ตอนที่ 99 ไป๋หั่วหวา
ไป๋เยี่ยค้นพบว่าบัญชี ‘ไป๋หั่วหวา‘ ในโทรศัพท์ของพ่างจื่อนั้นเป็นบัญชีที่เพิ่งลงทะเบียนตอนที่เขาไปเข้าร่วมการแข่งขันความรู้ด้านการแพทย์แผนจีนระดับชาติหลังจากที่เขาผ่านเข้าไปในรอบระดับมณฑลนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีรูปภาพและโพสต์จำนวนมากด้วย
[ผลการแข่งขันระดับมณฑลเพิ่งจะออกมาวันนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็น่าจะผ่านเข้ารอบระดับประเทศได้ครับ! รอดูกันเลย…]
[คืนนี้ผมเพิ่งมาถึงเมืองหลวง กำลังเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันรอบระดับประเทศครับ รู้สึกเครียดยังไงก็ไม่รู้แฮะ (แนบรูปถ่าย)…]
แถมยังโพสต์คู่กับรูปเซลฟี่ด้วย…
ไป๋เยี่ยนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้พ่างจื่อชอบให้เขาส่งรูปเซลฟี่ให้บ่อยๆ มิน่าล่ะ…ว่าแล้วเชียว!
ทว่าไป๋เยี่ยก็ยอมส่งรูปเซลฟี่ให้พ่างจื่อโดยไม่เอะใจ เพราะว่าพวกเขาก็สนิทกันดีอยู่แล้ว…
แต่เมื่อไป๋เยี่ยเลื่อนอ่านคอมเมนต์ด้านล่างภาพ เขาก็แทบจะเป็นลม
[เสี่ยวไป๋…สู้ๆ น้า!]
[เสี่ยวไป๋หล่อจังเลย!]
[เสี่ยวไป๋ต้องได้แชมป์แน่ๆ! หน้าเครียด.jpg]
ไป๋เยี่ยอ่านคอมเมนต์ด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่พูดไม่จา
มีรูปถ่ายตอนเขาเข้าร่วมงานต่างๆ…แม้กระทั่งใบฝากตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์
ตอนนั้นไป๋เยี่ยต้องลงนามในเอกสารรับรองการเป็นลูกศิษย์ ไม่น่าเชื่อว่ารูปนั้นก็ถูกโพสต์เหมือนกัน…
ไป๋เยี่ยจ้องพ่างจื่อด้วยสายตาว่างเปล่า
พ่างจื่อจึงได้แต่ส่งรอยยิ้มอันไร้เดียงสาให้ก่อนจะพูดต่อ “เยี่ยจื่อ รีบขอบคุณฉันมาซะดีๆ! ฉันเจ๋งไหมล่ะ ฉันรู้ว่าอีกหน่อยนายจะต้องดังแน่ๆ เลยเตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว!”
พ่างจื่อเปิดหน้าโฮมก่อนจะจิ้มไปที่อีบุ๊กและแอปพลิเคชั่นที่เพิ่งดาวน์โหลดมาจำนวนมากพร้อมกับพูดขึ้น
“ดูสิ ฉันเตรียมไว้ให้นายหมดแล้ว ช่วงนี้ฉันกำลังศึกษาวิธีเป็นผู้จัดการที่ดี วิธีเจรจากับบริษัทไม่ให้ถูกเอาเปรียบ แล้วก็มาร์เก็ตติ้งต่างๆ…”
“เยี่ยจื่อ ตอนนี้พวเราไม่มีเงินก็จริง แต่นั่นน่ะไม่สำคัญหรอกนะ! แรกๆ อะไรๆ ก็ยากไปหมดแหละ นายจะต้องดิ้นรนเพื่อความสำเร็จอยู่แล้ว ฉันน่ะไม่ต้องการเงินเดือนหรอก นายไม่ต้องเครียดไป…เฮ้ยๆๆ นายจะโค้งทำไม อย่าคุกเข่าเซ่…เฮ้ย…แล้วนั่นนายจะทำอะไรน่ะ อย่า…”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ไป๋เยี่ยและพ่างจื่อก็มาลงเอยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
บนโต๊ะมีอาหารอยู่สี่ห้าอย่าง เบียร์อีกสี่ขวด ทั้งคู่ใช้เวลาไม่นานก็ดื่มหมดไปสองขวดแล้ว
ไป๋เยี่ยรู้สึกประหลาดใจกับความคิดของพ่างจื่อมาก
จู่ๆ พ่างจื่อก็ตบโต๊ะเสียงดัง ทำเอาไป๋เยี่ยสะดุ้งจนต้องยกขวดเบียร์ขึ้นมาตั้งการ์ด “นายทำไรอะ”
สีหน้าของพ่างจื่อแฝงไปด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม “เดี๋ยวจะทำอะไรเด็ดๆ ให้ดู!”
พ่างจื่อพูดพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้ไป๋เยี่ยอ่าน “ฉันสมัครวีไอพีได้ละ! ดูนี่…”
ไป๋เยี่ยชะงัก วีไอพีงั้นเหรอ ต้องเป็นคนดังถึงทำได้ไม่ใช่เหรอ
“ทำได้ไง มันของพวกคนดังไม่ใช่เหรอ”
พ่างจื่อยิ้มอย่างมีเลศนัย “นายคิดว่าฉันเป็นใครเหรอ จริงๆ แล้วมันไม่ได้ทำยากแบบที่นายคิดหรอกนะ อย่าประเมินค่าตัวเองในวงการแพทย์แผนจีนต่ำอย่างนั้นสิ นายน่ะเป็นคนดังนะ ยังไงก็มีอิทธิพลอยู่แล้ว!”
“ระหว่างช่วงการแข่งขันความรู้ด้านการแพทย์แผนจีน ฉันเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ก็เลยสมัครแอคเคาท์นี้ให้นายไง แล้วพอต่อมานายก็ได้ที่หนึ่งแทบทุกงาน คนติดตามนายก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ พองานจบนายก็ได้แฟนๆ มาตั้งสามหมื่นกว่าคนแล้วก็กลายเป็นคนดังไงล่ะ!”
“เยี่ยจื่อ นายไม่เข้าใจอะ นี่มันเป็นช่องทางทำเงินเลยนะ! ดูสิ นายโปรวิชาการ ส่วนฉันโปรการเงิน ถ้าเราร่วมมือกัน ฉันว่า…ภาพที่ออกมาต้องสวยมากแน่ๆ ไม่อยากจะคิดเลย!”
อันที่จริงไป๋เยี่ยรู้อยู่แล้วว่าพวกคนดังจะมีบัญชีอีกประเภทหนึ่งซึ่งมีฟังก์ชั่นมากกว่าบัญชีทั่วๆ ไป แต่บัญชีเหล่านี้จะเป็นบัญชีที่ได้รับการยืนยันตัวตนจากทางทีมงานโดยเฉพาะเท่านั้น
แล้วฉันจำเป็นต้องมีของพรรค์นี้ด้วยเหรอ
ไป๋เยี่ยส่ายหัวไปมา เขาไม่ต้องการมันเลยสักนิด
พ่างจื่อเห็นสีหน้าของไป๋เยี่ยก็เข้าใจได้ทันที “เยี่ยจื่อ ตอนนี้นายอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะ ว่าบางทีพลังของวงการบันเทิงก็ยิ่งใหญ่มาก! ”
“อีกอย่างแอคเคาท์นี้ก็เป็นของนายนั่นแหละ ฉันสมัครไว้ในเครื่องนายแล้ว ถ้านายไม่ต้องการจะทิ้งมันไปก็ได้นะ ปล่อยมันไว้เฉยๆ เลย แต่ฉันคิดว่าถ้าเราจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยได้มันก็จะกลายเป็นการเริ่มต้นที่ดีได้!”
พ่างจื่อพูดจบก็ยิ้มพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมา
“จากนี้ไปฉันจะเป็นผู้จัดการของนายเอง ฉันจะรับผิดชอบเรื่องพวกนั้นให้นายเอง นายไม่ต้องไปกังวลหรอก นายก็ทำหน้าที่ของนายไป พวกเราแบ่งงานกันชัดเจนแล้วเหลือแค่ร่วมมือกันเท่านั้น!”
“ฉัน หวังโหย่วฝู่ สาบานว่าจะดูแลนายและทำให้นายกลายเป็นคนดังให้ได้เลย!”
ไป๋เยี่ยกลอกตาไปมา เขาไม่ได้กังวลเรื่องนั้นเลยสักนิด
พ่างจื่อพูดต่อ “ให้ตายเถอะ ตาแก่นั่นเริ่มบ่นอีกแล้ว! ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้ตาแก่นั่นเอาแต่พูดจาแย่ๆ ใส่นาย”
ไป๋เยี่ยสงสัย “มีอะไรเหรอ”
พ่างจื่อยื่นโทรศัพท์ให้ไป๋เยี่ยพร้อมกับเปิดหน้าแอคเคาท์ของชายคนนั้นให้ดู “เขาชื่อสือฉี เป็นที่ปรึกษาอาวุโสของอุทยานวิทยาศาสตร์ชีวภาพและรองประธานสมาคมการฝึกเดินลมปราณพื้นบ้าน เขาเป็นพวกหัวโบราณที่เอาแต่พูดจาเลอะเทอะไปวันๆ”
ไป๋เยี่ยยิ่งอยากรู้กว่าเดิม “เขาก็ดูมีหน้าที่การงานดีนี่นา เป็นทั้งที่ปรึกษาอาวุโสของอุทยานวิทยาศาสตร์ชีวภาพแถมยังเป็นรองประธานสมาคมการฝึกเดินลมปราณพื้นบ้านอีกด้วย ก็เป็นคนใหญ่คนโตนี่ ทำไมเขาถึงมาด่าฉันล่ะ”
พ่างจื่อหัวเราะ “คนใหญ่คนโตอะไรกัน อย่าไปอ่านมันมากเลย บั่นทอนเปล่าๆ ไอ้อุทยานวิทยาศาสตร์ชีวภาพอะไรนั่นไม่มีอะไรหรอก ไร้สาระ ไม่มีอยู่จริงด้วยซ้ำ! ตาแก่นั่นก็เป็นแค่ชาวเน็ตปากพล่อยทั่วๆ ไปนี่แหละ โง่เง่าชะมัด”
“แน่นอน ฉันไม่ได้ดูถูกวิทยาศาสตร์พื้นบ้านนะ แต่แค่ว่าตาแก่นี่มันคงว่างจริงๆ ถึงเอาแต่หาเรื่องคนบนอินเทอร์เน็ตไปวันๆ เอาแต่ด่า ใครดังก็ด่าหมด นายว่ามันประสาทไหมล่ะ! ไม่ด่าพวกคนใหญ่คนโตนะ แต่ด่าพวกคนเริ่มดังเนี่ยแหละ นี่มันพวกชอบหาเรื่องคนที่ด้อยกว่าชัดๆ เลย!”
ไป๋เยี่ยฟังแล้วก็เข้าใจ เขาคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านคอมเมนต์ของชายคนนั้น
[การแพทย์แผนจีนโบราณถูกทำลายโดยคนกลุ่มนี้! ไม่มีแพทย์ที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงและชิงแล้ว พวกแพทย์แผนจีนสมัยใหม่ส่วนใหญ่ก็มีแต่พวกต้มตุ๋นแล้วใช้คำว่าแพทย์แผนจีนบังหน้าเท่านั้นแหละ! ไอ้หนุ่มที่กล้าบรรยายให้คนอื่นฟังมันรู้ดีหรือยังว่าการแพทย์แผนจีนคืออะไร เอาแต่พูดจาไร้สาระ แถมมหา’ลัยยังปล่อยให้มันพล่ามอีก ที่การแพทย์แผนจีนมันเสื่อมลงทุกวันนี้ก็เป็นเพราะคนพวกนี้นี่แหละ มหา’ลัยคิดอะไรอยู่ เฮ้อ…ความล้มเหลวแห่งชาติ! ความล้มเหลวของประชาชนชัดๆ!]
ชายผู้นี้แสดงความคิดเห็นได้อย่างจริงจังจนไป๋เยี่ยแทบจะปักใจเชื่อ
แต่ถ้าลองคิดดูดีๆ จะพบว่าสิ่งที่ชายผู้นี้พูดนั้นมีแต่น้ำไม่มีเนื้อ ไม่มีแก่นสาระสำคัญอะไรเลย คุณบอกว่าสิ่งที่ไป๋เยี่ยพูดแย่มาก แต่คุณก็ไม่ได้บอกนี่ว่าแย่ตรงไหน