ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 130 ย้ายไปอาศัยที่ฐานทัพอย่างเป็นทางการ (2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 130 ย้ายไปอาศัยที่ฐานทัพอย่างเป็นทางการ (2)

ตอนที่ 130 ย้ายไปอาศัยที่ฐานทัพอย่างเป็นทางการ (2)

เมื่อเหยาจิ้งจือทราบว่าลูกชายคนเล็กและลูกสะใภ้กำลังจะกลับในอีกสองวัน หล่อนจึงเริ่มดึงสติกลับมา แล้วพยายามลงมือทำอาหารเลิศรสอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมอบสามชั้นหมักและไส้กรอกให้พวกเขานำไปด้วย

ทางฝั่งตระกูลฉินทราบอยู่ก่อนแล้วว่าฉินมู่หลานจะไปอาศัยอยู่ฐานทัพกับเซี่ยเจ๋อหลี่ ดังนั้นซูหว่านอี๋จึงเริ่มวุ่น ด้วยอยากทำอะไรอร่อย ๆ เพื่อให้ลูกสาวได้นำกลับไปด้วย

ฉินมู่หลานไม่ทราบเลยว่าแม่ทั้งสองคนกำลังเตรียมอาหารอร่อย ๆ ให้พวกเขา ในตอนนี้เธอกับเซี่ยเจ๋อหลี่กำลังเข้าเมืองเพื่อไปรับพัสดุ และพวกเขาก็ได้แวะเข้าไปที่บ้านของผอ.อวี๋

อวี๋ไห่เฉาดีใจมากเมื่อได้เห็นพวกเขา ส่วนต่งหม่านเฟินตรงเข้ามาจับมือของฉินมู่หลานแล้วเอ่ยว่า “มู่หลาน ไม่คิดเลยว่าเธอจะกลับบ้านช่วงปีใหม่ ไม่อย่างนั้นเราคงไปหาเธอที่หมู่บ้านชิงซานแล้ว”

ฉินมู่หลานได้ยินดังนี้ จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ป้าต่งคะ ป้าเองก็คงมีธุระช่วงปีใหม่เหมือนกัน ไม่ต้องเสียเวลามาหาฉันหรอกค่ะ นอกจากนี้พวกเราก็มาที่นี่เพื่อพบพวกคุณนะคะ” พูดพลางยื่นของขวัญปีใหม่ให้

ต่งหม่านเฟินพลันรู้สึกว่าตนทำให้พวกฉินมู่หลานต้องสียเงิน “มู่หลาน เธอนอบน้อมเกินไปแล้วนะ ทำไมถึงต้องซื้อของมาด้วยล่ะ เธอกับอาหลี่ต้องมากินข้าวแล้วนะ พวกเราจะได้พูดคุยกัน”

อวี๋ไห่เฉาที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ใช่แล้วล่ะ พวกเธอต้องกินให้เยอะ ๆ ด้วย”

แต่ถึงอย่างนั้นฉินมู่หลานก็ส่ายหัวปฏิเสธ

“ลุงอวี๋ ป้าต่ง พวกเราอยู่กินข้าวไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวต้องไปรับพัสดุ แล้วที่บ้านก็เตรียมทำอาหารเรียบร้อยแล้วค่ะ” พวกเขาเพียงแค่แวะมาเยี่ยมเยียนเท่านั้น นอกจากนี้ ตระกูลอวี๋ยังมีแขกคนอื่นอีกด้วย ดังนั้นฉินมู่หลานจึงไม่ได้ตั้งใจที่จะอยู่รบกวนรับประทานอาหารเย็น

ต่งหม่านเฟินยังคงเซ้าซี้อยู่อีกสองครั้ง แต่ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้นจริง ๆ จึงไม่เอ่ยอะไรไปมากกว่านี้ นอกจากนี้เธอก็กลัวว่าจะไม่รู้จักแขกคนอื่นจนทำให้อึดอัดเวลากินข้าว

“ก็ได้ มู่หลาน ฉันไม่รั้งพวกเธอก็ได้”

ต่งหม่านเฟินพาทั้งคู่ไปส่งข้างล่าง จากนั้นก็เอ่ยอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “มู่หลาน ถ้ามีเวลาว่างก็มาหาบ้างนะ หรือจะให้พวกเราไปหาเธอก็ได้”

ฉินมู่หลานได้แต่เอ่ยขึ้นอย่างนึกเสียดาย “ป้าต่งคะ วันมะรืนนี้พวกเราจะออกเดินทางกันแล้วค่ะ ต้องรอจนกว่าจะกลับมาอีกทีเลย ถึงตอนนั้นถึงจะได้เจอกันอีก”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ต่งหม่านเฟินก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน “โธ่…ถ้าอย่างนั้นก็ได้แค่รอเธอกลับมาอย่างเดียวน่ะสิ”

“ป้าต่งคะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวกลับก่อนนะคะ”

ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วโบกมือให้ และจากไปพร้อมกับเซี่ยเจ๋อหลี่เพื่อไปที่ทำการไปรษณีย์

เมื่อมองดูพัสดุสองห่อใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ฉินมู่หลานก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “บอกพ่อบุญธรรมแล้วแท้ ๆ ว่าอย่าซื้อเยอะ จบกัน ของเยอะขนาดนี้ พวกเราสองคนจะขนกันไปยังไงหมด”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินดังนั้นยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “วางใจเถอะมู่หลาน เดี๋ยวผมจัดการเอง”

ถึงแม้ว่าฉินมู่หลานจะทราบดีว่าร่างกายของเซี่ยเจ๋อหลี่แข็งแรงขนาดไหน แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าหากเอากลับไปแบบนี้คงเหนื่อยมากแน่ เธอจึงหันมองเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วเอ่ยเสนอแนวทาง “ถ้าอย่างนั้นพวกเราจ้างเกวียนวัวดีไหม”

เซี่ยเจ๋อหลี่คิดว่าการนั่งเกวียนวัวจะดีกว่า หากเป็นแบบนั้น มู่หลานก็ไม่ต้องเดินกลับด้วย จึงรีบพยักหน้าแล้วพูดขึ้นทันที “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ผมจะไปหามาให้”

เซี่ยเจ่อหลี่ลงมือเร็วมาก ไม่นานเขาก็เจอเกวียนวัวหนึ่งคัน

เกวียนวัวปูผ้าเอาไว้หนานุ่ม ด้านบนเป็นผ้านวมหนา เซี่ยเจ่อหลี่บอกให้ฉินมู่หลานนั่งบนนั้นแล้วใช้ผ้านวมพันคลุมตัวให้ ส่วนพัสดุสองห่อก็นำวางเอาไว้ที่อีกด้านหนึ่งของเกวียน เขานั่งอยู่ข้างหน้า แล้วขับเกวียนวัวกลับเข้าหมู่บ้านชิงซานดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ตอนแรกฉินมู่หลานกังวลว่าเบาะนั่งบนรถจะทำให้รู้สึกหนาว แต่จริง ๆ แล้วมันไม่หนาวเลย เพราะเธอโดนคลุมห่อตัวด้วยผ้าห่ม และที่นั่งก็นุ่มมาก เธอจึงไม่รู้สึกถึงแรงกระแทกใด ๆ เลย

ไม่นานนักทั้งสองก็มาถึงหมู่บ้านชิงซาน

เมื่อเหยาจิ้งจือเห็นพัสดุขนาดใหญ่สองชิ้น ก็อดที่จะเอ่ยเสียไม่ได้ “อาหลี่ ขนของอะไรมาเยอะขนาดนี้ ถ้ารู้อย่างนี้คงไม่ให้มู่หลานไปด้วย ควรจะให้พี่ใหญ่แกไปช่วยกันขน”

ตอนแรกหล่อนคิดว่าหนุ่มสาวจะไปรับพัสดุและเดินเล่นรอบเมือง แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีของมากมายขนาดนี้ เพราะเสื้อผ้าที่เจี่ยงสือเหิงให้พวกเขานั้นก็มากพออยู่แล้ว

ก่อนที่เซี่ยเจ่อหลี่จะทันได้เอ่ย ฉินมู่หลานก็ยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “แม่คะ ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันไม่เหนื่อยเลย ตอนกลับมาก็นั่งรถสบายมากจนเกือบจะหลับเลย”

เมื่อเปิดพัสดุออกก็รีบพูดขึ้น “แม่คะ พ่อบุญธรรมของฉันเตรียมของเอาไว้ไม่น้อยเลย นี่มีของของคุณปู่กับคนอื่นด้วย เดี๋ยวฉันจะไปบ้านตระกูลฉินกับอาหลี่นะคะ”

เหยาจิ้งจือได้ยินเช่นนั้น จึงรีบเอ่ย “ได้สิ ถ้าอย่างนั้นพวกเธอรีบไปเถอะ”

หลังจากฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ่อหลี่แจกจ่ายสิ่งของแล้ว พวกเขาก็นำของไปให้คนตระกูลฉินที่บ้านตระกูลฉินอีกครั้ง

เมื่อซู่หว่านอี๋เห็นลูกสาวและลูกเขยกลับมา ก็รีบยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “มู่หลาน พวกลูกมาทันเวลาพอดีเลย แม่กำลังจะไปหาอยู่พอดี” หลังจากนั้นหล่อนก็รีบยื่นถุงใบใหญ่ให้เซี่ยเจ๋อหลี่ แล้วกล่าวต่อ “นี่เป็นของกินที่แม่ทำเอาไว้ให้พวกลูก พวกลูกจะได้เอาไปกินได้”

เมื่อเห็นถุงใบใหญ่เช่นนี้ ฉินมู่หลานจึงอดที่จะพูดเสียไม่ได้ “แม่คะ แม่เตรียมอะไรไปบ้างคะเนี่ย ทำไมมันเยอะจัง”

“ก็คิดว่าอีกนานกว่าพวกลูกจะกลับมาอีก ก็เลยทำให้มากหน่อย ตอนนี้อากาศเริ่มหนาวแล้ว จะปล่อยให้พวกลูกเอาแต่ไปกินข้าวที่ฐานทัพได้ยังไงกัน”

“แม่คะ ขอบคุณมากเลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราเอาไปนะคะ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวพูด ดวงตาของซูหว่านอี๋ก็ทอแววละมุน อดไม่ได้ที่จะสัมผัสลูบผมของลูกสาว ก่อนจะพูดขึ้น “มู่หลาน ลูกไปอยู่ที่ฐานทัพกับอาหลี่ ถ้ามีคำถามเรื่องที่บ้านก็เขียนจดหมายมาหาพวกเราได้นะ หรือจะส่งโทรเลขมาหาพวกเราก็ได้ แล้วก็…พอคลอดลูกแล้ว เดี๋ยวพ่อกับแม่จะไปหา ถึงตอนนั้นจะได้ช่วยดูแลลูกได้”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น ในใจจึงรู้สึกตื้นตัน

“ได้ค่ะแม่ ถึงตอนนั้นพวกพ่อกับแม่ต้องมานะคะ”

หลังจากนั้น ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ่อหลี่ก็วางพัสดุลง แล้วแจกจ่ายทุกอย่าง

เมื่อทุกคนในตระกูลฉินรู้ว่ามู่หลานกำลังจะไปอาศัยอยู่ที่ฐานทัพแล้ว ทุกคนจึงบอกลาเธอ คุณปู่และคุณย่าฉินยังแอบให้ซองอั่งเปากับมู่หลานอีกด้วย เพื่อให้เธอที่ออกไปแล้วได้ดูแลตัวเองให้ดี ได้ซื้อของที่อยากกิน

ฉินมู่หลานรีบปฏิเสธ

แค่ผู้อาวุโสทั้งสองคนดูท่าจะลำบากใจ สุดท้ายฉินมู่หลานจึงต้องยอมรับเอาไว้

หลังจากฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่กลับถึงบ้าน จึงได้พบว่าเหยาจิ้งจือก็ได้เตรียมสามชั้นหมักกับไส้กรอกเอาไว้ให้พวกเขามากมาย เพื่อให้ทั้งสองเอาของพวกนี้กลับไปด้วย

ในวันที่ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่กำลังจะไป ครอบครัวของฉินเจี้ยนเซ่อและตระกูลเซี่ยต่างมาส่งโนเวลพีดีเอฟ

“พ่อคะแม่คะ กลับกันได้แล้วค่ะ”

ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ่อหลี่บอกให้ทั้งสองครอบครัวกลับไป หลังจากนั้นทั้งสองก็รีบเข้าเมืองเพื่อไปขึ้นรถไฟ

หลังจากวิ่งวุ่นมาตลอดทาง ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ่อหลี่ก็ได้กลับมาถึงฐานทัพในที่สุด

ทั้งสองหยิบของแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านหลังน้อยของพวกเขา แต่ทันทีที่มาถึงอาคารครอบครัว ก็รีบไปหาฟู่ซวี่ตง

เมื่อฟู่ซวี่ตงเห็นทั้งสองคนกลับมา สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “อาหลี่ น้องสะใภ้ พวกนายกลับมาวันนี้กันเหรอ บังเอิญจังเลย ฉันก็เพิ่งกลับมาเหมือนกัน”

เมื่อเอ่ยจบ ข้างนอกก็มีอีกสองคนเข้ามา น่าแปลกที่ผู้มาเยือนคือเหยาอี้หนิงกับเริ่นม่านลี่

ตอนแรกเหยาอี้หนิงลืมเรื่องรูปถ่ายของเซี่ยเจ๋อหลี่ไปแล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ จึงนึกขึ้นได้อีกครั้ง

ดูเหมือนว่าเขาอยากจะรีบส่งรูปถ่ายของเซี่ยเจ๋อหลี่ให้แม่ของตนโดยเร็ว

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

กลับมากองทัพรอบนี้มีแต่ของกินอู้ฟู่เลย จะกินกันหมดไหมเนี่ย

เดาว่าพี่หลี่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเหยาทางแม่แน่ๆ เลย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท