ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 79 มีโชควาสนา

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 79 มีโชควาสนา

ตอนที่ 79 มีโชควาสนา

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน แน่นอนว่าเขาไม่คัดค้าน จึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ได้สิ พ่อบุญธรรมจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ทั้งที ก็ต้องมาบอกลาท่านอยู่แล้ว”

แต่ถึงอย่างนั้น เจี่ยงสือเหิงก็รู้สึกเป็นกังวลว่าฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ จะต้องเดินทางกลางค่ำกลางคืน เพราะตอนนี้เธอตั้งครรภ์แล้ว

“มู่หลาน ไม่ต้องออกมาบอกลาพ่อหรอก พวกลูกควรจะรีบเดินทางกลับตอนที่ฟ้ายังสว่างอยู่ ถ้าฟ้ามืดจะเดินทางลำบาก”

ฉินมู่หลานอยากจะเอ่ยบางอย่าง แต่ก็โดนเซี่ยเจ๋อหลี่เปิดปากแทรกขึ้นก่อน “พ่อบุญธรรมครับ พวกพ่ออยากไปที่หมู่บ้านของพวกเราไหมครับ เย็นนี้พวกเราจะได้มากินอาหารดี ๆ กัน หลังจากนั้นพรุ่งนี้เช้าผมจะออกไปส่งพวกพ่อขึ้นรถไฟที่สถานีเอง ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจี่ยงสือเหิงก็อึ้งงัน

แต่ฉินเจี้ยนเซ่อกลับยกยิ้มแล้วพยักหน้า “ใช่แล้วล่ะ สือเหิง คุณยังไม่เคยไปที่หมู่บ้านชิงซานของพวกเราเลยนะ วันนี้กลับไปพร้อมพวกเราเถอะ ครอบครัวของเราสองคนต่างก็เป็นญาติกันแล้ว ยังไม่เคยได้พบปะกันอย่างเป็นทางการเลย”

ได้ยินเช่นนั้น เจี่ยงสือเหิงก็รู้สึกลังเลใจนิดหน่อย

ลุงเจี่ยงเห็นดังนั้น จึงรีบเอ่ยขึ้นทันที “นายน้อยครับ พวกเราไปดูบ้านเกิดของคุณหนูน้อยกันเถอะครับ”

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะ”

ในที่สุด กลุ่มคนก็มาถึงหมู่บ้านชิงซาน หลังจากนั้นฉินเจี้ยนเซ่อกับซูหว่านอี๋ก็เชื้อเชิญให้เจี่ยงสือเหิง ลุงเจี่ยง และเสิ่นหรูฮวนพักที่บ้านของพวกเขา

เสิ่นหรูฮวนอยากอยู่กับฉินมู่หลาน จึงรีบเอ่ยถาม “มู่หลาน แล้วเธอพักที่ไหนเหรอ?”

ซูหว่านอี๋ได้ยินเช่นนั้น จึงยกยิ้มอย่างนึกขบขัน “มู่หลานแต่งงานแล้ว ปกติก็จะพักที่บ้านของอาหลี่เขาน่ะ”

“ถ้าอย่างนั้น…ฉันขอตามไปพักกับมู่หลานได้ไหมคะ?”

“ได้อยู่แล้ว”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานบอกแบบนั้น เสิ่นหรูฮวนก็ดีใจมาก

ฉินเจี้ยนเซ่อหันมองฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่ก่อนจะเอ่ยขึ้น “มู่หลาน อาหลี่ ตอนเย็นมากินข้าวที่นี่กันนะ จะได้มาหาสือเหิงด้วย”

“ค่ะ”

ทั้งสองพยักหน้า หลังจากนั้นเซี่ยเจ๋อหลี่ก็เอ่ยขึ้น “พ่อครับแม่ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอพามู่หลานกลับบ้านก่อนนะครับ แล้วจะอธิบายให้พ่อกับแม่ของผมฟังทีหลัง”

แต่เขาคงไม่ได้บอกความจริงอย่างแน่นอน คงจะบอกเหมือนที่ซูหว่านอี๋เคยบอกเอาไว้ก่อนหน้าว่ามู่หลานไปพักอยู่กับเจี่ยงสือเหิง เวลาจึงล่วงเลยไปหลายวัน และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ฉินเจี้ยนเซ่อกับซูหว่านอี๋ก็ได้ไปตามพวกเขาที่เขตด้วยเช่นกัน และในตอนนั้นเองเขาก็ได้พาฉินมู่หลานไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลด้วย

เรื่องนี้ถูกพูดคุยกันก่อนที่พวกเขามาที่นี่

เมื่อได้ยินสิ่งที่เซี่ยเจ๋อหลี่บอกกล่าว ฉินเจี้ยนเซ่อและซูหว่านอี๋ก็ต่างพยักหน้า หลังจากนั้นก็บอกให้พวกเขารีบกลับไป หลังจากที่ทั้งสองก็มองไปที่เสิ่นหรูฮวนแล้วเอ่ยขึ้น “หรูฮวน อยู่กับพวกเราก่อนไหม รอกินข้าวเย็นเสร็จก่อนแล้วค่อยตามมู่หลานไปบ้านตระกูลเซี่ย”

“ได้ค่ะ”

เสิ่นหรูฮวนยิ้มแล้วพยักหน้า

จากนั้นเซี่ยเจ๋อหลี่ก็พาฉินมู่หลานกลับบ้าน และฉินเจี้ยนเซ่อก็พาทุกคนกลับไปที่บ้านตระกูลฉิน

เซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือเห็นฉินมู่หลานกลับมาก็พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมาด้วยกันสีหน้าจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “อาหลี่ ทำไมลูกถึงกลับมาล่ะ ไปอยู่กับมู่หลานมาเหรอ?”

หลังจากกล่าวเช่นนั้น ก็อดที่จะหันมองแล้วเอ่ยถามฉินมู่หลานเสียไม่ได้ “มู่หลาน หลายวันที่ผ่านมานี้ไปพักอยู่ที่อำเภอมาเหรอ?”

ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ใช่ค่ะ ทำให้พ่อกับแม่เป็นกังวลเลย ช่วงนี้ฉันมีธุระบางอย่างที่อำเภอ หลังจากที่พ่อกับแม่มาหา ก็พักอยู่ด้วยกันที่อำเภอประมาณสองสามวัน วันนี้พวกเรากลับมากันแล้ว พ่อบุญธรรมของฉันเองก็มาเยี่ยมบ้านเกิดของพวกเราด้วยค่ะ”

“พ่อบุญธรรมของเธอก็มาเหรอ แล้วทำไมถึงยังไม่มาที่บ้านล่ะ”

เซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือเองก็ทราบเรื่องว่าฉินมู่หลานมีพ่อบุญธรรมคนหนึ่ง พ่อบุญธรรมเองก็ถือเป็นญาติคนสำคัญเช่นกัน ดังนั้นทั้งสองครอบครัวจะต้องได้พบกัน

เซี่ยเจ๋อหลี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างอธิบายแทน “พ่อบุญธรรมตามพ่อตากับแม่ยายไปที่ตระกูลฉินครับ เดี๋ยวพวกเราเองก็จะตามไปที่นั่นต่อเพื่ออำลาพ่อบุญธรรม พรุ่งนี้พ่อบุญธรรมจะต้องออกเดินทางจากที่นี่แต่เช้าเลยครับ”

เมื่อเอ่ยจบ เขาก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

“มู่หลานท้อง ก็เลยเป็นลมไป ไม่กี่วันก่อนจึงพักผ่อนที่อำเภอก่อนถึงได้เดินทางกลับมาช้า”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือก็มีสีหน้าประหลาดใจพลางกังวลใจขึ้นพร้อมกัน “อะไรนะ…มู่หลานท้องแล้วเหรอ แล้วยังเป็นลมด้วย”

ทั้งสองหันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถาม “มู่หลาน แล้วตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?”

ฉินมู่หลานเห็นทั้งสองกังวลใจ จึงรีบเอ่ยขึ้น “พ่อคะแม่คะ ไม่ต้องกังวลค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”

ถึงแม้ว่าฉินมู่หลานจะเอ่ยเช่นนั้น เหยาจิ้งจือเองก็ยังไม่วางใจ “ไม่เป็นไรจริง ๆ ใช่ไหม มิน่าช่วงที่ผ่านมานี้เธอถึงผอมลงเรื่อย ๆ เลย เป็นเพราะท้องนี่เอง ก็เลยไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่ ตอนแรกฉันก็เชื่อว่าเธอกินน้อยเพื่อที่จะลดน้ำหนัก”

ตอนนี้แม้แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ก็หันมองฉินมู่หลาน

“แม่คะ ฉันรู้สึกไม่อยากอาหารมาสักพักแล้วค่ะ ไม่คอ่ยอยากกินเยอะ แต่เมื่อไม่นานมานี้ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ”

“เธอท้องแบบนี้ ทำไมถึงไม่บอกกันก่อนล่ะ ไม่อย่างนั้น ถ้าฉันรู้ว่าเธอกำลังท้องเร็วกว่านี้” เหยาจิ้งจือเอ่ย พลางกล่าวโทษตัวเอง “เป็นความผิดฉันด้วยที่ไม่ได้ใส่ใจให้มากกว่านี้ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เธอไปพักผ่อนสักหน่อยไป”

เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นว่าฉินมู่หลานบอกว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว จึงค่อยโล่งใจขึ้นมานิดหน่อย เขานึกไปถึงบ้านครอบครัวที่ลงทะเบียนเอาไว้ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกไป “มู่หลาน อีกไม่นานผมจะต้องกลับไปที่ฐานทัพแล้ว คุณอยากจะไปพร้อมกับผมเลยไหม”

ฉินมู่หลานยังไม่ทันได้เอ่ย เหยาจิ้งจือก็หันมองลูกชายของตนแล้วเอ่ย “จะไปเพื่อะไรล่ะ ตอนนี้มู่หลานเพิ่งตั้งท้อง ควรได้รับการดูแลให้มากขึ้น”

“ไม่ใช่ว่าเพิ่งตั้งท้องนะครับ หมอบอกว่าหนึ่งเดือนแล้ว”

เหยาจิ้งจือได้ยินดังนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะโต้กลับ “สามเดือนแรกควรดูแลให้ดี ถ้ามู่หลานอยู่กับแก แกก็ยุ่งกับงานอีก ไม่ใครช่วยดูแลมู่หลานหรอก”

เซี่ยเจ๋อหลี่นึกถึงช่วงนี้ที่เขากำลังยุ่งมากกว่าช่วงอื่น ๆ จึงหยุดพูดไป

และฉินมู่หลานเองก็เห็นด้วยว่าควรรอให้เธอตั้งครรภ์ได้ครบสามเดือนก่อน จึงเอ่ยพูดเรื่องนี้ด้วย “อาหลี่ นี่ก็เพิ่งผ่านมาหนึ่งเดือนเอง ควรจะรออีกสักสองเดือน ถึงตอนนั้นฉันจะไปอยู่ที่ฐานทัพด้วยนะ”

“ได้”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็มองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน

ฉินมู่หลานเขินนิดหน่อยเมื่อเห็นสายตาดังนั้น เพราะตอนนี้เซี่ยเหวินปิงและเหยาจิ้งจือก็ยังอยู๋ที่นี่ทั้งคู่ แต่เธอกลับรู้สึกประหนึ่งได้ดื่มน้ำหวานอันหวานชื่นใจ หลังจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ความรู้สึกที่เธอมีต่อเซี่ยเจ๋อหลี่ก็เปลี่ยนไป

ตอนแรกเหยาจิ้งจือต้องการเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กกำลังมีความสุข จึงไม่เอ่ยอะไรอีก

หลังจากที่ทุกคนพูดคุยกันอยู่สักพัก ฉินเจี้ยนเซ่อก็เข้ามาแล้วเชิญให้พวกเขาไปรับประทานอาหารเย็น ขณะเดียวกันก็เอ่ยเชิญตระกูลเซี่ยด้วยเช่นกัน “ตระกูลเซี่ย พ่อบุญธรรมของมู่หลานต่างก็เป็นญาติของพวกเรา พวกเราไปกินข้าวด้วยกันเถอะครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยเหวินปิงก็ไม่ได้เอ่ยคัดค้านอะไร หลังจากนั้นพวกเขาก็นำอาหารติดไม้ติดมือไปด้วยมากมาย แล้วไปที่บ้านตระกูลฉินด้วยกัน

หลี่เสวี่ยเยี่ยนเลิกงานแล้วเห็นว่าฉินมู่หลานกลับมาแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีช่องว่างที่จะเอ่ย จึงไปที่บ้านตระกูลฉินก่อน จนกระทั่งได้มีจังหวะเอ่ยถามฉินมู่หลาน

ฉินมู่หลานบอกกล่าวเหมือนกับที่เคยเล่าให้พ่อและแม่สามีฟัง

หลังจากหลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินว่าฉินมู่หลานกำลังตั้งครรภ์ หล่อนก็ดีใจมาก “ดีจังเลยมู่หลาน เธอท้องหลังจากเพิ่งแต่งงานไปไม่นาน ช่างโชคดีจริง ๆ”

เหยาจิ้งจือที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้าเช่นกัน อีกไม่นานครอบครัวของก็จะได้มีหลานคนใหม่อีกคน นางจึงดีใจมาก

กระทั่งทุกคนเดินมาถึงบ้านตระกูลฉิน เพียงหันมองครู่เดียวก็เห็นเจี่ยงสือเหิงยืนอยู่ตรงลานสนามบ้าน

ฉินเจี้ยนเซ่อรีบเอ่ยแนะนำให้เซี่ยเหวินปิงและคนอื่น ๆ ได้รู้จักอย่างรวดเร็ว “ญาติลูกเขย ท่านผู้นี้คือพ่อบุญธรรมของมู่หลาน เจี่ยงสือเหิง”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เตี๊ยมกันสุดขีดเลยทั้งบ้านแม่กับพ่อบุญธรรม อนาคตอยู่เกื้อกูลกันได้ยาวๆ เลย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท