ตอนที่ 176 คิดรอบคอบถี่ถ้วน
เมื่อรู้ว่าหลิงฉางเฟิงจะถูกส่งออกจากเมืองหลวง อาการป่วยของเยียนอวิ๋นฉวนก็หายในทันที
เขาหัวเราะร่าอย่างมีความสุข
ในที่สุดวิกฤตในคราวนี้ก็ถูกเขาแก้ไข
เขาชื่นชมความฉลาดของตัวเอง
เพียงแต่หลังจากหัวเราะเสร็จ เขาก็เริ่มกลัดกลุ้ม
เฮ้อ…
“ความสัมพันธ์ของข้ากับพี่ฉางจื้อเกรงว่าคงจะกลับไปไม่ได้แล้ว”
มันคือสิ่งที่เขาต้องสูญเสีย ทำให้เขาเศร้าสลด
เพื่อสานสัมพันธ์อันดีกับหลิงฉางจื้อ เขาสิ้นเปลืองแรงมากมาย แต่ก็ต้องสูญสิ้นไปเพียงชั่วข้ามคืน
เสียดาย!
แค้น!
ถอนหายใจ!
ล้วนเป็นความผิดของหลิงฉางเฟิง
หากหลิงฉางเฟิงไม่ได้ต้องการสังหารภรรยา อีกทั้งยังเอ่ยเรื่องนี้ออกมาโดยตรง ก็คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้
อีกทั้งหลิงฉางเฟิงยังเป็นพี่น้องแท้ๆ ของหลิงฉางจื้อ
เยียนอวิ๋นฉวนฟ้องต่อหลิงฉางจื้อ ถึงแม้หลิงฉางจื้อจะจัดการหลิงฉางเฟิงอย่างสาหัสแล้ว อีกทั้งยังตัดสินใจจะส่งคนกลับบ้านเกิด ทำให้ความแค้นนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว
ภายในใจของหลิงฉางจื้อย่อมไม่พอใจต่อเขา
เพราะอย่างไรมันก็เป็นน้องชายแท้ๆ ของเขา!
การยอมลงโทษญาติ ไม่เท่ากับไม่แค้นคนที่ฟ้อง
ต้องแก้แค้นไม่ช้าก็เร็ว
เยียนอวิ๋นฉวนถอนหายใจอีกครั้ง
หวังกุนซือปลอบเขา “นายน้อยใหญ่ไม่ต้องกังวล จัดการหายนะอย่างหลิงฉางเฟิงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เมื่อไม่มีหลิงฉางเฟิงมาทำให้เสียเรื่องแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างนายน้อยกับนายน้อยใหญ่ตระกูลหลิงต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมในไม่ช้า”
เยียนอวิ๋นฉวนกลับส่ายหน้า พลันพูด “เหมือนเดิมไม่ได้แล้ว! ซินแสไม่รู้จักพี่ฉางจื้อ คนอย่างเขา…เฮ้อ…เขาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ข้าทำให้หลิงฉางเฟิงต้องถูกส่งกลับบ้านเกิด ในใจของเขาจะไม่มีความเห็นได้อย่างไร”
หวังกุนซือพูดอีกครั้ง “นายน้อยรับราชการได้อย่างราบรื่นแล้ว ถึงแม้จะเกิดความบาดหมางกับหลิงฉางจื้อ แต่ข้าคิดว่าไม่มีผลกระทบมาก”
เยียนอวิ๋นฉวนไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนหวังกุนซือ
เขาครุ่นคิด พลันพูด “ต้องหาทางพบกับพี่ฉางจื้อ ดีที่สุดคือมีคนออกหน้าเจรจาแทนข้า ช่วยผ่อนคลายความสัมพันธ์รัหว่างข้ากับพี่ฉางจื้อ”
คนที่ปรากฏขึ้นในหัวของเป็นคนแรกคือพระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิง
…
พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงเป็นตัวแทนของตระกูลหลิวในเหลียงโจว ซึ่งมีความประสงค์จะปรองดองกับเซียวฮูหยิน หรือท่านหญิงจู้หยาง
เซียวฮูหยินกลับไม่มีการตอบรับเสียที
ไม่ใช่เซียวฮูหยินตั้งใจจะยืดเยื้อเรื่องนี้ หากแต่เยียนโส่วจ้านไม่ยอมปล่อยปากได้ง่ายๆ โนเวล-พีดีเอฟ
หลายเดือนนี้ เซียวฮูหยินเขียนจดหมายให้เยียนโส่วจ้านหลายฉบับ แต่เยียนโส่วจ้านมักใช้ข้ออ้างต่าง ๆ ในการต่อรอง
ทำให้เซียวฮูหยินโกรธจนแทบอยากจะพุ่งตัวกลับจวนโหว ทุบเยียนโส่วจ้านให้ตาย
“เขาตั้งใจทำให้ข้าเกลียด! เขาไม่ต้องการให้อวิ๋นถงแต่งงานกับหญิงสาวจากตระกูลแข็งแกร่งเป็นภรรยาจากใจ”
เซียวฮูหยินยื่นคำขาดสุดท้าย
หากเยียนโส่วจ้านกล้าขัดขวางงานแต่งนี้ นางจะทำลายอนาคตของเยียนอวิ๋นฉวน ทำให้เขาไม่มีที่ยืนในเมืองหลวงอีกต่อไป
อย่างน้อยเซียวฮูหยินก็เป็นสมาชิกราชวงศ์ หากนางตั้งใจจะทำลายเยียนอวิ๋นฉวนย่อมสามารถทำได้
จดหมายถูกส่งไปถึงมือของเยียนโส่วจ้านด้วยม้าเร็ว
เยียนโส่วจ้านโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเมื่อได้อ่านเนื้อหาในจดหมายทั้งหมด
เขาโกรธจัด “ไร้เหตุผล! รังแกกันเกินไปแล้ว!”
ตู้ซินแสเก็ยจดหมายที่ถูกเยียนโส่วจ้านโยนไว้ในพื้น ปัดเป่าฝุ่นที่ไม่มีอยู่จริง ใช้ความเร็วสูงสุดในการอ่านเนื้อหาในจดหมายทั้งหมด ภายในใจของเขาก็มีความคิดบางอย่าง
“ท่านโหว ข้าขอบังอาจพูด ให้นายน้อยรองแต่งงานกับคุณหนูตระกูลหลิงจากเหลียงโจวเป็นเรื่องที่ดีมาก”
เยียนโส่วจ้านถลึงตา “งานแต่งนี้ดีหรือไม่ ข้าจะไม่รู้หรือ ก็เพราะว่างานแต่งนี้ดีเกินไป ข้าจึงยังตัดสินใจไม่ได้เสียที”
ตู้ซินแสคาดเดาความคิดของเขา “ท่านอ๋องกังวลว่าน้อยน้อยใหญ่จะด้อยกว่านายน้อยรองหรือขอรับ”
เยียนโส่วจ้านพยักหน้า เขากังวลอย่างมาก “งานแต่งของอวิ๋นฉวนเป็นเรื่องยาก หากเมืองหลวงไม่มีตระกูลที่เหมาะสม ก็คงทำได้เพียงหาตระกูลที่อยู่ในโจวโยว หากเป็นเช่นนี้ อวิ๋นถงแต่งงานกับคุณหนูตระกูลหลิว งานแต่งนี้ก็ชนะอวิ๋นฉวนอย่าบงมากแล้ว แม้แต่สะใภ้ของอวิ๋นฉวนก็จะไม่มีความมั่นใจเพียงพอ สะใภ้ใหญ่ฐานะไม่เทียบเท่าน้องสะใภ้ เรื่องนี้เป็นเรื่องต้องห้าม”
ตู้ซินแสครุ่นคิดพลันพูด “อย่างไรนายน้อยรองก็กำเนิดจากภรรยาเอก อีกทั้งฮูหยินยังมีฐานันดรเป็นท่านหญิง นายน้อยใหญ่ต่ำต้อยกว่านายน้อยรองอยู่ก่อนแล้ว ถึงแม้นายน้อยใหญ่จะได้รับความโปรดปรานจากท่านโหว แต่ในสายตาของตระกูลที่ให้ความสำคัญกับเอกรองเหล่านั้น นายน้อยใหญ่กำเนิดจากอนุภรรยาย่อมไม่สูงส่งเท่านายน้อยรอง ยกเว้น…”
“ยกเว้นอันใด” เยียนโส่วจ้านจ้องมองตู้ซินแส
ตู้ซินแสกังวลเล็กน้อย เขาพูดด้วยความจำใจ “ยกเว้นท่านโหวจะแต่งตั้งนายน้อยใหญ่เป็นผู้สืบทอดและประกาศต่อผู้คน จึงจะแก้ไขปัญหาเรื่องฐานะของนายน้อยใหญ่ได้”
เยียนโส่วจ้านขมวดคิ้วมุ่น
เขากำลังอยู่ในช่วงวัยกลางคนที่เต็มไปด้วยกำลังวังชา ปีที่แล้วยังมีบุตรเพิ่มอีกหลายคน
หากแต่งตั้งผู้สืบทอดของตระกูลเร็วเพียงนี้ อีกทั้งยังเป็นบุตรชายคนโตที่กำเนิดจากอนุภรรยา เขาจึงมีความกังวลเล็กน้อย
ถึงแม้ภายในใจของเขาจะยอมรับว่าบุตรชายคนโต เยียนอวิ๋นฉวนเป็นผู้สืบทอดทุดสิ่งของเขามานานแล้ว
แต่ก็ต้องรอจนเขาใกล้จะไม่ไหวแล้ว
เวลานี้…
เยียนโส่วจ้านแสดงสีหน้าลังเล ตัดสินใจไม่ได้
ตู้ซินแสพูดเตือนเขาอีกครั้ง “หากท่านโหวยังตัดสินใจไม่ได้ ก็ทำได้เพียงยอมรับความจริงเรื่องงานแต่งของนายน้อยใหญ่ไม่อาจเทียบเทียมงานแต่งของนายน้อยสอง ข้าเชื่อว่าฮูหยินไม่ได้ข่มขู่ด้วยวาจาเท่านั้น หากท่านโหวไม่ยอมรับปากงานแต่งของนายน้อยสองกับตระกูลหลิวในเหลียงโจว ฮูหยินย่อมต้องใช้ทุกวิถีทางทำลายอนาคตของนายน้อยใหญ่”
สีหน้าของเยียนโส่วจ้านทั้งหงุดหงิดทั้งเดือดดาล
เขาทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ “ช่างรังแกกันเสียจริง!”
เขารู้อยู่แล้วว่าหากเซียวฮูหยินไปเมืองหลวง ย่อมต้องหลุดพ้นการควบคุมของเขา
อีกทั้ง เซียวฮูหยินอยู่ต่อในเมืองหลวงหลายปี ไม่ยอมกลับมาเป็นเพราะฮ่องเต้ไม่ทรงให้นางกลับมาจริงหรือ
เกรงว่าจะไม่ใช่!
มีความเป็นไปได้ว่าตัวนางเองไม่ยินดีกลับแคว้นซ่างกู่ ดังนั้นจึงอยู่ในเมืองหลวงต่อ
เยียนโส่วจ้านกัดฟันกรอด ให้เขาก้มหัวให้เซียวฮูหยินทรมานยิ่งกว่าการฆ่าเขาเสียอีก
แต่แล้วความเป็นจริงเขามีเพียงหนทางเดียวก็คือการก้มหัว
ในเวลานี้ บ่าวรับใช้รายงานว่ามีจดหมายส่งมาจากเมืองหลวงอีกครั้ง
“จดหมายของผู้ใด รีบนำเข้ามา”
เยียนโส่วจ้านรับสั่ง ไม่นานนักจดหมายที่ส่งออกจากเมืองหลวงก็ถูกส่งมาถึงมือเขา
เขาบอกตู้ซินแส “จดหมายของเจ้าใหญ่”
“ท่านโหวรีบเปิดอ่าน นายน้อยใหญ่เขียนว่าอย่างไรบ้าง”
เยียนโส่วจ้านพยักหน้า เขาฉีกซองจดหมายออก คลี่กระดาษจดหมายอ่านอย่างรวดเร็ว
เอ๊ะ?
อ้า!
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไประรัว ราวกับทั้งดีใจทั้งโกรธ!
เมื่ออ่านจดหมายจบ เขาก็หัวเราะร่า “สวรรค์ไม่ปิดทางข้า ตู้ซินแสลองอ่านจดหมายของเจ้าใหญ่ โอกาสของข้ามาแล้ว”
ตู้ซินแสก็ตกใจกับเนื้อหาในจดหมาย
“หลิงฉางเฟิงคิดจะสังหารภรรยา อีกทั้งยังเปิดเผยให้นายน้อยรับรู้ เขาๆ เขาไม่มีสมองหรือ”
บนโลกนี้ยังมีคนที่โง่เขลาถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังเป็นนายน้อยตระกูลใหญ่ที่ผ่านการอบรมสั่งสอนชั้นดี ช่างน่าประหลาดใจเสียจริง
ตู้ซินแสตกตะลึงจนคางแทบหลุดออกมา
จากนั้นเขาก็เห็นถึงโอกาสที่ถ่ายทอดออกมาทางจดหมาย “ยินดีกับท่านโหว ยินดีกับท่านโหว!”
เยียนโส่วจ้านหัวเราะร่า “กำลังจะหลับก็มีคนส่งหมอนมา ตระกูลหลิงช่างเป็นเครือญาติที่ดีเสียจริง! นำพู่กันกับหมึกมา ข้าจะเขียนจดหมายส่งไปยังตระกูลหลิง ให้ตระกูลหลิงชดเชยข้า”
“ท่านโหววางแผนที่จะ?”
“ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าเจ้าใหญ่กำเนิดจากอนุภรรยา จึงถูกคนดูถูก หาคู่ครองที่ดีไม่ได้ เวลานี้ ปัญหานี้ได้ถูกแก้ไขแล้ว!”
เยียนโส่วจ้านสะบัดจดหมายที่เยียนอวิ๋นฉวนส่งมา “ความผิดที่ใหญ่เพียงนี้ตกอยู่ในมือข้า หากข้าไม่ใช่ประโยชน์ มันจะดูถูกตระกูลหลิงเกินไป”
ตู้ซินแสแอบกลืนน้ำลาย พลันถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “ท่านโหวไม่สนใจความเป็นความตายของเยียนอวิ๋นเพ่ยหรือ”
ฮึ!
เยียนโส่วจ้านส่งเสียงไม่พอใจ
“ตอนนั้น ข้าพยายามทักทวงทุกความเห็นต่าง ไม่เสียดายที่จะปฏิบัติต่อบุตรสาวด้วยความไม่เป็นธรรมเพื่อทำให้นางสมดังปรารถนา ให้นางได้แต่งงานกับหลิงฉางเฟิง เดิมคิดว่านางเป็นคนที่มีความสามารถ มิฉะนั้นก็ไม่อาจแย่งงานแต่งจากมือของอวิ๋นเฟยไป แต่ไม่คิดว่านางเป็นคนไร้ความสามารถ แต่งงานกับหลิงฉางเฟิงมาหลายปี ไม่มีบุตรแม้แต่คนเดียว คนก็มัดใจไว้ไม่อยู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องภายในจวนของตระกูลหลิง คนที่ไร้ประโยชน์ ไม่จำเป็นต้องสนใจความเป็นความตายของนาง”
เมื่อถึงเวลานี้ ตู้ซินแสก็กระจ่างแล้ว
โชคชะตาของเยียนอวิ๋นเพ่ยถูกกำหนดไว้แล้ว นางตายแน่
หากนางต้องหลีกทางให้งานแต่งของเยียนอวิ๋นฉวน นางย่อมต้องตาย!
มีเพียงนางตายแล้ว ชื่อเสียงและความมั่งคั่งของเยียนอวิ๋นฉวนจึงจะได้รับการเติมเต็ม จึงจะทำให้ท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านส้าแค้นมารถแกเซียวฮูหยินได้
มีเพียงเยียนอวิ๋นฉวนแต่งงานกับคุณหนูตระกูลหลิงจึงจะสามารถข่มเยียนอวิ๋นถงได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ เยียนอวิ๋นถงจะแต่งงานกับคุณหนูตระกูลหลิวหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ
วันนั้นมีจดหมายสามฉบับถูกส่งออกจากจวนโหว
ฉบับหนึ่งส่งไปให้ตระกูลหลิง
ฉบับหนึ่งส่งไปให้เซียวฮูหยิน
ส่วนอีกฉบับส่งไปให้เยียนอวิ๋นฉวน ด้านในยังมีจดหมายอีกหนึ่งฉบับ ให้เยียนอวิ๋นฉวนส่งต่อให้หลิงฉางจื้อ
จดหมายถูกส่งออกไป เหลือเพียงรอข่าว
…
ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ อากาศในเมืองหลวงเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน
เซียวฮูหยินและเยียนอวิ๋นฉวนแทบจะได้รับจดหมายของเยียนโส่วจ้านในเวลาเดียวกัน
เมื่อเซียวฮูหยินอ่านเนื้อหาในจดหมายจบสิ้น นางก็โล่งใจในทันที
ในที่สุดเยียนโส่วจ้านก็ยอมรับปากให้เยียนอวิ๋นถงแต่งงานกับคุณหนูตระกูลหลิว
ส่วนเยียนอวิ๋นถงนั้น เขาย่อมพึงพอใจต่องานแต่งงานเต็มร้อย
เซียวฮูหยินเก็บจดหมาย พลันกำชับบ่าวรับใช้ “ไปเชิญพระราชบุตรเขยหลิวมาที่จวน บอกเขาว่าเรื่องที่เขาเอ่ยถึงก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็มีคำตอบแล้ว”
บ่าวรับใช้รับคำสั่งจากไป
พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงเดินทางมายังจวนท่านหญิงด้วยความคาดหวัง
“หวังว่าจะได้ยินข่าวดีจากปากของท่านหญิง!” เขาจริงจังอย่างมาก
เซียวฮูหยินยิ้มเล็กน้อย “หลายวันนี้ข้าให้คนไปสืบข่าวของน้องสาวพระราชบุตรเขยมาอยู่บ้าง นางเป็นหญิงสาวที่ดีที่มีน้อย ข้าหารือกับท่านโหวแล้ว ตัดสินใจส่งคนไปสู่ขอที่ตระกูลหลิวอย่างเป็นทางการ”
พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงดีใจอย่างมาก “น้องสาวข้าเป็นหญิงสาวที่ดี อีกทั้งนางยังจะเป็นสะใภ้ที่กตัญญู สามารถปรองดองกับท่านหญิงได้ เป็นเกียรติของน้องสาวข้า ข้ารับปากงานแต่งนี้ แลกเปลี่ยนหนังสือแต่งงานแทนผู้ใหญ่ในตระกูลก่อน”
เซียวฮูหยินตกลงด้วยความดีใจ
นางไม่เคยพบคุณหนูตระกูลหลิว แต่ก็มีส่งคนไปสืบมาจริง
ข่าวถูกส่งมาจากทางเหลียงโจว คำวิจารณ์ต่อคุณหนูตระกูลหลิวไม่เลวอย่างมาก
นอกจากนี้เยียนอวิ๋นถงก็เต็มใจ เซียวฮูหยินย่อมไม่มีทางคัดค้านงานแต่งนี้
เมื่อมีหนังสือแต่งงาน งานแต่งย่อมถือว่ากำหนดเอาไว้แล้ว
ต่อมายังมีธรรมเนียมที่ต้องจัดการ เซียวฮูหยินกลัดกลุ้มเล็กน้อย
หลังจากส่งพระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงจากไป นางก็พร่ำบ่นกับเยียนอวิ๋นเกอ “พี่สองเจ้าแต่งงาน ไม่มีคนจัดการแทนเขา ข้าไม่วางใจเอาเลยเสียจริง ข้าคิดจะกลับแคว้นซ่างกู่จัดการงานแต่งให้พี่สองเจ้าสักครั้ง”
เยียนอวิ๋นเกอถาม “ฝ่าบาทจะทรงให้ท่านแม่ออกจากเมืองหลวงหรือ”
เซียวฮูหยินก็ไม่มั่นใจ “วันพรุ่งข้าจะเข้าวังไปทูลขอ”
“หากฝ่าบาทไม่ทรงยอมให้ท่านแม่ออกจากเมืองหลวง ท่านแม่จะทำอย่างไร”
เซียวฮูหยินขมวดคิ้ว
หากไม่สามารถเข้าร่วมงานแต่งของบุตรชายได้ มันจะกลายเป็นเรื่องน่าเสียดายในชีวิตของนาง
เยียนอวิ๋นเกอเสนอความคิด “สู้ให้พี่สองกับคุณหนูหลิวมาแต่งงานในเมืองหลวง หากพี่สองไม่สะดวกเข้าเมืองหลวง พวกเราก็จัดงานแต่งที่เรือนพักร่ำรวย”