ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 59 รายงานอาชญากรรม

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 59 รายงานอาชญากรรม

ตอนที่ 59 รายงานอาชญากรรม

ฉินมู่หลานชะงักลงทันที เดินตามชายคนเมื่อสักครู่ที่กำลังวิ่งจากไป

เดิมทีเธอก็แอบหวังอยู่ในใจว่าคนที่อุ้มเสี่ยวเหล่ยไปอาจเป็นคนรู้จักของตระกูลอวี๋ แต่ในตอนที่ไม่มีใครนั่นเอง ชายวัยกลางคนผู้นั้นก็อุ้มเสี่ยวเหล่ยแล้วเดินตรงไป โดยไม่แม้แต่จะกอดเขาด้วยซ้ำ ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าภาคภูมิ

“เจอสินค้าดี ๆ อีกหนึ่งแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนผู้นี้คือพวกค้ามุษย์

เธอจึงตามติดอย่างระมัดระวังมากขึ้นเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ ขณะเดียวกันก็แอบคิดถึงเส้นทางที่ตนเคยไปมาก่อนหน้านี้

หลังจากชายวัยหลางคนพาเสี่ยวเหล่ยอ้อมไปอ้อมมา ก็มาหยุดอยู่ตรงลานบ้านซึ่งอยู่ห่างไกลแห่งหนึ่ง

“ก๊อกๆๆ…”

“ใครน่ะ…”

เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากทางประตูบ้าน แล้วชายวัยกลางคนก็เอ่ยตอบเสียงเบา “คุณป้า ผมเอง เสี่ยวฉี”

เมื่อได้ยินดังนั้น ประตูจากข้างในก็เปิดออก ก่อนจะเห็นหญิงชราผมหงอกคนหนึ่งปลีกตัวไปด้านข้างเพื่อให้อีกคนเดินเข้าไป

หลังจากทั้งสองเข้าประตูไปแล้ว ประตูก็ถูกปิดลงอีกครั้ง

ฉินมู่หลานค่อย ๆ โผล่ออกมาจากมุม หลังจากวาดตำแหน่งสถานที่ไว้แล้ว เธอก็รีบไปพบใครสักคน ตอนนี้เธอไม่ทราบแน่ชัดว่าข้างในมีคนอยู่จำนวนเท่าใด รู้เพียงว่ามีชายวัยกลางคนและหญิงชราที่เปิดประตูออกมาเพียงเท่านั้น ซึ่งจริงๆ อาจจะมีคนอื่นอยู่ข้างในด้วยก็ได้

เธอต้องไปแจ้งความเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพื่อให้คนมาช่วยเสี่ยวเหล่ย บางทีนอกจากเสี่ยวเหล่ยแล้วอาจมีเด็กคนอื่นที่โดนจับตัวมาอีกก็เป็นได้

ฉินมู่หลานไม่รอช้า มุ่งหน้าตรงไปที่สถานีตำรวจประจำเขต แต่กระนั้นเธอก็กลัวว่าคนพวกนี้จะไหวตัวทัน จึงคิดวางแผนในเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนโดยการเจียดเงินบางส่วนของตนไปจ้างวานให้คนจำนวนหนึ่งเข้าแจ้งความ ก่อนจะพาตัวเองมาแอบซุ่มดูลานบ้านหลังเล็กนั่นอีกครั้ง

เมื่อมองไปที่ลานบ้านที่ตั้งทิ้งรกร้าง ฉินมู่หลานก็ซ่อนตัวหลบอยู่ในมุมพลางจ้องมองต่อไป

หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เห็นชายวัยกลางคนที่อุ้มเสี่ยวเหล่ยออกจากประตูมาเพียงลำพัง เมื่อคิดดูอีกที ฉินมู่หลานจึงไม่ได้ตามเขาไป ยังคงเฝ้ามองลานบ้านนั้นแทน เพราะเสี่ยวเหล่ยอยู่ข้างใน

เวลาผ่านไปค่อนข้างช้าจนฉินมู่หลานรู้สึกว่าตนรอมานานมากพอสมควร แต่ความจริงมันเป็นเพียงหนึ่งในสี่ของชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจากไม่มีนาฬิกา จึงไม่รู้ว่าตอนนี้เวลาผ่านไปนานเท่าใด ดูเหมือนว่าเธอคงต้องแบ่งเงินไปซื้อนาฬิกาสักหน่อยแล้ว ไม่เช่นนั้นคงดูเวลาไม่สะดวก

ขณะที่ฉินมู่หลานกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ตรงลานบ้านก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวอีกครั้ง ตรั้งนี้เป็นหญิงชราที่ออกจากประตูมา

เมื่อเห็นดังนั้น จิตใจของมู่หลานก็เริ่มตกลงไปถึงตาตุ่ม สิ่งนั้นแสดงให้เห็นว่าอาจมีผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่ในบ้านอีก ไม่รู้เหมือนกันว่ามีมากน้อยแค่ไหน

