ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 128 พวกแกมาทำอะไรที่นี่

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 128 พวกแกมาทำอะไรที่นี่

ตอนที่ 128 พวกแกมาทำอะไรที่นี่

หลังจากรับประทานอาหารเย็นวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว ช่วงต่อไปก็จะเป็นการนั่งรอข้ามคืนสู่ปีใหม่

เนื่องจากฉินมู่หลานกำลังตั้งครรภ์ เหยาจิ้งจือจึงบอกให้เธอกลับไปพักผ่อนที่ห้องโดยเร็ว “มู่หลาน เธอกลับไปนอนเถอะ จะได้ไม่เหนื่อย”

ฉินมู่หลานเองก็ไม่คิดที่จะรอจนถึงเที่ยงคืน ดังนั้นจึงรีบพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ได้ค่ะแม่ ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะคะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่เดินตามกลับห้องด้วยกัน แต่หลังจากนั้นเขาก็จะออกไปรอส่งท้ายปี “มู่หลาน คุณรีบพักผ่อนนะ หากมีอะไรเกิดขึ้นก็เรียกผมได้เลย”

ฉินมู่หลานยิ่มแล้วพยักหน้า จากนั้นก็โบกมือให้เซี่ยเจ๋อหลี่แล้วพูดว่า “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว คุณรีบออกไปเถอะ”

หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ออกไป ฉินมู่หลานก็ทิ้งตัวนอนลงแล้วพักผ่อนทันที หลังจากตั้งครรภ์ก็รู้สึกว่าตัวเองง่วงนอนง่ายขึ้น ดังนั้นหากรู้สึกอยากนอนก็จะรีบนอน

ทางด้านนอก เซี่ยเจ๋อหลี่กับเซี่ยเจ๋อเหว่ยสองคนพี่น้องต่างตั้งหน้าตั้งตารอให้ถึงเที่ยงคืน จากนั้นสองพี่น้องก็ลงมือทำเกี๊ยวจำนวนหนึ่งไว้เป็นของว่างยามดึกหลังจากกินเสร็จก็กลับไปพักผ่อนที่ห้อง

เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่กลับถึงห้อง ฉินมู่หลานได้หลับไปตั้งนานแล้ว เขาทอดตัวนอนลงข้างเธอเบา ๆ แล้วมองภรรยาสุดที่รักในอ้อมแขนของตนภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง เพียงเท่านี้ก็รู้สึกอิ่มเอมใจ

เมื่อถึงเช้าตรู่วันต่อมา ฉินมู่หลานก็ตื่นขึ้น

นอนไปตั้งแต่หัวค่ำ พอตื่นมาก็เช้าแล้ว

วันปีใหม่

ความจริงแล้วตระกูลเซี่ยเป็นคนต่างถิ่นนอกหมู่บ้านชิงซาน เพียงแต่พ่อแม่บุญธรรมของเหยาจิ้งจือไม่อยู่แล้ว ส่วนพ่อแม่ของเซี่ยเหวินปิงก็อยู่บนเขาซึ่งค่อนข้างห่างไกล ดังนั้นในวันปีใหม่ตามปฏิทินจีนนี้ ตระกูลเซี่ยทุกคนจึงอยู่ที่บ้าน

แต่ละคนต่างใช้เวลาในช่วงปีใหม่ ตั้งใจทำอาหารแสนอร่อย

ฉินมู่หลานก็แทบไม่มีช่วงปากว่างเลย เนื่องจากไม่ต้องทำอะไรและทำแค่รอกินอย่างเดียว เธอจึงรู้สึกว่าช่วงสองวันที่ผ่านมาค่อนข้างสบายมาก

เมื่อถึงวันที่สอง ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ไปที่บ้านตระกูลฉินโนเวลพีดีเอฟ

ส่วนหลี่เสวี่ยเยี่ยนก็กลับไปบ้านพ่อแม่ของหล่อนพร้อมทั้งสามีและลูกชาย

เหยาจิ้งจือเฝ้ามองลูกชายคนโตและลูกชายคนเล็กตามภรรยากลับไปที่บ้านทางแม่ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “ไม่รู้ว่าน่าน่ามัน…”

เมื่อเอ่ยจนถึงช่วงท้าย หล่อนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

ตั้งแต่ลูกสาวคนนี้แต่งงาน ก็ได้ตัดสัมพันธ์กับครอบครัวไปหมดแล้ว

เมื่อนึกถึงเรื่องราวครั้งสุดท้ายที่ลูกสาวพยายามผลักฉินมู่หลานอย่างโหดเหี้ยม หล่อนจึงรู้สึกผิดหวังกับลูกสาวคนนี้มาก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก ไม่คิดว่าเพียงชั่วพริบตาเดียวก็มาถึงวันปีใหม่เสียแล้ว

เซี่ยเหวินปิงได้ยินสิ่งที่ภรรยาพูด จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “คุณยังจะสนใจมันอีกเหรอ เซี่ยเจ๋อน่ามันไม่เห็นเราสองคนพ่อแม่อยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”

หลังจากเอ่ยจบ เซี่ยเหวินปิงก็รู้สึกขุ่นเคืองใจ

“ผมอุตส่าห์จัดหาคนดีๆ มาให้มันดูตัว สุดท้ายมันก็หัวดื้อยืนกรานว่าไม่เอา สุดท้ายก็มาเจอว่าเกาหยวนเป็นคนแบบนั้น เฮ้อ…ในเมื่อมันคิดว่าแต่งงานเข้าไปอยู่ในเมืองแล้วจะเป็นเรื่องดี ดังนันก็ไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าตอนนี้ชีวิตมันจะเป็นยังไง”

เหยาจิ้งจือได้ยินสิ่งนี้ ในใจก็ได้แต่รู้สึกสับสน

ใจหนึ่งก็รู้สึกผิดหวังในตัวลูกสาวมาก แต่ในทางกลับกัน เซี่ยเจ๋อน่าก็เป็นลูกสาวแท้ ๆ ที่ตนอุ้มครรภ์มาเกือบสิบเดือน จึงยังหวังอยากให้ลูกสาวมีชีวิตที่ดีไร้อุปสรรค

สุดท้ายเหยาจิ้งจือก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เพราะสุดท้ายลูกสาวคนนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว

อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่กลับไปถึงบ้านตระกูลฉิน ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากครอบครัว

แม้จะเพิ่งเจอกันเมื่อสองวันที่แล้ว แต่เมื่อซูหว่านอี๋เห็นว่าลูกสาวมา ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นมาก ก่อนจะสวมกอดเธอแล้วพูดคุยกัน

เซี่ยเจ๋อหลี่กำลังพูดคุยกับพ่อตา พี่เขย และคุณปู่ฉิน นอกจากนี้ยังมีหลิวชุ่ยฮวานั่งอยู่ด้านข้างถัดจากฉินมู่หลานและซูหว่านอี๋คอยพูดร่วมวงสนทนาด้วยเป็นครั้งคราว สุดท้ายก็อดหันมองหลานสาวแล้วเอ่ยเสียไม่ได้ “มู่หลาน ทำไมถึงเอาของมาเยอะนักล่ะ เอามาแค่นิดหน่อยก็พอ ที่บ้านไม่ได้ขาดแคลนสิ่งของพวกนี้เลย”

หลานสาวคนนี้มีวุฒิภาวะมากขึ้นเรื่อย ๆ และหลิวชุ่ยฮวาก็รู้สึกเสียดายหลานสาวของตนมากเข้าไปใหญ่

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ จึงยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณย่าคะ ปีใหม่แบบนี้จะให้ละเลยเรื่องพวกนี้ไม่ได้หรอกค่ะ ของพวกนี้คุณปู่กับคุณย่ากินได้นะคะ”

เมื่อเห็นหลานสาวของตนยังนึกถึงสามีและตนเอง หลิวชุ่ยฮวาก็รู้สึกตื้นตันใจมาก

แต่หลังจากฉินมู่หลานนั่งพูดคุยอยู่สักพัก ก็สังเกตได้ว่าครอบครัวของคุณลุงต่างไม่อยู่กันเลยสักคน

หลังจากที่หลิวชุ่ยฮวาทราบ ก็เอ่ยขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ลุงของหลานไปบ้านพ่อแม่ของป้าสะใภ้ ลูกพี่ลูกน้องของหลานกับพวกพี่สะใภ้ก็ไปที่บ้านนั้นกันหมด วันนี้ก็เลยมีพวกเราแค่ไม่กี่คน เดี๋ยวตอนเที่ยงย่าจะทำของอร่อยให้หลานกินนะ”

หลิวชุ่ยฮวาลงมือทำอาหารแสนอร่อยในมื้อกลางวัน มีทั้งซี่โครงหมูตุ๋น ปลาตุ๋นน้ำแดง นอกจากนี้ยังหุงข้าวขาวและทำไข่ลูกเขยด้วย ฉินมู่หลานที่เจริญอาหารเพราะไข่ลูกเขยถึงกับกินข้าวหมดไปสองชามใหญ่

หลิวชุ่ยฮวาเห็นหลานสาวชอบกิน จึงรู้สึกดีใจ

หลังได้กินอาหารกลางวันอย่างมีชีวิตชีวาแล้ว ฉินมู่หลานก็รู้สึกพอใจ

แต่เมื่อคิดว่าลุงและครอบครัวไม่อยู่ที่นี่ มีเพียงพ่อแม่ของตัวเองอยู่บ้าน เธอก็อดถอนหายใจเสียไม่ได้ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

นับตั้งแต่เธอจำความได้ เธอไม่เคยเห็นแม่ของตัวเองได้กลับบ้านไปหาพ่อแม่เลยสักครั้ง มีครั้งหนึ่งที่เธอเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ สีหน้าของแม่ก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศก เธอจึงไม่เคยถามถึงเรื่องคุณตาคุณยายอีกเลย นอกจากนี้แม่ก็ไม่เคยเล่าให้ฟังด้วยว่าท่านเป็นคนที่ไหน เธอจึงไม่เคยรู้ว่าบ้านเกิดของซูหว่านอี๋อยู่ที่ไหน

หลังจากกินมื้อกลางวันเสร็จ ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็เตรียมตัวกลับบ้าน

สองวันที่ผ่านมานี้เธอไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแค่กินดื่มเท่านั้น ฉินมู่หลานจึงรู้สึกว่าท้องของตัวเองเริ่มกลมมากขึ้น และอารมณ์ดีมากขึ้นอีกด้วย เนื่องจากว่าทุกวันนี้ได้กินของอร่อย จึงรู้สึกมีความสุข

แต่หลังจากกลับไป อารมณ์ดี ๆ ของฉินมู่หลานก็หายวับไปทันที

ทั้งสองเดินเข้าประตูใหญ่ ก่อนจะได้เจอกับเซี่ยเจ๋อน่าและเกาหยวน

“เฮ้…นี่พี่สะใภ้รองคนดีของฉันไม่ใช่เหรอ ทำไม…เพิ่งกลับมาจากบ้านพ่อแม่เหรอ”

เมื่อเอ่ยจบ เซี่ยเจ๋อน่าก็หันมองเซี่ยเจ่อหลี่อีกครั้ง เธอเห็นพี่รองทำเมินเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงเอ่ยถามอย่างช่วยไม่ได้ “พี่รอง ได้ยินมาว่าครั้งก่อนพี่บาดเจ็บนิดหน่อย ตอนนี้หายดีแล้วใช่ไหม”

ถึงแม้ว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะไม่เคยได้ยินเรื่องของเซี่ยเจ๋อน่าจากปากของฉินมู่หลานมาก่อน แต่เมื่อกลับมาครั้งนี้ เขาก็ได้รู้เรื่องที่เซี่ยเจ๋อน่าจะผลักฉินมู่หลานจากพี่ชายใหญ่แล้ว จึงรู้สึกไม่พอใจกับน้องสาวคนนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยเจ๋อน่า เขาจึงไม่แม้แต่จะเอ่ยตอบกลับไป

เซี่ยเจ๋อน่ามองพี่รองและภรรยาของเขาที่ยืนอยู่ตรงประตูด้วยสีหน้ามืดมน เมื่อรู้สึกว่าเขาทำให้ตัวเองอับอาย

เกาหยวนเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วก็ก้าวเดินเข้ามาพร้อมเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “พี่รองนี่เอง พวกพี่กลับมาจากฐานทัพตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ถ้ารู้ล่วงหน้าพวกเราคงมาร่วมฉลองส่งท้ายปีด้วยแล้ว”

เมื่อเผชิญกับเกาหยวน เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เมินเฉยมากขึ้นไปอีก รู้สึกไม่ชอบคนคู่นี้เลยแม้แต่นิดเดียว

เกาหยวนเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่แม้แต่จะหันมองตัวเองด้วยซ้ำ สีหน้าของเขาจึงมืดลงเช่นกัน

ระหว่างที่หลายคนกำลังคุยกันที่ประตู เซี่ยเหวิยปิงที่ได้ยินจากข้างในก็ได้เดินออกมา เมื่อเห็นลูกสาวกับเกาหยวน ก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ “พวกแกสองคนมาทำอะไรที่นี่”

เมื่อได้ยินผู้เป็นพ่อเอ่ย เซี่ยเจ๋อน่าก็อดที่จะกรีดร้องเสียไม่ได้ “พ่อ วันนี้เป็นวันที่สอง เป็นวันที่หนูต้องกลับมาบ้านเกิดตัวเอง หนูก็ต้องพาเกาหยวนกลับมาสิ”

หลังจากพูดจบ หล่อนก็ลูบหน้าท้องของตนด้วยสีหน้าภูมิใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “แล้วอีกอย่าง จะมาบอกข่าวดีให้พวกพ่อด้วย หนูท้องแล้วล่ะ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แม่ของมู่หลานจะเกี่ยวข้องกับตระกูลซูที่เมืองหลวงไหมนะ

คู่เวรคู่กรรมนี่จะมาทำไมอีก ทำปีใหม่ดีๆ เสียหมด วู้

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท