ตอนที่ 72 ความบ้าคลั่งของฮ่องเต้
ท่านอ๋องตงผิงหลบหนีด้วยความผลุนผลัน
รอบด้านเต็มไปด้วยเสียงร้องตะโกนเข่นฆ่า เดิมทีเขามีองครักษ์นับร้อยนายคุ้มกันอยู่ซ้ายขวา แต่เวลานี้เหลือเพียงสิบกว่าราย
สวรรค์จะฆ่าเขาหรือ
“ท่านอ๋อง อย่ายอมแพ้ขอรับ! หลบพ้นคืนนี้ไป ข้าจะหาวิธีส่งท่านอ๋องออกจากเมืองหลวงให้ได้”
จี้ซินแสดึงท่านอ๋องตงผิงหลบเข้าตรอกเล็กภายในเมือง
บริเวณนี้มีจวนหลายหลังที่เขาเตรียมการไว้ล่วงหน้า
หากหลบเข้าไปภายในอาจมีโอกาสรอด
ท่านอ๋องตงผิงตื่นตกใจ ทำได้เพียงปล่อยให้จี้ซินแสฉุดกระชากตนเอง
เขาไม่รู้สึกเจ็บแม้บาดแผลจะปริออก
ขอเพียงแค่หนีตายและมีชีวิตรอด!
โครม…
พื้นดินสะท้านสะเทือนอย่างรุนแรง
ทหารม้า!
แย่แล้ว!
ท่านอ๋องตงผิงถอนหายใจเสียงยาว “จี้ซินแส ด้านหน้าเป็นทางตันแล้ว! เจ้าหนีไปคนเดียวเถิด หนีกลับพื้นที่ศักดินาไป บอกนายน้อยทั้งหลายให้แก้แค้นแทนข้า หากผู้ใดบังอาจนับถือโจรเป็นบิดา ข้าย่อมไม่ปล่อยเขาไปแม้ตัวจะอยู่ใต้พื้นดิน”
จี้ซินแสส่ายหน้า ไม่ยอมหนีไปเอง “ท่านอ๋อง พวกเราต้องไปด้วยกัน พวกเราต้องหนีออกจากเมืองหลวงได้ขอรับ”
“รีบไป! หากช้าอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง!”
ท่านอ๋องตงผิงผลักจี้ซินแสออกไปเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับทหารที่ไล่ล่า
จี้ซินแสทั้งเสียใจทั้งละอาย ทำได้เพียงทิ้งท่านอ๋องตงผิงเอาไว้ ตนเองหนีไปอย่างรีบร้อน
เสียดาย เวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ เขาก็ต้องถอยกลับมา
ด้านหน้าเป็นทางตันแล้ว
แต่…บนใบหน้าของท่านอ๋องตงผิงไม่ปรากฏความสิ้นหวัง อีกทั้งแสดงออกถึงความดีใจเพราะยังมีทางรอด
จี้ซินแสมองตามสายตาของเขาไป ท่ามกลางเปลวเพลิง เขามองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย อีกฝ่ายคือนายน้อยหก เซียวอี้
จี้ซินแสตกตะลึง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความดีใจ
เขารู้ว่านายน้อยหกสังหารนายท่านรองตระกูลเถาเพราะมีจุดประสงค์แอบแฝง
ฮ่าๆ…
สวรรค์ไม่สิ้นเขา!
“ท่านอ๋อง พวกเรารอดแล้ว!”
ท่านอ๋องตงผิงกลับทำหน้านิ่ง จ้องมองเซียวอี้ด้วยความโกรธ เขาตำหนิเสียงดัง “ลูกทรพี!”
จี้ซินแสอกสั่นขวัญแขวนอย่างมาก
ท่านอ๋อง เวลานี้แล้ว เหตุใดท่านจึงยังวางมาด
ลูกทรพีหรือไม่ลูกทรพี รอปลอดภัยก่อนค่อยพูดได้หรือไม่
เซียวอี้แสดงสีหน้าเรียบเฉย เขาทำหน้าเย็นชา พูดอย่างไร้เยื่อใย “ท่านพ่อดวงชะตาแข็งเสียจริง! ตามข้ามาเถิด คืนนี้ดึกมาแล้ว รอฟ้าสว่างข้าส่งพวกท่านออกนอกเมือง สัมภาระนำมาครบแล้วหรือไม่ หากมีสิ่งสำคัญตกหล่นก็บอกข้า ข้าไปจัดการเอง”
จี้ซินแสรีบพูด “มีสิ่งสำคัญตกหล่นอยู่ในห้องตำรา…”
“หุบปาก!” ท่านอ๋องตงผิงตำหนิจี้ซินแสด้วยความโกรธ ไม่อนุญาตให้เขาพูดต่อไป
จากนั้นท่านอ๋องตงผิงก็เริ่มวางมาด
“เจ้าออกจากคุกมาได้อย่างไร เหตุใดจึงปรากฏตัวที่นี่ ทหารด้านหลังเจ้ามาจากที่ใด”
เซียวอี้เลิกคิ้ว “ท่านพ่อแน่ใจว่าจะถามตรงนี้หรือขอรับ หากถูกคนเห็นเข้า เกรงว่าท่านพ่อจะมีอันตรายถึงชีวิตนะขอรับ”
ท่านอ๋องตงผิงส่งเสียงไม่พอใจ
“ลูกทรพีอย่างเจ้า ไม่เคยพูดความจริงแม้แต่ประโยคเดียว วันนี้หากเจ้าไม่พูดให้กระจ่าง ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“ท่านอ๋อง…”
จี้ซินแสร้อนใจยิ่งนัก เขาอยากจะตีท่านอ๋องตงผิงให้สลบแล้วแบกเขาจากไป
ท่านอ๋องตงผิงไม่ไหวติง
เซียวอี้มองเปลวเพลิงที่พุ่งทะยานขึ้นฟ้าในระยะไกลพลันพูดเสียงเบา “ท่านพ่อคงรู้ดี ฝ่าบาททรงต้องการชีวิตของท่าน ข้าต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกฝ่าบาทประหารมาช่วยเหลือท่านพ่อที่ตกอยู่ในอันตราย แต่ท่านพ่อกลับสงสัยในเจตนาของข้า หากข้ามีเจตนาร้ายข้าคงจะไม่แสดงตัว นั่งมองท่านพ่อถูกสังหาร”
“เจ้า…เจ้าลูกทรพีนี้ จิตใจอำมหิตยิ่งนัก เจ้าจะนั่งมองข้าถูกสังหารอย่างนั้นหรือ”
“ท่านพ่อ ท่านเข้าใจข้าผิดอีกแล้ว ท่านดู ข้ามาช่วยท่านแล้ว ท่านจะตำหนิข้าอีกได้อย่างไร ข้าให้เวลาท่านพ่อคำนึงหนึ่งถ้วยชา หากท่านปฏิเสธที่จะไปกับข้า ข้าจะพาทหารจากไปทันที ต่อจากนี้ท่านพ่อจะเป็นหรือตายล้วนเป็นชะตากรรม”
สีหน้าของท่านอ๋องตงผิงบึ้งตึงอย่างมาก สายตาของเขาแปรเปลี่ยนไปหลากหลายอารมณ์
จี้ซินแสเกลี้ยกล่อมเสียงเบา “ท่านอ๋อง รอบด้านอันตรายมากมาย ไม่อาจรอช้าได้ ชีวิตสำคัญที่สุด มีชีวิตถึงจะมีโอกาสแก้แค้นด้วยตนเองขอรับ”
ท่านอ๋องตงผิงกัดฟัน พลันถามเซียวอี้ “เจ้ารับใช้ฮ่องเต้หรือ ฮ่องเต้ต้องการสังหารเหล่าท่านอ๋องทั่วแผ่นดิน เจ้าบังอาจไม่บอกข้า อีกทั้งยังช่วยเหลือศัตรู เจ้าละอายต่อบรรพบุรุษหรือไม่”
เซียวอี้ถอนหายใจ “โรคเก่าของท่านพ่อกำเริบอีกแล้ว ทท่านมักชอบตัดสินใจอย่างมักง่าย ข้าไม่จำเป็นต้องอธิบาย ท่านจะตามข้าจากไปหรือไม่เพียงแค่บอกมาเท่านั้น”
จี้ซินแสตอบแทนท่านอ๋องตงผิง “ไป…ไปขอรับ! นายน้อยหกโปรดนำทางขอรับ”
เซียวอี้กวาดตามองท่านอ๋องตงผิง เห็นเขาไม่ออกเสียงคัดค้านจึงแอบหัวเราะเยาะภายในใจ จากนั้นจึงหันหลังจากไป
จี้ซินแสฉุดท่านอ๋องตงผิงที่ไม่ยอมเสียหน้าเดินตามขึ้นไปทันที
ภายใต้การคุ้มกันของทหารมากมาย พวกเขาเดินผ่านพื้นที่อันตรายอย่างปลอดภัย
ระหว่างทางพบกับทหารของกองทัพเหนือหลายขบวน แต่พวกเขาล้วนเดินทางผ่านอย่างราบรื่น
จี้ซินแสพูดกับท่านอ๋องตงผิงเสียงเบา “การฆ่าล้างในคืนนี้มีกองทัพเหนือเป็นหลัก แม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเหนือนำกองกำลังไปเพียงสามค่าย เหลือกองกำลังอีกสามฝ่ายคุ้มกันเมืองหลวงซึ่งล้วนเป็นคนของทางตระกูลเถา”
“จริงหรือ?” ท่านอ๋องตงผิงตกใจ
จี้ซินแสพยักหน้า “ไม่ผิดแน่! เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทใช้ตระกูลเถาเป็นดาบในการสังหารพระบรมวงศานุวงศ์ แต่ว่านายน้อยหกสังหารนายท่านรองตระกูลเถา ตระกูลเถาจะอดทนได้อย่างไร เกรงว่าความโกลาหลในค่ำคืนนี้ ฝ่าบาทคงเตรียมการไว้หลายแผนการ สามารถมั่นใจได้ว่านายน้อยหกกับตระกูลเถาไม่ได้ร่วมมือเดียวกัน”
ท่านอ๋องตงผิงมองแผ่นหลังของเซียวอี้ “ลูกทรพีสังหารนายท่านรองตระกูลเถาเท่ากับตัดขาดความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกับตระกูลเถา ข้ายิ่งมั่นใจว่าลูกทรพีรับพระราชโองการจากฝ่าบาทสังหารนายท่านรองตระกูลเถาเพื่อแสดงความจงรักภักดี มีเพียงสังหารนายท่านรองตระกูลเถา ฮ่องเต้จึงทรงกล้าใช้เขา อีกทั้งยังตัดขาดความเป็นไปได้ที่เขาจะร่วมมือกับตระกูลเถา เจ้าโง่! บังอาจรับใช้ฮ่องเต้ เขาต้องเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับการสังหารคนอย่างโหดเหี้ยมของฮ่องเต้”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนี้ นึกถึงบรรดาท่านอ๋องอื่นที่ต่างสูญเสียชีวิตในมือของกองทัพเหนือ ความแค้นภายในใจของท่านอ๋องตงผิงก็คุกรุ่น
เขาแค้นเซียวอี้
ค่ำคืนนี้ กองทัพเหนือสังหารผู้ที่ไม่มีคำสั่งปรากฏตัวบนถนนทั้งหมด ไม่สนใจฐานะ
แต่มีการคุ้มกันจากเซียวอี้ ท่านอ๋องตงผิงและจี้ซินแสจึงรอดชีวิตได้อย่างราบรื่น พวกเขาถูกจัดให้พักอยู่ในจวนเล็กแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมือง
เซียวอี้พูดกับท่านอ๋องตงผิง “ข้าจะไปจัดการสิ่งของในห้องตำราในจวนท่านอ๋องให้สะอาด พวกท่านพักอย่างสบายใจ เมื่อฟ้าสว่างจะมีคนมาส่งพวกท่านออกจากเมือง ขอตัว!”
“เดี๋ยวก่อน!” จี้ซินแสเรียกเซียวอี้เอาไว้ “นายน้อยหกรักษาสุขภาพ! ร่วมมือกับฮ่องเต้ ระวังถูกถีบหัวส่งเมื่อหมดประโยชน์!”
เซียวอี้เผยยิ้มออกมา “ขอบคุณจี้ซินแสที่ห่วงใย!”
เขากวาดตามองท่านอ๋องตงผิง หันหลังเดินจากไป
…
เซียวอี้นำคนนำคนเดินทางมาจัดการที่จวนท่านอ๋อง
จวนท่านอ๋องถูกกวาดล้างไปรอบหนึ่งแล้ว ห้องตำราก็ถูกรื้อค้นจนข้าวของกระจัดกระจาย
เขาไม่แม้แต่จะมองเอกสารที่กระจายอยู่เต็มพื้น เพียงแค่เดินเข้าไปในห้องด้านใน กดลงไปยังกลไกหนึ่ง
ชั้นวางตำราแยกออกเป็นสองฝั่งเผยให้เห็นทางเดินสำหรับหนึ่งคน
ที่แท้ด้านในมีห้องลับอีกห้อง
สิ่งของที่สำคัญจริงล้วนวางอยู่ในห้องลับ
เซียวอี้เดินเข้าห้องลับตามลำพัง ไม่นานนักเขาก็เดินออกมาจากห้องลับ แต่ภายในมือมีกล่องไม้ติดมาด้วย
หลังจากปิดห้องลับลงแล้ว เขาทำลายกลไกทิ้งทันที จากนั้นพาผู้ใต้บังคับบัญชาจากไปอย่างรวดเร็ว
…
ฟ้าเริ่มสว่างขึ้น!
ท่านอ๋องตงผิงกึ่งหลับกึ่งตื่น เสียงหนึ่งทำให้เขาตกใจกลัวจนต้องตื่นขึ้นมา
“เกิดเรื่องใดขึ้น”
“ท่านอ๋องไม่ต้องกังวล มีคนมาส่งอาหารขอรับ” จี้ซินแสไม่ได้นอนทั้งคืน แต่เขายังดูกระปรี้กระเปร่า
ท่านอ๋องตงผิงผ่อนคลายลง “เมื่อใดประตูเมืองจะเปิด เจ้าคิดว่าลูกทรพีจะส่งคนมาคุ้นกันข้าออกจากเมืองจริงหรือไม่”
“ท่านอ๋องวางใจ นายน้อยหกเป็นคนมีสัจจะ เขากล่าวว่าจะส่งคนมาคุ้มกันท่านอ๋องออกจากเมืองย่อมต้องส่งมา”
“เจ้าชื่นชมลูกทรพีมากหรือ”
“ข้าขอบังอาจพูด ท่านอ๋องเหมือนจะมีอคติต่อนายน้อยหก” จี้ซินแสบังอาจจริง
ในฐานะกุนซือ เดิมทีเขาไม่ควรยุ่งเรื่องภายในจวนของเถ้าแก่
แต่คราวนี้ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องพูดแทนเซียวอี้
ท่านอ๋องตงผิงโบกมือ “เจ้าไม่ต้องรู้สึกไม่เป็นธรรมแทนลูกทรพีหรอก ข้ายอมรับว่าข้าลำเอียง แต่เรื่องที่ลูกทรพีทำในหลายปีนี้ล้วนบีบบังคับให้ข้าลำเอียง”
“เพียงแค่เขาบังอาจลอบสังหารมารดาและพี่ชายของตนเอง เขาก็สมควรถูกประหารแล้ว ข้าเห็นแก่มารดาผู้ให้กำเนิดของเขาจึงไว้ชีวิตเขา สุดท้ายเขากลับไม่จดจำบทเรียน รับใช้ฮ่องเต้ สังหารพระบรมวงศานุวงศ์ ช่างบ้าคลั่งเสียเหลือเกิน”
เมื่อนึกถึงท่านอ๋องท่านอื่นที่ถูกสังหาร ภายในใจของท่านอ๋องตงผิงก็รู้สึกโกรธเคืองอย่างมาก เลือดลมสูบฉีดจนบาดแผลปริออก
จี้ซินแสรีบปลอบ “ท่านอ๋องโปรดระงับความโกรธ! ร่างกายสำคัญกว่าขอรับ”
ท่านอ๋องตงผิงกัดฟัน “ฮ่องเต้จิตใจอำมหิตยิ่งนัก บังอาจลงมือกับคนในตระกูลเดียวกันเช่นนี้ เขาใช้ตระกูลเถาฆ่าพระบรมวงศานุวงศ์ ไม่กลัวกรรมตามสนองหรือ ระวังวันหนึ่งตระกูลเถาจะก่อกบฏ ทำให้เขาตายอย่างไร้ที่ฝัง”
จี้ซินแสพูดเสียงเบา “ท่านอ๋อง เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ทรงระแวงตระกูลเถามานานแล้ว มิฉะนั้นไม่มีทางใช้นายน้อยหก ถึงแม้เมื่อคืนจะมีกองทัพเหนือเป็นกำลังหลัก แต่ข้าสังเกตเห็นว่าทหารที่ติดตามอยู่ข้างตัวนายน้อยหกไม่ได้มาจากกองทัพเหนือ แต่เหมือกองทัพใต้เสียมากกว่า ตามที่ข้าเข้าใจกองทัพใต้ไม่มีคนของตระกูลเถานะขอรับ”
ท่านอ๋องตงผิงส่งเสียงไม่พอใจ “ด้านหนึ่งใช้กองทัพเหนือสังหารพระบรมวงศานุวงศ์ ด้านหนึ่งใช้กองทัพใต้ระวังกองทัพเหนือ ฮ่องเต้ช่างขี้ระแวงยิ่งนัก ข้าเพียงแค่แค้นที่ในมือไร้กำลังพล ไม่อาจบุกเข้าพระราชวังเด็ดหัวของฮ่องเต้ได้ รอข้ากลับไปถึงพื้นที่ศักดินา รวมรวมกำลังพลและกำลังม้า ข้าย่อมต้องให้ฮ่องเต้ชดใช้”
จี้ซินแสเพียงแค่พูด “ทุกสิ่งรอกลับพื้นที่ศักดินาก่อนเถิดขอรับ”
จะก่อกบฏหรือไม่ จะก่อกบฏอย่างไร ล้วนต้องหารือระยะยาว
ไม่ใช่แค่คำพูดเพียงประโยคสองประโยคก็สามารถตัดสินใจได้
…
ฟ้าสว่าง!
คนที่เซียวอี้ส่งมาเดินทางมาถึงจวนหลังเล็ก
ทหารกลุ่มหนึ่งคุ้มกันท่านอ๋องตงผิงที่ปลอมตัวไปทางประตูเมือง
เดิมทีท่านอ๋องตงผิงอยากถามว่าเหตุใดเซียวอี้จึงไม่มา
แต่จี้ซินแสรั้งเขาเอาไว้
หนีตายออกจากเมืองหลวงสำคัญกว่า เรื่องอื่นค่อยสืบในวันหลัง
พวกเขาเผชิญกับการซักถามที่ประตูเมือง
ท่านอ๋องตงผิงกังวลจนเหงื่อออกมือ อีกทั้งเตรียมพร้อมที่จะปะทะกับอีกฝ่ายแล้ว
จี้ซินแสก็เตรียมตัวที่จะหนี
โชคดีที่ไม่มีอันตราย พวกเขาออกมาจากเมืองได้อย่างราบรื่น
คนทั้งขบวนเดินทางอย่างเร่งรีบ ออกจากเมืองหลวงอย่างเร็วที่สุด
เมื่อมาถึงท่าเรือ ลงจากม้าขึ้นเรือไปตามสายน้ำ
ในที่สุดท่านอ๋องตงผิงก็มีชีวิตรอดออกมาจากเมืองหลวงแล้ว!