หญิงชราคนนั้นกลับมาหลังจากออกไปได้ไม่นาน นอกจากนี้ยังนำหม้อติดมือมาด้วย

เมื่อพิจารณาจากหม้อใบนั้น สีหน้าของฉินมู่หลานก็เคร่งขรึมขึ้น พวกเขาไม่ต้องทำอาหารเอง มีคนทำอาหารให้เรียบร้อยแล้ว

คนๆ นั้นคือใครกันนะ ไม่นานหญิงชราก็กลับมาแล้ว แสดงว่าคนทำอาหารให้พวกเขาต้องอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้อย่างแน่นอน

หลังจากหญิงชรากลับเข้าไปแล้ว ฉินมู่หลานก็เริ่มมีท่าทางกังวลนิดหน่อย ไม่ทราบเช่นกันว่าคนพวกนี้โดนจ้างมาอีกทีหรือเปล่า ทำไมตำรวจถึงยังไม่มากันนะ

ขณะที่ฉินมู่หลานกำลังอารมณ์ไม่ดีและคิดว่าควรจะแอบเข้าไปในนั้นดีไหม จวงเหวินกังก็พาคนมาที่นี่เป็นที่เรียบร้อย เมื่อเขาเห็นฉินมู่หลาน ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “สหาย ทำไมเป็นคุณอีกแล้วครับ เราเจอกันเป็นครั้งที่สองแล้วใช่ไหม”

ฉินมู่หลานเองก็ตกใจนิดหน่อยเมื่อพบว่าเป็นจวงเหวินกัง เธอไม่คิดว่าจะได้เจอเขาอีก แต่ไม่นานนักก็บอกเล่าสถานการณ์อีกครั้งและเอ่ยต่อ “เจ้าหน้าที่จวง พวกคุณมากันสักที ลูกของลุงที่ฉันรู้จักคนหนึ่งโดนจับมาที่นี่ พวกเรารีบเข้าไปช่วยกันเถอะค่ะ”

“คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมครับว่าเด็กถูกจับมา แล้วถ้าเป็นญาติของเขาล่ะ?”

“เจ้าหน้าที่จวง ฉันมั่นใจมากว่าเด็กโดนจับมา พ่อของเด็กคนนี้เป็น ผอ.โรงงานอาหารในเมืองของพวกเรา เขาอยู่ในเมืองตลอด แต่ตอนนี้กลับมาเจออยู่เขตเทศบาลอย่างน่าแปลกประหลาด และเด็กก็หมดสติตลอดทางด้วย ฉันไม่ทราบว่าเขาผล็อยหลับไปหรือโดนวางยา”

เมื่อเอ่ยจนจบ ฉินมู่หลานก็กล่าวต่อว่า “จนถึงตอนนี้ ฉันเห็นแค่ผู้ชายอายุประมาณวัยกลางคนที่เรียกตัวเองว่าเสี่ยวฉีกับหญิงชราคนหนึ่งที่เฝ้าอยู่ตรงประตูค่ะ ข้างในอาจจะมีคนอื่นอยู่ด้วย เพราะสองคนนั้นเพิ่งออกไปข้างนอกมา หมายความว่าต้องมีคนอื่นคอยเฝ้าเด็กค่ะ”

ตอนแรกฉินมู่หลานกำลังตั้งใจเอ่ย แต่เมื่อเห็นว่ามีคนกำลังมา จึงดึงตัวจวงเหวินกังเข้าไปหลบ ในขณะเดียวกันเขาก็ส่งสายตาบอกให้เจ้าหน้าที่อีกสองคนรีบซ่อนตัวเช่นกัน

หลังจากทุกคนซ่อนตัวกันแล้ว ฉินมู่หลานก็แอบมองตรงไปทางนั้นอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “เขานั่นแหละค่ะ เขาเป็นคนที่จับเสี่ยวเหล่ยลูกของลุงฉันมา หลังจากพาเสี่ยวเหล่ยมาที่ลานบ้านหลังเล็กนี้แล้ว ก็ออกไปอีกครั้ง ไม่คิดว่าเขาจะไปพาเด็กมาอีกคน”

ตอนนี้ชายวัยกลางคนนั้นกำลังอุ้มเด็กที่กำลังนอนหลับอยู่ในอ้อมแขน หลังจากที่หญิงชราเปิดประตูให้เขาแล้ว ทั้งสองก็เข้าไปข้างในพร้อมกัน

“เจ้าหน้าที่จวง ตอนนี้ยืนยันได้แล้วว่าเด็กพวกนี้โดนจับตัวมาใช่ไหมคะ”

ตอนนี้จวงเหวินกังมั่นใจแล้ว เห็นได้ว่านี่เป็นอาชญากรรมที่ร่วมกันก่อเป็นกลุ่ม ไม่รู้ว่ามีเด็กอีกกี่คนที่โดนจับเอาไว้ข้างใน ครั้งนี้เขาพาเด็กมาเพิ่มอีกสองคนด้วย ข้างในจึงอาจจะมีคนอยู่เยอะ แค่พวกเขาสามคนคงไม่พอต่อกรแน่

เมื่อคิดได้ดังนั้น จวงเหวินกังจึงหันไปเอ่ยกับอีกสองคนที่อยู่ด้านหลังเขา “ฉันจะแอบเข้าไปก่อน พวกนายสองคนไปตามคนอื่นมา” ตอนแรกที่มีคนแจ้งความดำเนินคดี เขาก็ไม่อยากจะเชื่อว่าจะกลายเป็นคดีใหญ่เช่นนี้

หนึ่งคนในนั้นหันมองจวงเหวินกังก่อนจะเอ่ยขึ้น “เจ้าหน้าที่จวง ผมจะตามคุณเข้าไปด้วย ให้เสี่ยวเฉียงไปตามคนมาเถอะ”

เสี่ยวเฉียงที่อยู่ข้างกันได้ยินเช่นนั้นจึงพูดขึ้น “ใช่แล้วเจ้าหน้าที่จวง ให้เสี่ยวหลิวตามคุณไปเถอะ ผมกลับไปตามคนอื่นมาคนเดียวได้”

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้”

หลังจากนั้นจวงเหวินกังก็หันมองไปทางฉินมู่หลานก่อนจะพูดขึ้น “สหาย คุณกลับก่อนเถอะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง”

ฉินมู่หลานยังไม่หายกังวลใจ จึงบอกกล่าวตามตรง “ฉันจะรอพวกคุณอยู่ตรงนี้ค่ะ จริง ๆ แล้วฉันเอาตัวรอดค่อนข้างเก่ง ไม่ขัดขวางงานพวกคุณอย่างแน่นอนค่ะ”

จวงเหวินกังแสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก

“ไม่ได้ครับ คุณตองรีบออกไปจาที่นี่ จะเกิดอะไรขึ้นข้างใน พวกเราเองก็ไม่อาจทราบได้ จนถึงตอนนั้นคงไม่ได้มีเวลาคอยเฝ้าระวังให้คุณ”

“เจ้าหน้าที่จวง พวกคุณรีบไปเถอะค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ แล้วยังซ่อนตัวอยู่ตรงนี้ด้วย ไม่มีใครเห็นหรอกค่ะ”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานยืนกรานเช่นนั้น จวงเหวินกังก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว เขาเองก็ไม่ได้มีเวลามาสนใจแค่เธอ “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ระวังตัวให้ดี” ขณะเอ่ยเขาก็พาอีกคนเดินไปทางลานบ้านเล็ก ๆ นั้นอย่างเงียบ ๆ

และเสี่ยวเฉียงก็รีบไปตามความช่วยเหลือจากคนอื่น

หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว ฉินมู่หลานยังคงซ่อนตัวต่อไป ในขณะเดียวกันก้รู้สึกเสียดายนิดหน่อย หากรู้ตัวเร็วกว่านี้ น่าจะทำยาป้องกันตัวพกติดตัวมาด้วย ที่ไม่ได้ทำมาเพราะคิดว่าอาจไม่จำเป็น หลังจากเรื่องครั้งนี้คลี่คลายแล้ว เธอจะกลับไปทำมาแน่นอน

อีกด้านหนึ่ง หลังจากท่จวงเหวินกังพาเสี่ยวหลิวเข้ามาข้างในแล้ว ทั้งสองก็เดินตามเสียงจนไปพบกับห้องที่ตั้งอยู่ด้านในสุด ก่อนจะเห็นชายวัยกลางคนที่พาเด็กมาที่นี่

และในเวลาเดียวกัน จวงเหวินกังกับเสี่ยวหลิวก็มองเห็นภายในห้องนั้นได้อย่างชัดเจน

ภายในห้องเล็กนั่นมีเด็กอยู่จริง เด็กบางคนก็นอนหลับ บางคนก็นั่งกอดเข่าเช็ดน้ำตาอยู่ตรงมุมห้อง

เมื่อเห็นเช่นนั้น ใบหน้าของจวงเหวินกังและเสี่ยวหลิวก็ยับยู่

ไม่นานนัก เสี่ยวหลิวก็เอ่ยกระซิบอย่างนึกสงสัย “จริงสิผู้กองจวง ในเขตไม่มีรับแจ้งเรื่องเด็กหายตัวไปเลยนะครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จวงเหวิกังก็รู้สึกสับสนเช่นกัน “จริงสิ ไม่มีใครได้รับแจ้งเลยว่ามีเด็กหาย แต่แปลกนะ ที่นี่กลับมีเด็กเยอะมากเลย”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

รอบคอบมากมู่หลานที่ไปตามเจ้าหน้าที่มาช่วยโดยไม่ได้บุกเดี่ยวเข้าไป

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท