ตอนที่ 116 จับกล้ามหน้าท้องของผม
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเซี่ยก็ได้เสียงเรียกชื่อของเธอข้างหูในขณะที่เธอหลับ เสียงนั้นแผ่วเบาและอ่อนโยนหวานหูอย่างยิ่ง
ครั้นาลืมตาขึ้นมาก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ฉายชัดขึ้นมองตรงมาที่เธอ
“กี่โมงแล้วคะ?” เธอถามในขณะที่บิดขี้เกียจ
“เจ็ดโมงเช้าแล้ว ไม่ใช่ว่าควรลุกแล้วหรอกเหรอ?”
ผ้านวมผืนนั้นอุ่นสบายจนเธอไม่อยากจะลุกขึ้นจริง ๆ จึงห่มอีกครั้ง “อื้อ ขอนอนอีกสิบนาทีนะ”
“ได้ งั้นก็นอนอีกหน่อย”
เฉินเจียเหอปิดประตู เดินเข้าไปและถอดรองเท้าออก ก่อนจะแทรกตัวลงบนเตียงแคบ แล้วดึงผู้เป็นภรรยาเข้ามาในอ้อมแขน
“คุณทำอะไรน่ะ?”
“ผมจะนอนอีกสิบนาทีเหมือนกัน” น้ำเสียงของเขาน้อยใจระคนเอ่ยฟ้อง “หู่จือนอนดิ้น แถมยังถีบผมด้วย เลยหลับไม่ค่อยสนิทนัก”
เขากระชับอ้อมกอด ใช้คางถูไถบนศีรษะของเธอ “ผมขอนอนอีกสิบนาทีด้วยคน”
“ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้?” การที่เขามากอดเธอไว้แบบนี้ เธอจะหลับลงอีกได้อย่างไรกัน?
หลินเซี่ยพลันไร้ซึ่งอาการง่วงงุนและพยายามลุกขึ้น ทว่าเขากลับกอดเธอเอาไว้แน่น หากไม่ได้นอนสิบนาทีก็คงไม่ยอมปล่อย
เธอทำได้เพียงปล่อยให้เขากอดไว้แบบนั้น
“เซี่ยเซี่ย” เสียงของเขานุ่มลึกระคนยั่วเย้า
“หืม”
หลินเซี่ยเงยหน้าขึ้นมองเขา “เรียกฉันทำไมคะ?”
เขาลูบผมของเธอเบา ๆ สายตาคู่นั้นดูอ่อนโยน “ไม่มีอะไร แค่อยากเรียกคุณแบบนั้น”
ความเคยชินเป็นสิ่งที่น่ากลัวเสียจริง เพียงเพราะไม่มีเธออยู่ข้าง ๆ เมื่อคืนนี้ก็ทำเอาเขานอนไม่หลับเสียแล้ว
ไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังถูกเจ้าเด็กดื้อนั่นถีบไปทั่วอีก
การได้กอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกมั่นคงอย่างแท้จริง
ทั้งสองเพียงหลับตากอดกันเงียบ ๆ แต่ไม่มีใครที่มีอาการง่วงงุน
เฉินเจียเหอพูดขึ้นเบา ๆ “เซี่ยเซี่ย คุณเรียกผมบ้างสิ”
“เรียกว่าอะไรคะ?” หลินเซี่ยเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“เรียกชื่อผม หรือเรียกอะไรก็ได้ที่คุณอยากเรียก แค่เรียกออกมาก็พอ”
“คุณลุง”
หลังจากที่เธอเอ่ย เฉินเจียเหอก็หันมองเธอด้วยสายตาลึกล้ำพร้อมกับทำหน้ายุ่ง
หลินเซี่ยมองเขาอย่างสงสัยแล้วถามว่า “ไม่ได้เหรอคะ?”
“แน่นอนว่าไม่”
จู่ ๆ เฉินเจียเหอก็มีท่าทางจริงจังขึ้นมา “ไม่เห็นเข้าท่าเลย!”
หลินเซี่ย “…”
สรรพนามที่เธอเรียกออกจะฟังดูดี เกี่ยวอะไรกับความอาวุโสกัน?
เธอจำได้ว่าตนเคยดูละครเกาหลีในชาติก่อน ซึ่งนางเอกและพระเอกมีอายุต่างกันถึงสิบปี และคำว่าคุณลุงนั้นเป็นสิ่งที่นางเอกใช้เรียกพระเอก
หวานชื่นจะตายไป
แต่เฉินเจียเหอกลับไม่รู้สึกถึงความหวานใด ๆ เขารู้สึกเพียงว่าการที่ภรรยาเรียกเขาว่าคุณลุงนั้นน่ากลัวมาก
“เซี่ยเซี่ย มองผม” เขาจับศีรษะเธอด้วยท่าทางจริงจังให้หันหน้าไปหาตัวเขา
“ให้มองอะไรล่ะ?”
เฉินเจียเหอหมุนใบหน้าหล่อเหลาของเขาให้เธอดูแบบสามร้อยหกสิบองศา โดยที่ไม่มีมุมไหนที่แย่เลย “ดูสิ ผมไม่มีตรงไหนที่แก่เลยสักนิดใช่ไหม?”
มุมปากของหลินเซี่ยยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเอ่ยตอบ “ก็ไม่เลว”
ใบหน้านี้ช่างไร้ที่ติ
“ร่างกายของผมก็แข็งแรง คุณดูสิ มีแต่กล้ามเนื้อทั้งนั้น” เขายกชายเสื้อไหมพรมขึ้นด้วยมือเดียว เผยให้เห็นหน้าท้องอันแข็งแกร่งของเขา
เขาจับมือเธอไปวางลงบนหน้าท้องของเขาเบา ๆ เพื่อให้เธอได้สำรวจมันนิดหน่อย
แล้วถามด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจว่า “แน่นมากเลยใช่ไหม?”
หลินเซี่ยแสดงความพึงพอใจออกมา อืม ซิกแพค
มือเล็ก ๆ ของเธอไล้ลงไปตามหน้าท้องของเขาแบบที่ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ และด้วยเพราะเขาสวมกางเกงวอร์มจึงทำให้นิ้วของเธอครึ่งหนึ่งไปอยู่ในเอวยางยืดเสียแล้ว
จู่ ๆ ร่างกายของเฉินเจียเหอก็เครียดเกร็งขึ้น พร้อมคว้ามือเล็ก ๆ ของเธอที่กำลังจะสำรวจลงไปไกลกว่านี้เอาไว้
“ทำไมล่ะ? ไม่ใช่ว่าให้ฉันลูบหน้าท้องคุณหรอกเหรอ?”
เฉินเจียเหอ “!!!”
ส่วนที่คุณสัมผัสอยู่นั่นใช่หน้าท้องหรือไงกัน?
เขาดึงมือเธอออกแล้วรีบดึงชายเสื้อไหมพรมลง หายใจติดขัด “เอาล่ะ พอแล้ว”
หลินเซี่ยกลั้นหัวเราะและมองเขาด้วยใบหน้าไร้เดียงสา “ที่คุณให้ฉันจับกล้ามหน้าท้องนี่คุณพยายามจะพิสูจน์อะไรคะ?”
น้ำเสียงของเฉินเจียเหอจริงจัง “มันพิสูจน์ได้ว่าผมยังหนุ่มแน่น และเราก็เข้ากันได้มาก คุณอยู่ห่างจากครอบครัวเสิ่นมานานแล้ว ถึงเวลาที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานะในตอนนี้ของคุณ คุณจะให้ผมเป็นลุงของคุณไม่ได้เด็ดขาด คุณคือหลินเซี่ย คนรักของเฉินเจียเหอ ผมเป็นสามีของคุณ เข้าใจไหม?”
หลินเซี่ยมองดูการท่าทางจริงจังของเฉินเจียเหอในขณะที่เขาอธิบายถึงสถานะของเขาให้เธอฟัง เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเล็กน้อยพลางพึมพำออกมา “นั่นยังไม่เป็นลุงสมกับที่เรียกอีกเหรอ?”
เฉินเจียเหอ “!!!”
ร่างของเขาแนบชิดเธอมากขึ้นอีกหลายส่วน เขากดทับเธอเอาไว้และพึมพำข้างหู “น้ำเสียงแบบนี้ ผมตีความไปว่าเป็นการบ่นได้ใช่ไหม? บ่นว่าผมไม่ทำอะไรเลยจนถึงตอนนี้?”
“นั่นสิ ทำไมคุณถึงยังไม่ทำอะไรอีกล่ะ?” หลินเซี่ย ยังคงกลั้นหัวเราะพร้อมแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
ทันทีที่เธอพูดจบ เฉินเจียเหอก็พลิกตัวขึ้นไปกดให้เธออยู่ใต้ร่างเขา ก่อนจะโน้มตัวลงไปหาเธอ ภายในส่วนลึกของดวงตาดูราวกับมีเปลวไฟแผดเผา
“คุณจะทำอะไร?” หลินเซี่ยพยายามผลักเขา “อย่ามาเล่นลูกไม้บ้าๆ นะ”
“การทำอะไร ๆ กับภรรยาของตัวเองไม่นับว่าเป็นการเล่นลูกไม้หรอก”
“ลงไปเลย ไม่งั้นฉันจะตะโกนหาหู่จือ” เช้าตรู่ขนาดนี้ก็ยังจะไม่ให้มีชีวิตอยู่อีกเหรอ?
คิดว่าเขาเป็นคนเดียวที่มีความปรารถนาหรืออย่างไร?
เธอเองก็ไม่อาจรับมือกับความหล่อเหลาเช่นนี้ของเขาได้เหมือนกัน เข้าใจไหม?
เฉินเจียเหอเชื่อฟังและพลิกตัวไปนอนข้างเธออีกครั้ง ทำให้โครงสร้างเตียงอันคับแคบต้องรับน้ำหนักและจำนวนที่มากกว่าที่ควร
เขาอาจจะรู้สึกเจ็บปวดกับการเรียกเขาว่าคุณลุงของเธอจริง แต่ก็ยังคงไม่ยอมแพ้ในอุดมการณ์ของตน “เรานอนด้วยกันมานานแล้ว คุณต้องทำความคุ้นเคยกับสถานะของคุณในตอนนี้ เข้าใจไหม?”
หลินเซี่ยเห็นว่าเขาสนใจประเด็นนี้มาก เธอจึงพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง “เข้าใจแล้ว”
“เข้าใจว่าอะไร?” เฉินเจียเหอทดสอบเธอ
หลินเซี่ยเอ่ยว่า “ปรับตัวให้เข้ากับสถานะ”
“สถานะอะไร?” เขาถามอีกครั้ง
“ฉันเป็นภรรยาของเฉินเจียเหอ ฉันจะเขียนข้อความลงบนกระดาษแล้วติดไว้บนหน้าผากของฉัน พอใจไหม?” เธอมองเขาอย่างหมดคำพูด
ใครกันคาดคิดว่าเขาจะเป็นคนจู้จี้ขนาดนี้ คนสุขุมใจเย็นหายไปไหนเสียแล้ว?
“ทำไมคุณถึงมองฉันแบบนั้นล่ะ?” หลินเซี่ยสบตาเข้ากับแววตาเศร้าของเขาแล้วรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย
เมื่อครู่นี้เสียงของเธอดังเกินไปหรือเปล่า?
ตาแก่นี่เป็นคนอ่อนไหวและเปราะบางมากเหรอ?
เฉินเจียเหอไม่ได้พูดอะไร เพียงกอดเธอไว้แน่น
“เฉินเจียเหอ คุณเป็นอะไรไป?” หลินเซี่ยยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของเขาเบา ๆ “อย่าอ่อนไหวขนาดนี้สิ คราวหน้าฉันจะพยายามพูดกับคุณให้อ่อนโยนกว่านี้”
“เซี่ยเซี่ย”
ศีรษะของเฉินเจียเหอฝังอยู่ที่ต้นคอของเธอ เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “คุณ… เราอยู่ด้วยกันมาก็นานแล้ว ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรกับผมบ้าง? ชอบผมบ้างสักนิดไหม?”
“ถ้าไม่ชอบ ฉันจะยอมให้คุณเอาเปรียบอยู่แบบนี้ไหม?”
ได้ยินดังนั้น เฉินเจียเหอจึงยกศีรษะของเขาขึ้นจากต้นคอของเธอ แล้วจ้องมองเธอด้วยความรักอย่างสุดซึ้งที่ฉายชัดในแววตา ราวกับว่าซาบซึ้งกับถ้อยคำของเธอ และทำท่าทางที่จะจูบเธออีกครั้ง
หลินเซี่ยปิดบังใบหน้าเอาไว้ “อย่านะ ลุกขึ้นได้แล้ว”
“จูบอีกครั้งนะ” เฉินเจียเหอจับใบหน้าของเธอให้หันมามองเขาโดยตรง ก่อนจะประทับรอยจูบลงลงบนริมฝีปากของเธอ
หลังจากนั้นทุกอย่างก็อยู่เหนือการควบคุม…
……
…
“น้าเซี่ยเซี่ย พ่อผมออกไปแล้วเหรอครับ?” ทันใดนั้นเสียงของหู่จือก็พลันดังขึ้นจากหน้าประตู
หู่จือได้รับการสั่งสอนเฉินเจียเหอทำให้เขามีมารยาทมาก จึงไม่เปิดประตูเข้ามาโดยพลการ แต่ยืนอยู่ข้างนอกและเอ่ยเรียก
เมื่อได้ยินเสียงของหู่จือ หลินเซี่ยตกใจเสียจนจับใบหน้าของเฉินเจียเหอด้วยมือทั้งสองข้าง และดึงปากของเขาที่กำลังประกบกับริมฝีปากของเธอออกอย่างแรง
เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตะโกนออกไป “เขายังไม่ได้ออกไป หู่จือ เธอตื่นแล้วเหรอ?”
“ครับ ตื่นแล้ว”
“เธอกลับไปที่ห้องนอนก่อน เดี๋ยวน้าจะรีบลุกไปเลือกเสื้อผ้าให้”
“ครับ”
หู่จือกลับเข้าห้องไปแล้ว
หลินเซี่ยผลักชายหนุ่มที่ต้อนเธอเข้าไปในมุมเล็ก ๆ ออกอย่างไม่ชอบใจ “รีบลุกขึ้นเลยค่ะ”
เฉินเจียเหอพลิกตัวไป ก่อนจะกอดตัวหญิงสาวซึ่งอยู่ข้างหลังเขาไว้ เสียงของเขาแหบพร่า “ผมลุกขึ้นไม่ได้ ทรมานอยู่นิดหน่อย”
“ทรมานอะไรคะ?” หลินเซี่ยเอ่ยถามพลางมองเขาด้วยความสับสน
เฉินเจียเหอปล่อยแขนที่กักตัวเธอไว้ออก ก่อนจะโถมทั้งร่างเข้าหาเธอ
ด้วยร่างกายที่แนบชิดกัน หลินเซี่ยก็รู้สึกถึงความแข็งขืนและความร้อนผะผ่าวของเขาได้อย่างชัดเจน
แต่ดวงตาของเธอกลับใสแป๋วทั้งยังดูโง่เขลา แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ
เฉินเจียเหอเมื่อเห็นสายตางุนงงและไม่รู้เรื่องรู้ราวของเธอก็ถอนหายใจเบา ๆ “ช่างเถอะ ไว้ผมจะสอนคุณทีหลัง”
เขาลุกขึ้นสวมรองเท้าแล้วออกไปจากห้อง “รีบลุกจากเตียงเถอะ ผมจะไปทำอาหาร”
เฉินเจียเหอกล่าวแล้วก็รีบมุ่งหน้าไปเข้าห้องน้ำ
หลินเซี่ยเองก็ต้องการเข้าห้องน้ำหลังจากลุกจากเตียง แต่เฉินเจียเหออยู่ในนั้น
เธอจึงวิ่งไปหาหู่จือในห้องนอนเพื่อเลือกเสื้อผ้าให้เขา
เมื่อเธอออกมาจากห้องนอน เฉินเจียเหอก็ยังคงอยู่ในห้องน้ำ
หลินเซี่ยทนไม่ไหว เธอจึงขึ้นเคาะประตู “เฉินเจียเหอ เร็ว ๆ หน่อย ฉันปวดฉี่”
ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับจากคนด้านใน
เธอหนีบขาเข้าหากันเพื่อกลั้นปัสสาวะพลางบ่นว่า “ทำไมคุณถึงช้าขนาดนี้ ผู้หญิงอย่างพวกเรายังไม่เข้าห้องน้ำนานขนาดนี้เสียด้วยซ้ำ”
“สหายเหล่าเฉิน คุณกำลังทำอะไรอยู่ในนั้นน่ะ?”
“ถ้ายังไม่ออกมาอีก ฉันจะพังประตูเข้าไปแล้วนะ!”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สงสารพี่เหอจังค่ะ เจ็บกับคำว่าลุงแล้วยังไม่สมหวังจนต้องปลดปล่อยตัวเองในห้องน้ำอีก เซี่ยเซี่ยทำไมใจร้ายกับคนแก่แบบนี้คะ ๕๕๕
ไหหม่า(海馬)