เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช – บทที่ 251 ชาไปทั้งหน้า

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 251 ชาไปทั้งหน้า

บทที่ 251 ชาไปทั้งหน้า

เสี่ยวเป่ากอดหัวนุ่มนิ่มของเจ้าเสือขาวที่ยื่นเข้ามา พลางถูไถด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข

“เด็กดี”

ฝูงชนที่ได้ยินคำชม “…”

ตัวใหญ่ถึงเพียงนั้น ใช้คำว่าเด็กดีเปรียบเทียบได้ด้วยหรือ

เวลานี้…ทุกคนล้วนไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ได้แต่มองดูเสี่ยวเป่าและเสือสองตัวด้วยสีหน้าตะลึงงัน

ดูเหมือนจะปลอดภัย…แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ปลอดภัย?

เมื่อเจ้าเสือดำเห็นเสี่ยวเป่าลูบหัวน้องชายอยู่อย่างนั้นก็นั่งไม่ติดทันที มันสะบัดหางเดินเฉียดหนานกงฉีเฉินผ่านไป จากนั้นหนานกงฉีเฉินที่เพิ่งลุกขึ้นยืนได้ก็ล้มลงไปอีกรอบ

เจ้าเสือไม่แม้แต่จะชายตามองเขา มันยื่นหัวไปหาเสี่ยวเป่าพร้อมกับอ้าปากหวังจะเลียใบหน้านาง

เสี่ยวเป่าตอบสนองอย่างว่องไว คว้าลิ้นที่มันแลบออกมาไว้ได้ทัน และลูบแก้มนุ่มนิ่มของตนอย่างหวาดผวา

บอกได้คำเดียวว่าเจ็บ

แม้ก่อนหน้านี้เจ้าเสือดำจะใช้ลิ้นส่วนที่มีหนามเพียงเล็กน้อย เลียแก้มเสี่ยวเป่าอย่างระมัดระวัง แต่ใบหน้าของนางนั้นบอบบาง จึงยังรู้สึกเจ็บอยู่ดี

เสี่ยวเป่าจับลิ้นของมันไว้ เจ้าเสือดำก็ยืนนิ่งอย่างเชื่อฟัง เพียงมองนางด้วยแววตาไร้เดียงสา

เสี่ยวเป่าจิ้ม ๆ ไปที่หนามบนลิ้นของมันเบา ๆ พร้อมกับสั่งสอน พยายามให้เสียงอ่อนหวานฟังดูหนักแน่นมากที่สุด

“เจ้าดูหนามบนลิ้นพวกนี้ แล้วดูหน้าเสี่ยวเป่าสิ มันเจ็บมากเลยนะ!”

ใบหน้าด้านซ้ายของนางถูกเลียจนแดงเถือก เจ้าเสือขาวโน้มตัวถูไถอย่างออดอ้อนเอาใจ ดูคล้ายกับจะขอโทษแทนพี่ชาย แต่แท้ที่จริงแล้วกำลังเอาเปรียบต่างหาก

บัดนี้องครักษ์ ขันที และนางกำนัล ตลอดจนพวกพี่ชายของเสี่ยวเป่าต่างรู้สึกชาไปทั้งหน้า พูดให้ก็ถูกคือพวกเขาไม่รู้ว่าควรใช้สีหน้าแบบใดแสดงความรู้สึกหวาดเสียวกับภาพตรงหน้านี้

ตอนที่เสือสองตัวเดินเข้าไปใกล้เสี่ยวเป่า พวกเขาหวาดกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น แต่พอเห็นว่าพวกมันไม่ได้ตั้งใจจะกิน มิหนำซ้ำยังมีท่าทีสนิทสนมกับองค์หญิง ความรู้สึกใจหายก็พลันหายวับไปอีกครั้ง

ในตอนที่เจ้าเสือดำแลบลิ้นหมายจะเลียนาง แต่กลับถูกองค์หญิงน้อยจับลิ้นเอาไว้ หัวใจของพวกเขาก็แทบทะลุออกจากอก บอกไปแล้วแท้ ๆ ว่าห้ามลูบก้นเสือ องค์หญิงของพวกเขาไม่ลูบก้นเสือก็จริง แต่ใช้มือยัดลิ้นกลับเข้าไปในปากเสือเช่นนี้ มันต่างกันตรงไหน!

ทว่าเจ้าเสือดำที่ดูดุร้ายน่ากลัวนอกจากจะไม่โมโหแล้ว ยังยืนนิ่งอย่างเชื่อฟังปล่อยให้นางว่ากล่าวตักเตือนแต่โดยดี

หากว่าขากรรไกรของพวกเขาหลุดได้ บัดนี้คงลงไปกองอยู่ที่พื้นเรียบร้อยแล้ว

เสี่ยวเป่าปล่อยลิ้นของเจ้าเสือ จากนั้นก็ผลักเจ้าก้อนขนดกขนาดใหญ่สองตัวที่กำลังรุมล้อมตนเองอยู่และเดินเข้าไปหาพี่ชาย

“ท่านพี่ เหตุใดท่านล้มลงไปอีกแล้วล่ะ!”

จากนั้นนางก็คว้ามือของเขาแล้วดึงสุดแรง

หนานกงฉีเฉิน “…”

น้องหญิงอย่าเพิ่งดึงข้า ขอข้าตั้งสติก่อน

กุบกับ ๆ ๆ

เสียงกีบม้าดังกึกก้องและรวดเร็วเคลื่อนเข้ามาใกล้ ท่ามกลางผืนหิมะแผ่ไพศาล หนานกงสือเยวียนในชุดสีดำสนิทกำลังควบม้าตรงเข้ามา ในมือถือคันธนูขนาดใหญ่ ที่บัดนี้ขึ้นลูกและง้างสายจนตึง โดยมีเสือสองตัวเป็นเป้าหมาย

สีหน้าของเขาเคร่งขรึมเย็นชา บนร่างแผ่ไอสังหารน่าสะพรึงกลัว กองทหารบนหลังม้าที่เหลือทิ้งห่างอยู่ด้านหลัง

สภาพจิตใจของหนานกงสือเยวียนสับสนว้าวุ่นมาตลอดทั้งทาง เขาคิดเพียงว่าต้องไปให้เร็ว เร็วยิ่งกว่านี้ กระทั่งเป็นครั้งแรกที่เขาขอพรจากเทพเจ้าให้คุ้มครองเสี่ยวเป่าและลูกชายของเขาให้ปลอดภัย

เมื่อได้เห็นเสือขนาดมหึมาสองตัวจากระยะไกล มือของหนานกงสือเยวียนถึงกับสั่นสะท้าน ดวงตาแดงก่ำ คว้าคันธนูและลูกศรโดยไม่ลังเล สติสัมปชัญญะเลือนหายไปอย่างช้า ๆ

“ท่านพ่อ ท่านพ่อ!”

หนานกงสือเยวียนพุ่งเข้ามาอย่างห้าวหาญ จึงมิแปลกที่เสือสองตัวจะรู้สึกหวาดหวั่น ทว่าพวกมันกลับยืนขนาบข้างเสี่ยวเป่าซ้ายขวา

ทว่าเสี่ยวเป่ามีสายตาคมกริบ ถึงแม้ม้าของท่านพ่อจะอยู่ไกลออกไป แต่นางก็ยังมองเห็นเขา ท่วงท่าอาจหาญทรงพลังเช่นนั้น หากไม่ใช่ท่านพ่อ นางจะกินเสือให้ดู!

เสี่ยวเป่าตบเบา ๆ ไปที่เจ้าเสือดำเพื่อให้มันหมอบลง จากนั้นตนเองก็ค่อย ๆ ปีนขึ้นไปอยู่บนหลังของเจ้าเสือ

ต้องยืนให้สูงอีกหน่อย ท่านพ่อจะได้มองเห็นนาง

นางฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก

แต่ไม่คาดคิดว่าการกระทำเช่นนี้ของนางจะช่วยหลีกเลี่ยงหายนะครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาเยือน

“ท่านพ่อ ๆ เสี่ยวเป่าอยู่ตรงนี้ เสี่ยวเป่าอยู่ตรงนี้เพคะ”

เสี่ยวเป่าขึ้นขี่หลังเจ้าเสือดำพลางยกแขนขึ้นโบกไปมา พร้อมกับตะโกนเสียงใสกังวาน

สีหน้าของคนอื่น ๆ “( ̄- ̄;)”

ดูเหมือนว่า…เจ้าเสือสองตัวนั้นจะไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้นนะ

เมื่อเห็นเสี่ยวเป่าและได้ยินเสียงของนาง หนานกงสือเยวียนก็หยุดมือ นัยน์ตาสีแดงก่ำค่อย ๆ ได้สติกลับมา

เสี่ยวเป่า… เสี่ยวเป่าปลอดภัยดี

ความปีติยินดีที่หายวับไปพลันกลับคืนมาอีกครั้ง เขาไม่สนใจเสือตัวโตทั้งสองแม้แต่น้อย เพียงควบม้าตรงเข้าไปคว้าตัวลูกสาวและกอดนางไว้แนบแน่น แม้ไม่ได้พูดคำใด แต่ความกังวลทั้งหมดรวมถึงความสุขที่หายไปล้วนฝังไว้ในอ้อมกอดนี้

“ท่านพ่อเป็นอะไรไป?”

เสี่ยวเป่าค่อย ๆ สัมผัสใบหน้าของท่านพ่อที่กำลังกอดนางโดยไม่พูดอะไรพลางเอ่ยถาม

หนานกงสือเยวียนวางคางลงบนศีรษะของนาง พร้อมตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ข้าไม่เป็นไร”

เกิดเรื่องขึ้นกับทหารลาดตระเวนทางด้านทิศตะวันออกของภูเขาไป่สิง ตอนที่รู้ข่าว ทหารก็รีบมารายงานเรื่องนี้กับเขาในทันที

เสียชีวิตเพราะถูกวางยาพิษ ดูอย่างไรก็เป็นฝีมือของพวกหนานจ้าว

ในตอนนั้นเขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี จึงรีบควบม้ากลับไปโดยไม่ลังเล

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่จุดตั้งค่าย แต่ว่าเสี่ยวเป่าและพี่ชายของนางอีกหลายคนกลับไม่ได้อยู่ที่นั่น

หลังจากหนานกงสือเยวียนสั่งให้คนออกค้นหาตำแหน่งขององค์หญิงและเหล่าองค์ชาย เขาก็รีบรุดมาที่นี่พร้อมกับไอสังหารรุนแรง

และเมื่อเห็นเสือร้ายตัวหนึ่งดำ ตัวหนึ่งขาว หนานกงสือเยวียนก็คิดว่าเกิดเรื่องขึ้นกับพวกเสี่ยวเป่าเข้าแล้ว ในชั่วขณะนั้น ความบ้าคลั่งที่พร้อมจะทำลายโลกทั้งใบที่ครั้งหนึ่งเคยปรากฏขึ้นเมื่อนานมาแล้วยามที่เสด็จแม่และท่านตาถูกสังหารก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

โชคดีเหลือเกิน…โชคดีเหลือเกินที่เสี่ยวเป่าปลอดภัย

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Status: Ongoing
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว!หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน!เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท