ตอนที่ 59 มิตรภาพของจางฮั่นหลิน
จางฮั่นหลินนั่งสงบสติอารมณ์บนเก้าอี้ก่อนจะหันไปพูดกับไป๋เยี่ย “เป็นไงบ้าง จัดการกับข้อมูลได้ราบรื่นดีไหม”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าพร้อมกับส่งข้อมูลที่ถูกจัดระเบียบใหม่ให้จางฮั่นหลินดู “ลองดูครับ นี่เป็นข้อมูลที่ผมวิเคราะห์ใหม่แล้ว”
จางฮั่นหลินรับเอกสารมา เขาค่อยๆ บรรจงอ่านทีละหน้าอย่างละเอียด เขาเป็นนักวิจัย จึงต้องมีความรอบคอบมากและต้องให้ความสำคัญกับข้อมูลที่ได้จากการทดลองด้วย
เขาใช้เวลาหนึ่งชั่วมงเต็มไปกับการอ่านข้อมูลสถิติ ซึ่งไป๋เยี่ยเองก็ไม่ได้ขัดจังหวะเขาแต่อย่างใด ทันใดนั้นจางฮั่นกลิงก็เงยหน้าขึ้นมองไป๋เยี่ยพลางขมวดคิ้วลง “คุณ…คุณทำเสร็จแล้วเหรอ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ใช่ครับ!”
จางฮั่นหลินเบิกตากว้าง แววตาของเขาแฝงไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
เขาก้มลงอ่านเอกสารอีกรอบตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้ายโดยที่พึมพำกับตนเองไปด้วย “เก่งมาก! เก่งจริงๆ! ไป๋เยี่ยคุณมันอัจฉริยะ! เยี่ยมยอด!”
“ฮ่าๆๆ คุณเก่งเกินไปแล้ว ทั้งมหา’ลัยจิ้นซีคงไม่มีใครทำวิเคราะห์สถิติได้นอกจากคุณแล้วละ! คุณรู้ไหมว่ามันหมายความว่าอย่างไร คุณเป็นนักวิเคราะห์สถิติอันดับหนึ่งของมณฑลจิ้นซี นี่ผมไม่ได้ชมเกินจริงเลยนะ!”
ไป๋เยี่ยถูกจางฮั่นหลินชมจนตัวแทบลอย เขาจึงยิ้มตอบอย่างเคอะเขิน “ศาสตราจารย์จางลองดูว่ามันใช้ได้ไหมก่อนนะครับ!”
“ฮ่าๆ…มันใช้ได้เลยละ ดีมาก พอมีวิเคราะห์สถิตินี่แล้ว ก็รอให้ผมทำธีสิสเสร็จก่อนแล้วกัน การตีพิมพ์วารสารที่ได้คะแนนไอเอฟ[1]ถึงเจ็ดคะแนนก็คงไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร!”
“ฮ่าๆ ไป๋เยี่ย คุณเก่งจริงๆ นะ ต่อไปพวกเราคงจะต้องร่วมงานกันบ่อยๆ แล้วละ”
ทันใดนั้นไป๋เยี่ยก็ได้รับข้อความแจ้งเตือน
[ติ๊ง! ภารกิจลูกโซ่ ภารกิจแรก: ความสับสันของจางฮั่นหลินสำเร็จลุล่วงแล้ว คุณได้รับความไว้วางใจจากจางฮั่นหลิน ซึ่งเปิดโอกาสให้คุณได้ร่วมงานกับเขาต่อไปในอนาคต
ได้รังรางวัลดังต่อไปนี้: 1. แต้มสมาชิก 20 แต้ม 2. โอกาสจับรางวัล 2 ดาวจำนวน 1 ครั้ง]
ไป๋เยี่ยรู้สึกมีความสุข ในที่สุดก็ทำภารกิจสำเร็จแล้ว
ทว่าจางฮั่นหลินกลับขมวดคิ้วเป็นปม เขาเจอปัญหาบางอย่างจึงถามขึ้นทันที “ไป๋เยี่ย คุณจัดการกับข้อมูลนี่ยังไงเหรอ ผมก็เคยจัดการกับมันด้วยวิธีนั้นมาก่อน แต่ทำไมถึงไม่ได้ข้อสรุปล่ะ”
ไป๋เยี่ยยกยิ้มพร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เขา ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ความคลาดเคลื่อน
“เพราะว่าพวกคุณคิดผิดแต่แรก แถมยังเชื่อแบบจำลองหนูสุ่มสี่สุ่มห้า ผมลองทดลองดูหลายรอบแล้ว และพบว่าแบบจำลองหนูนั้นมีปัญหาเล็กน้อย ความผิดพลาดเพียงน้อยนิดอาจจะกลายเป็นตัวบ่งบอกความน่าเชื่อถือของข้อมูลก็ได้นะครับ…”
ทันทีที่ไป๋เยี่ยพูดจบ จางฮั่นหลินก็ตบหน้าผากตนเองดังฉาด!
เขาพอนึกอะไรออกแล้ว!
“ไอ้ฝรั่งเฮงซวย ขายของแพงหลอกเอาความเชื่อใจจากเรา!”
ไป๋เยี่ยอดใจถามไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
จางฮั่นหลินถอนหายใจด้วยความผิดหวังเล็กน้อย “พวกเราต้องการหนูทดลองจำนวนมากสำหรับการทดลอง พวกเราซื้อหนูธรรมดาๆ ไว้จำนวนหนึ่งและแบบจำลองหนูอีกจำนวนหนึ่ง แล้วก็มีแบบจำลองหนูที่พวกเราทำขึ้นเองบางส่วนด้วย”
“โอ้ แบบจำลองที่ผมหมายถึง ก็อย่างเช่นผมต้องทำการทดลองตัวยาสำหรับโรคความดันโลหิตสูงกับสัตว์ ผมก็ต้องสร้างหนูที่มีโรคความดันสูงขึ้นมาจำนวนมาก ซึ่งพวกเราเรียกสิ่งนี้ว่าแบบจำลอง”
“แบบจำลองหนูที่พวกเรานำมาใช้ในการทดลองนั้นค่อนข้างซับซ้อน พวกเราสิ้นเปลืองกำลังคนและทรัพยากรไปค่อนข้างมาก สู้ซื้อแบบจำลองสำเร็จรูปมาเลยดีกว่า”
“ถึงแม้ว่าแบบจำลองที่ผลิตในประเทศของเราจะคุณภาพไม่แย่ แต่…มันก็ไม่สำเร็จสักที! เพราะว่าการทดลองของพวกเรานั้นจำเป็นต้องใช้การวิเคราะห์ข้อมูลที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น จึงตัดสินใจสั่งซื้อแบบจำลองสำเร็จรูปมาจากต่างประเทศ”
“ยังไงพวกเขาก็มีประสบการณ์มามาก เกิดข้อผิดพลาดหลังการทดลองน้อยมาก ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เลว แต่ว่าราคาแพงลิบ”
“แค่แบบจำลองตัวเดียวก็ปาไปห้าร้อยหยวนแล้ว ผมตัดสินใจสั่งซื้อมาทั้งหมดห้าร้อยตัว ซึ่งนั่นก็เป็นเงินจำนวนสองหมื่นห้าพันหยวนแล้ว แต่ก็เพื่อให้การทดลองดำเนินไปได้อย่างราบรื่น”
“ตอนนี้พวกเขาบอกว่าจะขึ้นราคาแบบจำลองเป็นตัวละห้าร้อยห้าสิบหยวน หนึ่งพันตัวก็ปาไปห้าแสนห้าแล้ว ได้กำไรมากขึ้นตั้งห้าหมื่นหยวน พวกเราเองก็มีทุนจำกัด อย่ามองแค่มูลค่าโครงงานยี่สิบล้านหยวนเลย แบ่งไปแบ่งมาก็เหลืออยู่ไม่เท่าไหร่หรอก”
จางฮั่นหลินทั้งสาปทั้งแช่ง “พวกฝรั่งชอบคิดว่าหากินกับคนจีนง่าย ตอนที่ผมไปทำการทดลองที่ต่างประเทศ แบบจำลองหนูสำเร็จรูปพวกนี้ราคาแค่ตัวละยี่สิบดอลลาร์เอง”
“แพงไม่พอ ผลลัพธ์ที่ได้ยังธรรมดาอีก! ความคืบหน้าของการทดลองต้องล่าช้าไปเพราะเรื่องนี้แท้ๆ!”
เมื่อไป๋เยี่ยเห็นท่าทางคับแค้นใจของจางฮั่นหลิน ก็นึกขึ้นได้ถึงหนังสือ ‘คู่มือเลี้ยงหนู’ ที่เขาพิ่งได้รับมาจากการจับรางวัล
หนังสือเล่มนี้เป็นคู่มือเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงหนูทดลอง ซึ่งเน้นขั้นตอนการสร้างแบบจำลองหนูที่ใช้กันทั่วไปหลากหลายชนิด
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นประสบการณ์ที่นักวิจัยแต่ละคนสั่งสมมารุ่นต่อรุ่น เพื่อลดข้อผิดพลาดให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ไป๋เยี่ยคิดไปคิดมาก็พับเรื่องนี้ทิ้งไป อย่าเพิ่งหยิบเรื่องนี้มาพูดเลยน่าจะดีกว่า รอให้ถึงวันที่เขาสร้างมันออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบก่อนค่อยพูดเรื่องนี้ก็ยังไม่สาย
จางฮั่นหลินส่ายหัว “เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า ขอบคุณคุณมากนะ เสี่ยวเยี่ย ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ผมคงจะหาข้อผิดพลาดเหล่านั้นไม่เจอหรอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงข้อสรุปเลย”
จางฮั่นหลินรับแฟลชไดร์ฟและต้นฉบับคืนอย่างมีความสุขก่อนจะเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “เสี่ยวเยี่ย คุณกลับไปเถอะ ผมทำคุณลำบากมามากแล้ว กลับไปพักผ่อนเยอะๆ รอวันที่ผมส่งธีสิสไป พอได้รับหนังสือแสดงความยินยอมผมก็จะส่งมันไปให้คุณอีกที”
ไป๋เยี่ยผงะ นี่เราทำไม่ถูกเหรอ
ภารกิจแรกก็สำเร็จไปแล้วนี่นา แต่ทำไมภารกิจที่สองยังไม่เริ่มต้นขึ้นล่ะ!
ทำไงดี
หรือว่าต้องพูดเรื่องหนูกันนะ ไป๋เยี่ยเดาว่าตนน่าจะยังทำเงื่อนไขการเปิดใช้ไม่สำเร็จ
หรือว่าเราจะต้องบอกแหล่งที่มาของหนู
แต่ว่าตอนนี้ฉันน่ะทำอะไรไม่ได้เลย!
ไป๋เยี่ยถอนหายใจ ต่อให้เขาจะได้รับวารสารวิทยาศาสตร์ที่มีคะแนน IF สูงก็ถือว่าเป็นกำไรแล้ว แต่จะไปสู้อะไรได้กับแต้มสมาชิก 20 แต้มและโอกาสจับรางวัล 2 ดาวจำนวน 1 ครั้งล่ะ
คิดได้ดังนั้นไป๋เยี่ยก็คลี่ยิ้มออกมา “ได้ครับ ขอบคุณอาจารย์จางมากเลยครับ! ต่อไปผมคงจะช่วยคุณได้ไม่มากแล้ว”
จางฮั่นหลินมองไป๋เยี่ยก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “อ้อ ใช่ นายเพิ่งสอบเรียนต่อป.โทเสร็จนี่นา สมัครกับใครไปล่ะ”
ไป๋เยี่ยนิ่งไปแล้วจึงพูดขึ้นมาในทันใด “หัวหน้าสถาบันวิจัยโรคสมองของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเมืองไห่ซื่อ เฮ่ออันครับ’”
ทันทีที่จางฮั่นหลินได้ยินชื่อนั้นก็รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย “เฮ่ออันงั้นเหรอ!”
ไป๋เยี่ยแค่นหัวเราะ “ใช่ครับ ตอนนั้นผมสุ่มดวงเอาน่ะ”
พวกเขายืนยันตนหลังจากที่สมัครสอบในเดือนพฤศจิกายน ตอนนั้นผลการเรียนวิชาแพทย์แผนจีนของเขายังย่ำแย่อยู่เลย พอได้ยินว่าใครเก่งก็เดินไปสมัครกับคนนั้นทันที!
จู่ๆ จางฮั่นหลินก็นึกถึงชายคนนั้นซึ่งกำลังไปทำงานที่ต่างประเทศ เขาจึงหันกลับมาพูดกับไป๋เยี่ย “เฮ่ออันเป็นคนที่เก่งมากคนหนึ่ง ผมเคยผูกมิตรกับเขาครั้งหนึ่ง ตอนนั้นผมอยู่ที่อเมริกา เฮ่ออันพยายามรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างตนและอุตสาหกรรมยาขนาดใหญ่จากต่างประเทศไว้สำหรับการร่วมมือกันในระยะยาว เขาทำโครงงานและธีสิสไว้เยอะมาก ถ้าคุณได้ทำวิจัยกับเขาก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะเขาเองก็เป็นที่ปรึกษาให้กับด็อกเตอร์ด้วย ไม่แน่คุณอาจจะเรียนจบด็อกเตอร์เลยก็ได้นะ อีกอย่าง คนคนนี้ยังชอบปล่อยคนออกไปทำวิจัยที่ต่างประเทศด้วย!”
ไป๋เยี่ยพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจนัก “ครับ ผมจะพยายาม!”
“ไม่เป็นไร พอถึงตอนนั้นผมจะช่วยคุณคุยเอง คนเก่งๆ อย่างคุณจะไปไหนก็มีแต่คนอยากได้! ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็มาหาผมนี่ ผมจะรอต้อนรับคุณเสมอนะ! ถึงตอนนั้นพวกเราก็มาช่วยกันทำวิจัยกันเถอะ! ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้กล้ารับประกันไปซะทุกเรื่องก็ตาม แต่หลังจากที่คุณเรียนจบ ผมรับประกันได้เลยว่าคุณจะถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่ไหนสักที่พร้อมกับได้รับกองทุนจากทั้งประเทศอย่างแน่นอน!” จางฮั่นหลินมองการณ์ไกลให้กับไป๋เยี่ย
และสุดท้ายก็หันมาคุยกับไป๋เยี่ย “จริงด้วย สถาบันวิจัยของผมกำลังเตรียมตัวสำหรับวันหยุดน่ะ พวกเราจะเริ่มการทดลองกับสัตว์ในเดือนเมษายน ส่วนช่วงนี้พวกผมจะจัดการกับข้อมูลและงานอื่นๆ ไปก่อน โดยจะงดทำการทดลองไปก่อน ช่วงนี้เลยจะค่อนข้างว่างกันน่ะ”
“คุณกลับไปฉลองปีใหม่เถอะ เดี๋ยวผมจะเป็นคนสืบเรื่องเฮ่ออันให้คุณเอง”
[1] ไอเอฟ (IF) หรือ Impact Factors คือการวัดการได้รับการอ้างอิงของวารสารวิชาการสาขาวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์