ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 68 เสิ่นหรูฮวน

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 68 เสิ่นหรูฮวน

ตอนที่ 68 เสิ่นหรูฮวน

หลังจากไปรับยามาแล้ว ฉินมู่หลานก็หันไปเอ่ยถามเจ้าผอม “ต้มยาที่ไหนได้คะ?”

“ตามผมมาครับ”

ตอนนี้เจ้าผอมค่อนข้างประทับใจฉินมู่หลานอยู่ไม่น้อย สุดท้ายผู้หญิงคนนี้ก็ช่วยรักษาลูกพี่ของเขาได้ เช่นนั้นก็ควรปฏิบัติดีด้วย

ฉินมู่หลานตามเจ้าผอมไปที่ห้องครัว พลางชี้ไปยังเตาเล็กเตาหนึ่ง “คุณใช้เตานี้ก็ได้ครับ มีหมอต้มตุ๋นหลายคนเคยต้มยาให้ลูกพี่ แต่ผลที่ได้ไม่ค่อยดี พวกหม้อกับเตานี้จึงใช้ไปได้ไม่เท่าไหร่ ใช้ต่อได้เลย”

“ค่ะ รบกวนคุณแล้ว ฉันจะเริ่มต้มยานอนนี้เลย”

“ถ้าอย่างนั้นคุณอย่ารอช้าเลย ถ้าทำให้ลูกพี่ของพวกเราดีขึ้นได้ พวกเราจะปล่อยคุณไปแน่นอน”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นจึงวางใจแล้วเอ่ยตอบ “ค่ะ”

หลังจากเจ้าผอมออกไป ฉินมู่หลานก็เริ่มต้มยา เธอหยิบสมุนไพรหลายอย่างออกมาจากถุงยา แล้วเก็บมันไว้กับตัวอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เริ่มทำการต้ม

ยังไม่ทันที่ยาจะเสร็จดี เจ้าผอมก็เข้ามาอีกครั้ง

“หมอมู่ ต้มยาเสร็จยังครับ ถ้าต้มเสร็จแล้ว เดี๋ยวผมยกไปให้ลูกพี่เอง”

“ใกล้เสร็จแล้วค่ะ”

ฉินมู่หลานรีบเอ่ยตอบ หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ เทยาออกมาแล้วพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณเอามันไปให้หน่อยค่ะ แต่ว่า….ระหว่างที่ฉันรักษาให้ จะให้พักอยู่ที่ไหน?”

“คุณอย่าห่วงเลย เดี๋ยวจะมีคนพาไปที่ของคุณเอง แต่พวกเรามีพื้นที่ไม่มากนัก คุณจึงต้องแบ่งอาศัยกับใครสักคน” เจ้าผอมกล่าว หลังหยิบยาขึ้นมาแล้วก็เดินไป

ฉินมุ่หลานยืนเงียบอยู่สักพัก ไม่นานนักก็มีผู้หญิงวัยกลางคนรูปร่างเตี้ยเดินเข้ามา หล่อนมองฉินมู่หลานด้วยความสงสัย ก่อนจะรีบเอ่ยปากพูด “คุณคือหมอมู่ใช่ไหม ฉันชื่อจู มีหน้าที่ทำอาหารที่นี่ค่ะ เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปที่ห้อง”

“ค่ะ รบกวนคุณด้วยนะคะ”

ฉินมู่หลานจดจำเส้นทางขณะเดินพลางชมดูสถานที่ทั้งหมดที่เดินผ่าน เมื่อเลี้ยวผ่านทางหนึ่งก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอะไรบางอย่างมาจากทางทิศตะวันตก จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ตรงนั้นมีเสียงอะไรกันคะ?”

เธอจำได้ว่าตอนมาถึงที่นี่ในตอนแรก เจ้าผอมจะให้พาเธอไปทางฝั่งตะวันตกของบ้าน ซึ่งคงจะเป็นที่นั่น เธอจึงมีความอยากรู้อยากเห็นว่าใครกันที่อาศัยอยู่

นางจูได้ยินฉินมู่หลานเอ่ยถามเช่นนั้น จึงกระซิบบอก “หมอมู่ อย่าเข้าไปที่นั่นนะคะ พวกเรารีบไปที่ห้องของคุณดีกว่าค่ะ” เมื่อเอ่ยจบ หล่อนก็บอกขึ้นอีกครั้ง “อย่าสนใจอะไรเลยค่ะ ไม่อย่างนั้นตัวคุณเองจะอยู่ยาก”

เมื่อเห็นนางจูพูดเช่นนี้ ฉินมู่หลานจึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีกต่อไป

เมื่อทั้งสองมาถึงห้องพักทางทิศเหนือแล้ว นางจูก็เปิดประตูห้องออก แล้วให้ฉินมู่หลานเข้าไป “หมอมู่ คุณพักอยู่ที่นี่นะคะ แต่…จะมีอีกคนหนึ่งอยู่ด้วย แต่อย่ากังวลไปเลย ไม่มีห้องอื่นแล้ว และห้องนี้ก็กว้างขวางด้วย”

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันจะพักผ่อนสักหน่อย คุณรีบไปทำธุระของตัวเองเถอะค่ะ”

“อะ…ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”

เมื่อนางจูกลับไปแล้ว ฉินมู่หลานก็เดินตรงเข้าไปในห้อง ข้างในมีเตียงไม้จำนวนสองเตียงตั้งวางเอาไว้ บนเตียงหนึ่งมีคนนอนอยู่หนึ่งคน ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง คาดว่าน่าจะเป็นที่สำหรับให้เธอนอน

ตอนแรกฉินมู่หลานว่าจะไปเดินสำรวจที่อื่น แต่เธอยังไม่ทันจะได้ออกไป คนที่นอนอยู่บนเตียงก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง

อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวที่งดงามมาก หล่อนมีดวงตาหงส์สดใส สันจมูกโด่งเล็ก ใบหน้าแสนประณีต มองเพียงครู่เดียวก็ให้ความรู้สึกงดงามราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด แต่ตอนนี้ดูอ่อนแอนิดหน่อย “คุณ…คุณก็โดนพวกมันจับมาเหรอ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่ค่ะ โดนจับมาเหมือนกัน”

“พวกค้ามนุษย์นั่น พวกมันต้องไม่ตายดีแน่”

สาวสวยสาปแช่งอย่างรุนแรง แต่ไม่นานก็เริ่มไอขึ้นมา “แค่กแค่ก…”

“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

ฉินมู่หลานเห็นว่าหล่อนกำลังจะล้มลงก่อนจะทันได้พูดอะไรสักอย่าง จึงอดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปประคอง ก่อนจะพูดขึ้น “ฉันขอจับชีพจรคุณได้ไหมคะ”

“คุณ…คุณเป็นหมอหรือ?”

หญิงสาวคนนั้นมองฉินมู่หลานด้วยความประหลาดใจ หลังจากนั้นก็ยิ่นมือออกไปอย่างว่าง่าย

ฉินมู่หลานพยักหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้น “ใช่ค่ะ ฉันเป็นหมอ”

หลังจากฉินมู่หลานตรวจชีพจรแล้ว ก็ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจแล้วเอ่ยขึ้น “คุณไม่ได้เป็นโรคอะไร แค่หิวโหย”

“ใช่ค่ะ พวกมันไม่ให้ฉันกินข้าว เพราะกลัวว่าฉันจะคิดหนี”

“แต่ต่อให้ได้กินอิ่มท้อง ก็คงหนีออกไปไม่ได้หรอก”

“ฉัน…”

หญิงสาวคนนั้นอดไม่ได้ที่จะนึกเสียใจ ก่อนจะเอ่ยสิ่งที่น่าหดหู่ออกมา “ใช่ค่ะ ฉันออกไปไม่ได้ เคยหนีมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่นานก็โดนพวกมันจับได้อีก ตั้งแต่นั้นมา พวกมันก็ไม่เคยให้ฉันได้กินข้าวอิ่ม” เมื่อเอ่ยจบ หล่อนก็รีบแนะนำตัวเอง “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเสิ่นหรูฮวน”

“ฉันชื่อมู่หลาน”

เนื่องจากฉินมู่หลานบอกว่าเธอแซ่มู่ จึงปรับชื่อให้เข้ากันด้วย

“หมอมู่นี่เอง ต่อไปเราสองคนถือว่าเป็นสหายกันนะคะ แต่…ฉันเองก็ไม่ทราบว่าพวกเขาจะขายเราทิ้งกันเมื่อไหร่”

เมื่ได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ “ พวกเขาจับคนเอาไว้ในห้องทางฝั่งทิศตะวันตกใช่ไหม?”

“ใช่ค่ะ เด็กผู้หญิงหลายคนโดนจับมา ได้ยินว่าสุดท้ายจะขายไปให้พวกที่อยู่บนเขา”

ฉินมู่หลานคาดเดาเอาไว้ในใจนานแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เจ้าหน้าบากเชี่ยวชาญเรื่องการจับเด็กมาขาย ส่วนชางไห่คนนี้ก็เชี่ยวชาญเรื่องการจับผู้หญิงมาขาย ล้วนมีแต่เรื่องไม่ดีทั้งนั้น

“พวกมันสมควรตาย ไม่รู้ว่ามีหญิงสาวตั้งกี่คนที่โดนพวกมันฆ่า”

เสิ่นหรูฮวนที่หมดหวังแล้วได้ยินเช่นนั้นจึงร้องไห้ออกมา

“ฉันโดนจับมาตอนกำลังเดินอยู่บนถนนดี ๆ คนพวกนี้มันอยากได้เงิน ฉันก็บอกไปว่าจะจ่ายเงินให้แลกกับไถ่ตัวเองกลับไป แต่พวกมันไม่ยอม ยังไงก็ยังจะขายฉันให้ได้”

ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้น จึงเข้าใจพื้นเพฐานะของเสิ่นหรูฮวนที่อยู่ตรงหน้าว่าครอบครัวหล่อนน่าจะมีเงินไม่ขาดมือ นอกจากนี้เมื่อมองดูลักษณะท่าทางของหล่อนแล้วก็บ่งบอกได้ว่าโดนเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมมาอย่างดี ทั้งยังได้รับการศึกษามานิดหน่อย แต่ก็ยังปกปิดอารมณ์อ่อนไหวของตนไม่ค่อยได้นัก

“อย่าร้องไห้เลยค่ะ บางทีพวกเราอาจจะมีโอกาสหนีออกไปได้นะคะ”

ถึงอย่างนั้นเสิ่นหรูฮวนกลับรู้สึกว่ามันค่อนข้างเป็นไปไม่ได้เลย หล่อนไม่สามารถกลับบ้านได้อีกแล้ว ซ้ำยังจะต้องโดนขายไปในสถานที่ที่ไม่มีทางรอดพ้น ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกเศร้าใจ เสียงร้องไห้ของเสิ่นหรูฮวนจึงดังมากขึ้นเรื่อย ๆ

ฉินมู่หลานได้ยินเสียงร้องไห้แล้ว ก็ทำได้เพียงรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ เดิมทีเธอไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน แต่วันนี้กลับรู้สึกจะทนไม่ไหว จึงเอ่ยขึ้นเสียงดัง “พอแล้ว หุบปาก”

เสิ่นหรูฮวนรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที จึงรีบหุบปากลงในทันใดแล้วทำเพียงห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้อีก ก่อนจะเริ่มสะอึกขึ้น

ฉินมู่หลานเห็นดังนั้น จึงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “หายใจเข้าลึก ๆ”

เสิ่นหรูฮวนทำตามที่บอกโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นก็ไม่สะอึกอีกต่อไป “ข…ขอบคุณค่ะ”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก แต่หลายคนโดนจับเอาไว้ทางปีกฝั่งตะวันตกเยอะมาก แล้วทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสิ่นหรูฮวนก็ส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน หลังจากฉันโดนจับมาก็ได้อยู่ที่นี่มาตลอด”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น จึงหันมองสำรวจเสิ่นหรูฮวนครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่เจอว่ามีความพิเศษอะไรเหมือนกัน

ยังไม่ได้เอ่ยว่าหิว เธอก็พบว่าท้องของเธอว่างเปล่ามาตั้งแต่เที่ยง เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอก็ลุกขึ้นแล้วเอ่ย “ฉันจะไปหาอะไรกินหน่อย แล้วเดี๋ยวจะกลับมา”

“เธอ…พวกเขาไม่ให้เธอหรอก”

ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วกล่าว “ไม่หรอก พวกเขาจะต้องให้”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เจอเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายคนเลย จะหาทางออกจากที่นี่ยังไงนะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท