ตอนที่ 134 ดูถูก
เยียนอวิ๋นเกอไม่ได้ลืมพี่สอง เยียนอวิ๋นฉี
นางส่งเสบียงห้าร้อยหาบไปให้พี่สอง
เพื่อเป็นค่าตอบแทน
ปีก่อน นางอาศัยบารมีของพี่สองจึงติดต่อกับองค์ชายสองได้
หลอกล่อองค์ชายสองยืมเมล็ดพันธุ์ อุปกรณ์เกษตรและควายมาจากสำนักเซ่าฝู่แทนนาง อีกทั้งยังเกลี้ยกล่อมให้สำนักเซ่าฝู่ยอมให้นางติดหนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการบุกเบิกของนาง
พี่สองเป็นรองแม่ทัพของนาง
เสบียงห้าร้อยหาบเป็นเพียงค่าตอบแทนในปีนี้
ปีหน้ายังมีอีกห้าร้อยหาบ
เยียนอวิ๋นฉีรับรู้เรื่องนี้ นางทั้งตะลึงทั้งดีใจ
นางพูด “น้องสี่เกรงใจกับข้าเพียงนี้ ค่าตอบแทนอะไรกัน เสบียงมากมายเช่นนั้น ข้าจะรับเอาไว้ได้อย่างไร ผู้ใดก็ได้ ส่งเสบียงกลับไปให้คุณหนูสี่”
“รายงานฮูหยิน คุณหนูสี่กล่าว่า สิ่งของที่นางมอบให้ไม่สามารถส่งกลับคืนได้ หากฮูหยินไม่ต้องการเสบียงนี้ ให้ฮูหยินจัดการได้ตามใจ โยนทิ้งหรือส่งให้ผู้อื่นก็แล้วแต่เจตนาของฮูหยิน”
เยียนมู่ที่ทำหน้าที่ส่งของยืนพูดอยู่ด้านข้าง
เยียนอวิ๋นฉีพูด “เสบียงห้าร้อยหาบไม่ใช่จำนวนน้อย ข้าจะรับได้อย่างไร”
เยียนมู่โน้มตัวพูด “คุณหนูสี่กล่าว่า เสบีวงส่งมายังจวนองค์ชาย ฮูหยินสามารถจัดการได้เลย ฮูหยินไม่ต้องเกรงใจ สิ่งที่เรือนพักร่ำรวยมีมากที่สุดก็คือเสบียง”
เยียนอวิ๋นฉีได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมา “ดูท่าทางเรือนพักร่ำรวยจะเก็บเกี่ยวได้มากเสียจริง ร้องสี่ไม่ให้ก็แล้วไป ให้มาทีก็คือห้าร้อยหาบ ช่างใจกว้างเสียจริง”
“คุณหนูสี่กับฮูหยินรักใคร่กลมเกลียวกัน ฮูหยินรับเอาไว้เถิด”
“เอาเถิด! ไม่อาจเสียน้ำใจของน้องสี่ได้ ของขวัญข้ารับเอาไว้ เจ้ากลับไปบอกนาง ปีหน้าไม่ต้องให้อีก ข้ารับรู้ถึงน้ำใจของนางแล้ว ข้าเป็นพี่น้องกับนาง ไม่ต้องเกรงใจเพียงนี้”
“ข้าน้อยจะนำกลับไปรายงาน”
…
เมื่อรู้ว่าเยียนอวิ๋นเกอมอบเสบียงห้าร้อยหายให้เยียนอวิ๋นฉี องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินก็หงุดหงิดเล็กน้อย
“เสบียงห้าร้อยหาบทำให้ข้าดูใจแคบไปเลยเสียจริง ข้าให้เสบียงแก่ฮูหยินแค่สองร้อยหาบ เมื่อเทียบกับเยียนอวิ๋นเกอช่างน้อยนิด เฟ่ยกงกง นำเสบียงอีกสามร้อยหาบให้ฮูหยิน เอาให้ครบห้าร้อยหาบ บอกว่าเป็นน้ำใจของข้า”
มุมปากของเฟ่ยกงกงกระตุก เขาเสียดายเสบียง!
เยียนอวิ๋นเกอกระตุ้นองค์ชายของตนเองอีกแล้ว ทำให้องค์ชายต้องสูญเสียเสบียงอีกสามร้อยหาบ
เยียนอวิ๋นเกอลากองค์ชายของตนเองลงคลองก็แล้วไป ยังคิดจะเอาเสบียงอีก ไร้เหตุผลสิ้นดี
เฟ่ยกงกงมั่นใจความคิดของตนเองอีกครั้ง เขาไม่มีทางญาติดีกับเยียนอวิ๋นเกอ
เมื่อองค์ชายสองทรงตัดสินพระทัยแล้ว เฟ่ยกงกงก็ห้ามไม่อยู่ ทำได้เพียงทำตามรับสั่ง
องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินตรัสกับเฟ่ยกงกง “อย่าเสียดายเสบียงเพียงเล็กน้อยนั้น เสบียงเพียงแค่สามร้อยหาบ ข้าจ่ายได้”
เฟ่ยกงกงอ้าปากถอนหายใจ “องค์ชาย ด้านล่างยังมีคนกลุ่มหนี่งที่ต้องกินข้าว ไม่ปิดบังพระองค์ หากให้เสบียงสามร้อยหาบแก่ฮูหยิน เสบียงในคลังก็จะไม่พอแล้ว”
เซียวเฉิงเหวินเด็ดขาดอย่างมาก
“หากเสบียงไม่พอกินก็ใช้เงินซื้อ ซื้อจากร้านเสบียงของฮูหยิน ถือว่าอุดหนุนกิจการของตนเอง ปีนี้เก็บเกี่ยวดี ราคาเสบียงไม่แพง เสบียงไม่กี่ร้อยหาบ ใช้เงินไม่มาก”
เฟ่ยกงกงเหนื่อยใจอย่างมาก!
…
เมื่อเยียนโส่วจ้านมีเสบียงจากเรือนพักร่ำรวย เขาจึงไม่ต้องการเสบียงจากตระกูลหลิงเหมือนแต่ก่อนแล้ว
แน่นอนว่าเขาและตระกูลหลิงจะยังคงร่วมมือกันต่อไป
เพียงแต่ความต้องการต่อเสบียงของตระกูลหลิงนั้นไม่มากมายเหมือนที่เคยเป็น
เมื่อนายท่านรองตระกูลเยียนกลับถึงแคว้นซ่างกู่ไปพบเยียนโส่วจ้าน ขอให้เขาช่วยเหลือเยียนอวิ๋นเพ่ยนั้น เยียนโส่วจ้านจึงไม่กระตือรือร้นมากนัก
ให้เยียนอวิ๋นเพ่ยแต่งงานกับหลิงฉางเฟิงเป็นเพียงแผนการที่เหมาะสมในเวลานั้น
เวลานี้ความต้องการเสบียงจากตระกูลหลิงลดลง เยียนอวิ๋นเพ่ยจะมีชีวิตอยู่ในตระกูลหลิงอย่างไร เยียนโส่วจ้านไม่สนใจแม้แต่น้อย
อย่างไรแล้ว เยียนโส่วจ้านไม่ชอบเยียนอวิ๋นเพ่ย เขาคิดว่าเยียนอวิ๋นเพ่ยไม่คู่ควรที่จะให้เขาออกหน้าแทน
หากเยียนอวิ๋นเพ่ยแต่งเข้าตระกูลหลิง นางสามารถผูกมัดใจของหลิงฉางเฟิงเอาไว้ได้ด้วยความสามารถตนเอง นางย่อมจะมีอำนาจในตระกูลหลิง พร้อมทั้งให้กำเนิดบุตร หากนางสามารถพิสูจน์ความสามารถของตนเองได้ บางทีเยียนโส่วจ้านอาจออกหน้าแทนนาง
การออกหน้าแทนคนที่มีความสามารถเป็นเรื่องที่คุ้มค่า
แต่หากออกหน้าแทนคนที่ไร้ความสามารถ ไม่มีความตระหนักรู้ในตัวเอง อีกทั้งยังเป็นตัวถ่วงคงจะเป็นเรื่องที่เสียเวลา
เยียนโส่วจ้านเอ่ยกับนายท่านรองตระกูลเยียนแบบขอไปที “บุตรหลานย่อมมีวาสนาของตนเอง อวิ๋นเพ่ยอยู่ดีในตระกูลหลิง ในฐานะผู้อาวุโสก็อย่าก่อเรื่อง น้องสองมีใจคิดแทนอวิ๋นเพ่ย สู้คิดแทนบุตรที่ยังไม่หมั้นหมายในจวนเสียดีกว่า”
นายท่านรองตระกูลเยียนลำบากใจอย่างมาก “หากอวิ๋นเพ่ยไม่ลำบากจริง ข้าก็ไม่กล้าหน้าด้านมาขอร้องพี่ใหญ่ ไม่ปิดบังพี่ใหญ่ หลิงฉางเฟิงไม่เข้าห้องของอวิ๋นเพ่ยแม้แต่น้อย นี่จึงเป็นสาเหตุที่อวิ๋นเพ่ยยังไม่มีบุตรเสียที”
เยียนโส่วจ้านแปลกใจ “มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ”
ความจริงแล้ว หลิงฉางเฟิงไม่เข้าห้องของเยียนอวิ๋นเพ่ยนั้น เยียนโส่วจ้านรู้มาตั้งแต่แปดร้อยปีก่อนแล้ว
เหตุใดเยียนอวิ๋นฉวนจึงขึ้นเมืองหลวง
ก็เพื่อเป็นหูเป็นตาของเขา
เรื่องของตระกูลหลิง เยียนอวิ๋นฉวนเขียนจดหมายบอกเขาอย่างละเอียดแล้ว เขาย่อมไม่หลุดเรื่องของเยียนอวิ๋นเพ่ยไป
เยียนอวิ๋นเพ่ยผูกมัดหลิงฉางเฟิงไม่ได้ เยียนโส่วจ้านนอกจากยิ้มเย้ยหยันแล้ว ไร้ปฏิกิริยาใดๆ
เวลานี้เขาแสร้งทำเป็นประหลาดใจ จึงดูไม่จริงใจมากนัก ยิ่งเหมือนล้อเลียนเสียมากกว่า
นายท่านรองตระกูลเยียนพูดอย่างจริงจัง “หากอวิ๋นเพ่ยให้กำเนิดบุตรได้ เด็กคนนั้นก็เป็นหลานของตระกูลเยียน บางทีอาจช่วยเหลือพี่ใหญ่ได้ในอนาคต”
เยียนโส่วจ้านพยักหน้า “น้องสองพูดถูก แต่เรื่องในห้องของเด็กๆ ข้าในฐานะผู้อาวุโสฝ่ายหญิงเอ่ยปากจะไม่ดีนัก! อีกอย่าง เรื่องนี้ต้องพึ่งอวิ๋นเพ่ยเอง หากให้ผู้อาวุโสอย่างเราบีบเค้นย่อมไม่ได้ คิดว่าน้องสองกับน้องสะใภ้อยู่ในเมืองหลวงกว่าครึ่งปีคงจะรู้ดี”
นายท่านรองตระกูลเยียนย่อมรู้ดี เขาโกรธอย่างมาก “หลิงฉางเฟิงเป็นคนชั่วช้า! หากเขาไม่ได้กำเนิดจากตระกูลหลิง ข้าอยากจะต่อยเขาเสียจริง”
เยียนโส่วจ้านได้ยินจึงเลิกคิ้วยิ้ม “น้องสองต้องปล่อยวาง ภายใต้เจ้าไม่ได้มีอวิ๋นเพ่ยคนเดียว เด็กคนอื่นเจ้าก็ต้องใส่ใจ”
นายท่านรองตระกูลเยียนครุ่นคิดอีกครั้ง เขายังคงเอ่ยปากอ้อนวอน “พี่ใหญ่เขียนจดหมายให้ฮูหยิน ขอให้ฮูหยินช่วยเหลืออวิ๋นเพ่ยได้หรือไม่”
เยียนโส่วจ้านส่ายหน้า “ข้าบอกแล้ว เรื่องของสามีภรรยา ยังต้องพึ่งอวิ๋นเพ่ยจัดการเอง หากนางไร้ความสามารถ ถึงแม้ฮูหยินจะช่วยเหลือนางก็ไร้ประโยชน์”
“พี่ใหญ่จะทอดทิ้งอวิ๋นเพ่ยหรือ”
ในที่สุดนายท่านรองตระกูลเยียนก็ถามเรื่องที่กังวลใจออกมา
เยียนโส่วจ้านทำหน้าบึ้ง “เหลวไหล! อวิ๋นเพ่ยเป็นคนของตระกูลเยียน ข้าจะทอดทิ้งนางได้อย่างไร”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ว่า! น้องสองอย่าพูดเหลวไหล ข้ามีงานมาก เจ้าเชิญกลับไปเถิด!”
เยียนโส่วจ้านไล่แขก นายท่านรองตระกูลเยียนหมดหนทาง ทำได้เพียงจากไป
เมื่อเขาจากไป เยียนโส่วจ้านเอ่ยตำหนิ “แม้แต่บุรุษยังมัดใจไว้ไม่อยู่ จะมีประโยชน์อันใด”
ภายในคำพูดไม่ปิดบังความรังเกียจที่มีต่อเยียนอวิ๋นเพ่ยแม้แต่น้อย
ตู้ซินแสเดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้น โน้มตัวเล็กน้อย “ตอนนั้นคิดผิดที่ให้เยียนอวิ๋นเพ่ยแต่งงานกับหลิงฉางเฟิง เวลานี้นางไม่มีประโยชน์อันใดทั้งสิ้น”
เยียนโส่วจ้านนั่งลงบนเก้าอี้ ส่งเสียงไม่พอใจ
“ต้องโทษอวิ๋นเฟ่ยที่ดื้อรั้น ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ยอมแต่งงานกับหลิงฉางเฟิง ฝีมือของอวิ๋นเฟย อย่าว่าแต่หลิงฉางเฟิง แม้แต่ตระกูลหลิงนางก็ครอบครองไว้ในมือได้
แต่ว่าอวิ๋นเฟยแต่งงานกับท่านโหวผิงอู่ สืออุนก็ถือว่าไม่เลว นางอยู่ในตระกูลสือ นอกจากไม่มีบุตรนั้น ความคืบหน้าด้านอื่นล้วนเกินความคาดหมายของข้า ดีมาก”
ตู้ซินแสถามเสียงเบา “ควรเร่งทางฮูหยินท่านโหวผิงอู่ให้มีครรภ์โดยเร็วหรือไม่ ไม่มีบุตรของตนเอง อย่างไรก็ไม่สบายใจ”
เยียนโส่วจ้านส่ายหน้า “เรื่องบุตรของอวิ๋นเฟยไม่ต้องรีบ ท่านโหวผิงอู่ สืออุนไม่ขาดแคลนบุตร เขามีแม้แต่หลาน เวลานี้หากอวิ๋นเฟยตั้งครรภ์ เกรงว่าจะอันตราย”
เยียนโส่วจ้านไม่รู้เรื่องการแย่งชิงในตระกูล แต่เขาเป็นแม่ทัพผู้นำกองกำลัง
การแย่งชิงระหว่างสตรีก็เหมือนการทำสงคราม หนีไม่พ้นกลอุบายกับดักเหล่านั้น แต่ก็ทำให้คนไม่อาจป้องกันได้
อาทิเจี่ยซูเฟยในวังหลวงที่พ่ายแพ้ในมือของเถาฮองเฮา สูญเสียแม้แต่ชีวิต
ในสายตาของเยียนโส่วจ้าน การแย่งชิงในวังหลวงหรือในจวนล้วนเหมือนกัน ล้วนรายล้อมรอบตัวของบุรุษ
สถานการณ์ในจวนของท่านโหวผิงอู่ สืออุนอาจซับซ้อนขึ้นมาหน่อย
เกี่ยวข้องกับบุตรของภรรยาเดิม ตระกูลของภรรยาเดิม รวมไปทั้งภรรยาเสริม ตระกูลของภรรยาเสริม
เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการมีบุตรของเยียนอวิ๋นเฟย
เวลาที่ดีคือเวลาใด
เวลาที่ดีคือเวลาที่ส่งบุตของภรรยาเดิมออกจากจวนทั้งหมด
ตู้ซินแสเข้าใจหลักเหตุผลนี้ เขาเสนอความคิด “ท่านโหว พวกเราจะผลักดันท่านโหวผิงอู่ สืออุนให้มีการเคลื่อนไหวหรือไม่”
เยียนโส่วจ้านขมวดคิ้วครุ่นคิด “คิดจะให้จิ้งจอกอย่างสืออุนเคลื่อนไหวไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากข้าจะเคลื่อนไหวร่วมกับเขา”
หัวใจของตู้ซินแสกระตุก “ท่านโหว สงครามทางใต้ยังไม่จบสิ้น หากเคลื่อนไหวในเวลานี้คงจะเสียเปรียบ! อีกทั้ง การกักตุนของเสบียงยังไม่พอ แผนการขยายกองกำลังยังดำเนินการอยู่ ทหารใหม่ต้องฝึกฝนถึงจะลงสนามได้”
เยียนโส่วจ้านพลางครุ่นคิด พลางพูด “เรื่องเหล่านี้ข้ารู้ดี สงครามทางใต้ดูท่าฝ่ายแพ้จะเป็นเหล่าท่านอ๋อง แม้ฝ่าบาทจะทรงชนะ แต่ก็ทรงชนะอย่างหวุดหวิด เวลานี้หากมีการเคลื่อนไหวใด เกรงว่าคนในราชสำนักเหล่านั้นยังจมปลักกับการเอาชนะบรรดาท่านอ๋องอยู่ พวกเขาอาจไม่ทันตั้งตัว…แต่ข้าไม่อาจเสนอหน้าได้ จิ้งจองอย่างสืออุนย่อมไม่เสนอหน้า พวกเราต้องเลือกคนมาเสนอหน้าแทน”
ตู้ซินแสเสนอความคิด “ท่านโหว บางทีอาจใช้ประโยชน์จากองค์ชายหกได้ เนื่องจากการตายของเจี่ยซูเฟย องค์ชายหกเกิดความแค้นกับตระกูลเถา ส่วนตระกูลเถาล้วนเป็นสุนัขรับใช้ของฮ่องเต้”
เยียนโส่วจ้านพยักหน้าระรัว “เจ้าลองติดต่อทางองค์ชายหก ลองเชิงอีกฝ่ายเสียหน่อย ส่วนทางท่านโหวผิงอู่ สืออุน ข้าจะเขียนจดหมายไปหาเขาเอง พวกเราหารือกันก่อน หากต้องออกกองกำลังจริง เขาต้องอยู่ด้านหน้า”
ท่านโหวผิงอู่ สืออุน ชื่อสื่อแห่งแคว้นอวี้โจวในมือมีกองกำลังมาก อีกทั้งยังไม่ขาดแคลนเสบียงและทหารม้า
อำนาจมากกว่าเยียนโส่วจ้านอย่างมาก
จุดด้อยเพียงหนึ่งเดียวของสืออุนก็คืออยู่ชายแดนทางเหนือ ไม่มีกองกำลังของตนเอง ทำให้ความสามารถในการต่อสู้ของกองกำลังเขาไม่เพียงพอ