คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 71 ปะทะกับหลิงฉางจื้อ

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 71 ปะทะกับหลิงฉางจื้อ

ระยะไกลเปลวเพลิงพุ่งทะยานขึ้นฟ้า คืนนี้ย่อมเป็นคืนที่ไม่ได้หลับใหล

หลิงฉางจื้อเด็ดขาดอย่างมาก เขาพูดพลางยกมือ “วันนี้ฉางเฟิงน้องชายข้าล่วงเกินคุณหนูสี่ ในฐานะพี่ชาย ข้าสั่งสอนเขาไม่ดีเอง ข้าขอโทษแทนเขาด้วย”

เยียนอวิ๋นเกอเผยสีหน้าเสียดสี

ช่างกล้าพูดเสียจริง!

เขาทำให้เรื่องการต่อสู้ระหว่างความเป็นความตายกลายเป็นเพียงการล่วงเกินอย่างนั้นหรือ

เขามองไม่เห็นเลือดและซากศพที่อยู่เต็มพื้นหรือ

โชคดีที่นางมีชีวิตอยู่

หากนางตายไปคงจะไม่ใช่แค่การล่วงเกิน แต่เป็นการตายไปตามชะตากรรม

ความเย็นชาของหลิงฉางจื้อช่างไม่ธรรมดา

เยียนอวิ๋นเกอทำท่าด้วยสองมือ ‘วันหลังข้าจะนำคนบุกเข้าไปตระกูลหลิง เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะขอโทษนายน้อยหลิงที่ล่วงเกินคนในตระกูลของท่าน’

หลิงฉางจื้อหรี่ตาลง “คุณหนูสี่ดูเหมือนจะไม่พอใจข้านัก”

‘ไม่บังอาจ! นายน้อยหลิงหลีกเลี่ยงการเจรจาเหตุผลที่ออกกองกำลัง ท่านไม่กล้าหรือ’ เยียนอวิ๋นเกอจ้องเขาเขม็ง

หลิงฉางจื้อยิ้มพลันหยิบป้ายคาดเอวออกมา พูดเสียงดุดัน “หลิงฉางจื้อ อวี้สื่อจงเฉิน[1]ฝ่ายตรวจการรับพระราชโองการจับกบฏ!”

ทันทีที่สิ้นเสียง ทุกคนต่างเงียบสงัด

หลิงฉางเฟิงทำหน้าได้ใจ ทำท่าทางปาดคอต่อเยียนอวิ๋นเกอ

ราวกับกำลังพูดว่า เจ้าตายแน่!

เยียนอวิ๋นเกอไม่แม้แต่จะมองหลิงฉางเฟิง นางจ้องมองป้ายคาดเอวในมือของหลิงฉางจื้อ

จากนั้นนางก็หัวเราะขึ้นมา

‘ยินดีกับนายน้อยหลิงที่ได้รับตำแหน่งอวี้สื่อจงเฉิน ไม่รู้คืนนี้ผู้ใดเป็นกบฏ’

หลิงฉางจื้อก็หัวเราะขึ้นมา “ก่อนหน้านี้ข้าบอกว่า เรื่องในวันนี้เป็นความเข้าใจผิด ข้าขอโทษคุณหนูสี่แทนน้องชายที่ไม่ได้เรื่องของข้าด้วย แต่คุณหนูสี่กลับทำร้ายคน พยายามทำร้ายขุนนางราชสำนัก ข้าเจ็บปวดใจยิ่งนัก จำเป็นต้องจับกบฏที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด!”

เขาพูดเรื่องใดกัน

หลิงฉางจื้อบังอาจชี้นกเป็นไม้ บอกว่าองครักษ์ตระกูลเยียนเป็นกบฏ!

เห็นได้ชัดว่าวันนี้เขาต้องการฆ่าคน

องครักษ์ตระกูลเยียนเผชิญศึกหนัก

อาเป่ยจับด้ามดาบเอาไว้แน่น คุ้มกันอยู่ข้างกายเยียนอวิ๋นเกออย่างวิตก

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะออกมาพลันชี้ไปที่หลิงฉางจื้อ ก่อนจะชี้มาที่ตัวเอง ‘ท่านบอกว่าข้าเป็นกบฏ! ดูเหมือนข้าคงเคยทำให้ท่านไม่พอใจ ท่านจึงต้องใช้กลอุบายแก้นแค้นเช่นนี้ ถึงแม้ท่านจะเป็นขุนนางราชสำนัก แต่มารดาของข้าเป็นท่านหญิง ไม่มีรับสั่งจากฝ่าบาท ท่านกล้าแตะต้องหรือ’

หลิงฉางจื้อหัวเราะ “คุณหนูสี่ใจกล้ายิ่งนัก เรื่องถึงเวลานี้ยังไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ถือว่าเป็นผู้เยี่ยมยอดในหมู่สตรี ข้าได้รับสั่งให้จับกบฏ กบฏอย่างพวกเจ้ายังไม่รีบวางอาวุธให้ไว ยอมจำนนแต่โดยดี”

พูดเหลวไหลเสียจริง!

องครักษ์ทั้งหลายของตระกูลเยียนไม่มีผู้ใดวางอาวุธลง

อย่างมากก็แค่สู้จนตัวตาย

สถานการณ์ทั้งสองฝ่ายตึงเครียด เพียงแค่ออกคำสั่ง พวกเขาก็พร้อมที่จะสังหาร

“พวกเจ้าจะกบฏหรือ” หลิงฉางจื้อตะโกนเสียงดุดัน

เยียนอวิ๋นเกอมือถือดาบคม เดินไปทางหลิงฉางจื้อ

หลิงฉางเฟิงกระโดดออกมา “เยียนอวิ๋นเกอ เจ้าหาที่ตาย!”

ฉึบ!

ลูกธนูคันหนึ่งตกลงใกล้เท้าของหลิงฉางเฟิง มันคือสัญญาณเตือน

หลิงฉางเฟิงตกใจกลัว

เขาเงยหน้ามองบนกำแพงเต็มไปด้วยมือยิงธนู

ลูกธนูขึ้นสายเหนี่ยว รอเพียงแค่คำสั่งก็พร้อมปล่อยออกมานับหมื่นลูก ไม่ใช่เจ้าเป็นก็ข้าที่ต้องตาย

หลิงฉางเฟิงกลืนน้ำลายลงคอ

สถานการณ์นี้ยังจะปะทะกันต่อไปอีกหรือ

โครม…

พื้นดินสนั่นหวั่นไหว!

ทหารขี่ม้าขบวนหนึ่งปรากฏตัวด้านหลังคนของตระกูลเยียน

ผู้นำทัพคือเซียวอี้

เหล่าองครักษ์ของตระกูลเยียนมองซ้ายมองขวา พวกเขาถูกห้อมล้อมหรือ

ทำอย่างไรดี

เยียนอวิ๋นเกอบอกให้ทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนก นางโบกมือให้ทุกคนถอยเข้ากำแพง

พวกเขาไม่ใช่ตัวเอกในสนามรบนี้อีกต่อไป

เซียวอี้นำทหารม้าเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า อยู่ห่างจากหลิงฉางจื้อเพียงสิบก้าว

หลิงฉางจื้อสัมผัสถึงภัยคุกคามเป็นครั้งแรก แต่ใบหน้าของเขานิ่งสงบดุจผิวน้ำ “น้องชาย…”

คำว่า ‘น้องชาย’ ทำให้สีหน้าขององครักษ์ตระกูลเยียนเปลี่ยนไป

แย่แล้ว ทั้งสองเป็นพี่น้องกัน วันนี้ทุกคนต้องตายหรือ

หากแต่เยียนอวิ๋นเกอกลับมีสีหน้าที่สงบนิ่งอย่างมาก

พี่น้องตระกูลหลิงเป็นญาติทางมารดาของเซียวอี้

มารดาของหลิงฉางจื้อกับหลิงฉางเฟิงมีชาติกำเนิดจากตระกูลสือเหมือนกับมารดาของเซียวอี้ นางเป็นพี่น้องของท่านโหวผิงอู่ สืออุน

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ดีนัก

เซียวอี้ทำสีหน้าเย็นชา “ใต้เท้าหลิงไม่ไปทำเรื่องสำคัญ เหตุใดจึงอยู่ตรงนี้”

เขากวาดตามองเยียนอวิ๋นเกอ “รังแกสตรีตัวคนเดียว ใต้เท้าหลิงมีความสามารถเพียงเท่านี้หรือ”

หลิงฉางเฟิงรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนพี่ชาย เขากระโดดออกมาดึงดูดความสนใจอีกครั้ง “เซียวอี้ เจ้าไม่ได้ถูกขังอยู่ในคุกหรือ เหตุใดเจ้าจึงออกมา อีกอย่างเจ้าพูดกับพี่ใหญ่ข้าดีๆ หน่อย”

เซียวอี้กวาดตามองหลิงฉางเฟิง สายตาดูถูก “เจ้าอัปลักษณ์นั้นคือน้องชายไม่ได้เรื่องของใต้เท้าหลิงหรือ คนอัปลักษณ์มักสร้างเรื่อง คนโบราณพูดไม่ผิดเสียจริง”

หลิงฉางเฟิงตะโกนโหวกเหวก เขาโกรธอย่างมาก

บังอาจด่าเขาว่าอัปลักษณ์

หลิงฉางจื้อตำหนิ “หุบปาก!”

หลิงฉางเฟิงตัวสั่นเทา ไม่กล้าออกเสียง

หลิงฉางจื้อจ้องมองเซียวอี้ “ฉางเฟิงเป็นพี่เจ้า เจ้าไม่ควรตำหนิว่าเขาอัปลักษณ์”

ปากของเซียวอี้สามารถทำให้คนโกรธจนอกแตกตายได้ “เดิมทีเขาก็อัปลักษณ์อยู่แล้ว ยังไม่ให้ข้าพูดอีก ใต้เท้าหลิงช่างเผด็จการเสียจริง”

สายตาของหลิงฉางจื้อเย็นชาลง “น้องเซียวอี้ ข้ายังไม่ได้ถามเจ้า เหตุใดเจ้าจึงปรากฏตัวตรงนี้”

“เหตุใดข้าจึงปรากฏตัวตรงนี้ ย่อมต้องเป็นเพราะป้องกันคนใช้อำนาในทางมิชอบ ระบายความแค้นส่วนตัว ใต้เท้าหลิง เวลานี้ดึกมากแล้ว สมควรแก่การทำเรื่องสำคัญ ท่านยังอยากจะเหลวไหลตามน้องชายที่ไม่ได้เรื่องของท่านอยู่อีกหรือ”

หลิงฉางจื้อหัวเราะขึ้นมา “เจ้าพูดถูก ถึงเวลาทำเรื่องสำคัญแล้ว พวกเราไป!”

หลิงฉางเฟิงทำหน้าฉงน เขาไม่ยอมถอย

เขาตะโกนเรียก “พี่ใหญ่ เหตุใดจึงจากไปแล้ว ท่านจะปล่อยเยียนอวิ๋นเกอไปจริงหรือ นางวางแผนทำร้ายข้า อีกทั้งยังกระทบต่อพี่ใหญ่ เราจะปล่อยนางไปได้อย่างไร”

“เดี๋ยว!” เซียวอี้ออกเสียง “หลิงฉางเฟิง เจ้าบอกว่าเยียนอวิ๋นเกอวางแผนทำร้ายเจ้า เจ้ามีหลักฐานหรือไม่”

หลิงฉางเฟิงตะโกน “เหตุใดเรื่องแบบนี้ต้องการหลักฐาน ข้ามาเมืองหลวงก็นานแล้ว ไม่เคยทำผิดต่อผู้ใดนอกจากตระกูลเยียน ดังนั้นผู้ที่วางแผนทำร้ายข้าต้องเป็นเยียนอวิ๋นเกอ มีเพียงนางที่ทำเรื่องแบบนี้ได้”

เซียวอี้มองหลิงฉางจื้อ ยิ้มอย่างมีนัย “ใต้เท้าหลิงก็คิดเช่นนี้หรือ ท่านในฐานะอวี้สื่อจงเฉิน ไม่ตรวจสอบหรือหาหลักฐาน ปล่อยให้หลิงฉางเฟิงใส่ร้ายผู้อื่น อีกทั้งยังนำคนบุกจวนท่านหญิง ฉวยโอกาสในคืนนี้สังหารคนเพื่อระบายความแค้นส่วนตัว”

หลิงฉางจื้อจ้องมองเซียวอี้ “เจ้ามีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเยียนหรือ เหตุใดต้องออกหน้าแทนตระกูลเยียน”

เซียวอี้ยิ้มอย่างเหยียดหยาม “ข้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเยียน เพียงแค่ไม่อาจทนดูบุรุษรังแกสตรีตัวน้อยได้ อีกทั้งยังถูกสตรีตัวน้อยโจมตีจนพ่ายแพ้ จิ๊ๆๆ น่าอับอาย!”

หลิงฉางเฟิงเดินขึ้นหน้ามา ด่าเซียวอี้

สุดท้ายเพิ่งอ้าปาก แส้ของหลิงฉางจื้อผู้เป็นพี่ชายก็กระทบลงบนไหล่เขาเสียงดัง เขาเจ็บจนเขาสูดลมหายใจเข้า

หลิงฉางจื้อกวาดตามองไป หลิงฉางเฟิงรีบหุบปากไม่กล้าแม้แต่โอดครวญแม้แต่น้อย

หลิงฉางจื้อยิ้มเย็นยะเยือก พูดกับเซียวอี้ “ความชอบของน้องมักจะแปลกประหลาดเสมอ คืนนี้ไม่รบกวนแล้ว วันอื่นพบกันใหม่ ขอตัว!”

คราวนี้ ไม่มีผู้อื่นแทรกแซงอีก

ไม่ช้า หลิงฉางจื้อก็พาทุกคน รวมทั้งซากศพขององครักษ์ตระกูลหลิงหายลับไปในความมืด

มีเสียงปะทะดังขึ้นจากระยะไกล

สงครามในตรอกผิงอันสิ้นสุดลง แต่ความโกลาหลของเมืองหลวงเพิ่งเริ่มต้นขึ้น

ตระกูลหลิงถอยไป แต่องครักษ์ของตระกูลเยียนไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย

ถึงแม้เซียวอี้จะแสดงเจตนาดี แต่หากเขาพลิกผันขึ้นมาอีกครั้งเล่า

ในฐานะทหารที่มีประสบการณ์มาก ก่อนอันตรายที่แท้จริงจะถอยไป พวกเขาไม่มีทางประมาท

เยียนอวิ๋นเกอเดินขึ้นหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับเซียวอี้ นางอ้าปากพูด ‘ขอบคุณ!’

นางพูดอย่างเชื่องช้า เพื่อให้อีกฝ่ายสามารถอ่านปากของนางได้อย่างเข้าใจ

เซียวอี้พูดอย่างไม่ใส่ใจ “กลับไปเถิด! คืนนี้อย่าออกมาอีก”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า หันหลังกลับเข้าจวน

“เดี๋ยว!”

เซียวอี้เรียกเยียนอวิ๋นเกอ เขาหยิบขวดลายครามหนึ่งออกมาจากเสื้อด้านหน้าพลันโยนให้นาง

เยียนอวิ๋นเกอรับขวดลายครามเอาไว้ด้วยใบหน้าฉงน

สิ่งใดหรือ

เซียวอี้พูดด้วยใบหน้านิ่ง “เรื่องที่รับปากเจ้าคราวก่อน ข้าพูดจริงทำจริง หวังว่าคราวหน้าที่พบเจ้าจะได้ยินคำขอบคุณจากปากของเจ้า”

เยียนอวิ๋นเกอกระจ่าง

เรื่องที่แม้แต่นางยังลืมไปแล้ว ไม่คิดว่าอีกฝ่ายยังจำคำมั่นสัญญาที่จะหายาให้นาง ช่วยให้นางพูดได้อยู่

เขาเป็นคนมีสัจจะ!

ไม่ว่ายานี้จะได้ผลหรือไม่ นางก็จะจดจำน้ำใจของเขา

นางใช้สองมือทำท่าเพื่อกล่าวขอบคุณ

เซียวอี้โบกมือ พาทหารม้าขบวนหนึ่งหายไปในความมืด

เยียนอวิ๋นเกอนำเหล่าองครักษ์กลับจวน

คืนนี้เป็นคืนที่ไม่อาจหลับลงได้ อันตรายยังไม่จากไป

เหล่าองครักษ์แบ่งกลุ่มเฝ้าระวังความปลอดภัย

วิกฤตภายในจวนถูกกำจัด ไม่ต้องวิ่งหนีตายไปยังจวนองค์ชายสองแล้ว

เยียนอวิ๋นเกอยืนอยู่ด้านหน้าเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา คุกเข่ายอมรับความผิดอย่างเด็ดขาด

เรื่องหายนะในคืนนี้เริ่มต้นมาจากนาง

นางทำให้ตระกูลหลิงขุ่นเคือง นำมาซึ่งการแก้แค้นจากตระกูลหลิง

นางคำนึงไม่รอบคอบ ผิดก็คือผิด

หลิงฉางเฟิงที่ไม่ได้เรื่องคนนั้น ช่างน่าเหยียดหยามเสียจริง

แต่เขากำเนิดในตระกูลหลิง ทำให้เขามีต้นทุนในการเหิมเกริม

เซียวฮูหยินถอนหายใจ พูดอย่างจริงจัง “อวิ๋นเกอ เจ้าต้องจำไว้ ตระกูลหลิงไม่ใช่ตระกูลเล็กในแคว้นซ่างกู่ ตระกูลหลิงเป็นตระกูลใหญ่บนแผ่นดินนี้ ความสามารถของพวกเขายากที่จะคาดเดา ก่อนที่เจ้าจะมีความสามารถกำจัดตระกูลหลิง ต่อจากนี้เจ้าอย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับตระกูลหลิงอีก เรื่องในคราวนี้ เจ้าบอกว่าตระกูลหลิงไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าเจ้าเป็นคนวางแผนทำร้ายหลิงฉางเฟิง แต่เพียงตระกูลหลิงสงสัยเจ้าก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาจัดการกับเจ้าแล้ว สงสัยก็คือหลักฐาน เจ้าเข้าใจหรือไม่”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า ‘ทำให้ท่านแม่ตกใจเป็นความผิดของข้า ข้าจะจำเป็นบทเรียน ต่อจากนี้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับตระกูลหลิงอีก’

“เช่นนี้ย่อมดี! แต่เจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไป หลังจากเรื่องในคืนนี้ ตระกูลหลิงจะไม่เพ่งเล็งมาที่เจ้าอีก”

เยียนอวิ๋นเกอเงยหน้า รอคอยประโยคต่อไป

เซียวฮูหยินพูดต่อ “ถึงแม้ตระกูลหลิงจะแข็งแกร่ง แต่อย่างไรที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง อีกทั้งคืนนี้เจ้าแสดงความสามารถที่ไม่ธรรมดาของตนเองออกมา หากตระกูลหลิงไม่อยากถูกแก้แค้น พวกเขาย่อมจะไม่ลงมือกับเจ้าอย่างง่ายดาย ส่วนเรื่องในคืนนี้มีความเป็นไปได้ว่าเป็นการกระทำส่วนตัวของหลิงฉางเฟิงตั้งแต่แรก หลิงฉางจื้อที่ปรากฏตัวในภายหลังเป็นแค่การผลักเรือไปตามกระแสน้ำ สังหารเจ้าเพื่อแก้แค้น ไม่สังหารเจ้าเขาก็ไม่เสียหาย”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า ‘ขอบคุณท่านแม่ที่ชี้แนะ’

“แต่นายน้อยเซียวท่านนั้นมีพฤติกรรมประหลาด” เซียวฮูหยินพึมพำ “เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่น้องตระกูลหลิง ฟังจากที่เจ้าเล่ามา ระหว่างพวกเขามีความขัดแย้งอย่างเห็นได้ชัด เขาออกหน้าช่วยเจ้าอาจเป็นเพราะต้องการโจมตีตระกูลหลิง เรื่องนี้ข้าจะสืบให้กระจ่าง”

[1] อวี้สื่อจงเฉิน หมายถึง ตำแหน่งขุนนางตรวจสอบฝ่ายตรวจการ

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท