่นป่วนถึงได้สงบลงในที่สุด เขาพ่นลมหายใจดัง ‘ฟู่ว’ หันไปกระซิบบอกหนิวโหย่วเต้า “เต้าเหยี่ย ไม่เป็นไร!”
หนิวโหย่วเต้ายิ้มออกมาทันที เอ่ยกับชายชราคนนั้นด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโส ฝ่ามือนี้ข้าจดจำไว้แล้ว วันหน้าหากมีโอกาส ข้าจะให้ผู้อาวุโสได้ลองลิ้มรสฝ่ามือของข้าดูบ้างแน่นอน!”
ชายชราคนนั้นท่าทางอ่อนน้อม ค้อมกายกล่าวว่า “บ่าวจะตั้งตารอ”
“ดี!” หนิวโหย่วเต้ายิ้มร่า พยักหน้าเล็กน้อย แววตาแฝงความหมายที่ลึกซึ้งเอาไว้ ชั่วขณะนั้นคล้ายไม่ยอมละสายตาไปจากใบหน้าอีกฝ่ายเลย
……………………………………………………….
[1] สำนวนต้นฉบับคือ ตัดชุดวิวาห์ให้คนอื่น หมายถึง ทุ่มเททำงานหนัก สุดท้ายคนอื่นกลับได้ผลประโยชน์ได้
[2] หมายถึง หลอกใช้ผู้อื่นทำงานให้พอหมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง