สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 723 จัดการปัญหาภายใน

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 723 จัดการปัญหาภายใน

บทที่ 723 จัดการปัญหาภายใน

ลู่จื่ออวิ๋นนอนอยู่ข้างหน้าต่างพลางอ้าปากหาว

ติงเซียงเข้ามาพร้อมกับอาหารเช้า “คุณหนู เมื่อคืนไม่ได้นอนหรือเจ้าคะ?”

“ข้านอนแล้ว”

เพียงแต่นอนไม่หลับ

นางตื่นอยู่ทั้งคืน

“พวกเขายังไม่กลับมาอีกหรือ?”

“พวกเขา? คุณหนูถามเรื่องท่านอ๋องจิ่นกระมังเจ้าคะ?” ติงเซียงมองความคิดของเจ้านายออกทะลุปรุโปร่ง

“ข้าเป็นห่วงว่าเขาจะพลาดพลั้ง” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “เกาอู่ก็ดี เจิ้งโหย่วหรงก็ดี ในเมื่อพวกเขาหักหลังแม่ทัพเฉิงได้ ย่อมวางแผนลับหลังเซี่ยเฉิงจิ่นได้เช่นกัน!”

“จิ่นอ๋องฉลาดหลักแหลมเพียงนั้น คงพิจารณาถึงความเสี่ยงนี้แล้ว การที่เขากล้าทำเช่นนี้จะต้องมั่นใจอย่างแน่นอน คุณหนูเพียงแค่อยู่ที่นี่ให้เขากลับมารับท่านเถอะเจ้าค่ะ! ท่านอ๋องจิ่นกำชับไว้แล้วว่า ก่อนเขาจะกลับมาท่านไม่อาจไปที่ใดได้ทั้งสิ้น” ติงเซียงเอ่ย

จากนั้นลู่จื่ออวิ๋นถึงได้ทานโจ๊กผักลง

ข้างนอกมีเสียงดังขึ้น นางวางช้อนในมือลงแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อเห็นเงาร่างที่คุ้นเคย สายตาของนางก็เปี่ยมไปด้วยความยินดี

นางรวบกระโปรงตนเองขึ้นแล้ววิ่งเหยาะ ๆ ออกไป

เซี่ยเฉิงจิ่นเห็นลู่จื่ออวิ๋นวิ่งออกมาจึงรีบเอื้อมมือออกไปรับนางทันที

ลู่จื่ออวิ๋นหยุดฝีเท้าได้ทัน ทว่าเท้านางกลับยืนได้ไม่มั่นคงนัก ทั้งตัวจึงโถมเข้าใส่เซี่ยเฉิงจิ่นเต็ม ๆ

ครานี้ นางพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างพอดิบพอดี

สีหน้าของคุณหนูใหญ่ลู่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ รีบร้อนถอนตัวออกมาจากอ้อมแขนเขาอย่างทุลักทุเล

เซี่ยเฉิงจิ่นมองนางด้วยแววตาอ่อนโยน “ทำให้เจ้าร้อนใจแล้วกระมัง?”

“ท่านไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ไม่เช่นนั้น หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นในอาณาจักรของเรา อาจนำพาไปสู่สงครามระหว่างสองอาณาจักรได้”

อะแฮ่ม! เสียงกระแอมเบา ๆ ดังขึ้นขัด ‘การเกี้ยวพาราสี’ ระหว่างทั้งสองคน

ลู่จื่ออวิ๋นมองไปข้างหลัง เห็นเพียงเงาร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ตรงนั้น

“ท่านอาฉี!” หญิงสาวตะโกนเรียก

ฉีเซียวเอ่ยด้วยท่าทีสงบ “ไม่ผิด เจ้ายังเห็นข้าอยู่หรือ”

ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ท่านอาฉี ท่านมาตั้งแต่เมื่อใดหรือ?”

“เพิ่งมาถึง” ฉีเซียวหันไปมองเซี่ยเฉิงจิ่น “เดิมทีอยากจะจัดการ ‘เรื่องภายในบ้าน’ แต่เมื่อข้ามาถึง ท่านอ๋องจิ่นก็จัดการเรียบร้อยแล้ว กล่าวไปแล้วยังต้องขอบคุณจิ่นอ๋องที่ช่วยข้าจัดการปัญหาไปได้ไม่น้อย”

“ใต้เท้าฉีเกรงใจแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ข้าควรทำ” เซี่ยเฉิงจิ่นดูเหมือนจะไม่เข้าใจ ‘การเหน็บแนม’ ของฉีเซียว เขากล่าวตอบด้วยท่าทีขึงขัง

“ในเมื่อจิ่นอ๋องจัดการเรื่องนี้ คงต้องรบกวนท่านตามไปกับข้าสักประเดี๋ยว”

“เคารพไม่สู้เชื่อฟัง”

“ท่านอาฉี เขาไม่ได้พักผ่อนทั้งคืน ให้เขาพักผ่อนก่อนค่อยจัดการเรื่องอื่นทีหลังเถิดนะเจ้าคะ!” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยปาก

สายตาภายใต้หน้ากากของฉีเซียวแฝงแววเย้าแหย่ “ลูกสาวโตแล้วไม่อาจรั้งไว้ที่บ้านจริง ๆ! เอาเถอะ เช่นนั้นให้เขาพักผ่อนก่อน หลังจากพักผ่อนแล้วค่อยมาหาข้าที่จวนว่าการ”

เซี่ยเฉิงจิ่นยื่นมือออกไปเกี่ยวก้อยของลู่จื่ออวิ๋นไว้ “ยังคงเป็นเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ที่รักข้า”

ลู่จื่ออวิ๋นถอนมือออกมาด้วยท่าทีหงุดหงิด นางเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะดึงติงเซียงออกไป

สถานการณ์วิกฤตจบลงแล้ว ลู่จื่ออวิ๋นไม่จำเป็นต้องอยู่ที่เมืองซื่อไห่อย่างหลบซ่อนอีกต่อไป

นายบ่าวทั้งสองเตร็ดเตร่ไปทั่วทั้งเมือง เห็นราษฎรทั่วทั้งถนนคุกเข่าไปทางศาลาว่าการ ทั้งยังพึมพำบางอย่างกับตนเอง

“ติงเซียง พวกเขากำลังเอ่ยอะไรหรือ?”

“ค่ายอินทรีย์ดำถูกกำจัดแล้ว ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับการปล้น เผา ฆ่า ข่มขืนอีกต่อไปจึงซาบซึ้งใจต่อศาลาว่าการที่ช่วยกำจัดภัยร้ายไปได้เสียที”

“หลายปีมานี้ศาลาว่าการล้วนไม่ได้ทำอะไร บัดนี้ค่ายอินทรีย์ดำถูกกำจัด เหตุใดพวกเขาจึงคิดว่าเป็นศาลาว่าการที่จัดการเล่า?”

“ผู้ที่ปราบโจรเป็นทหาร ราษฎรจึงคิดว่าเป็นการกระทำของทหาร อันที่จริงความเข้าใจนี้ก็ไม่ได้มีอะไรผิด แม่ทัพแซ่เฉิงผู้นั้นตายแล้ว ทำร้ายพวกเขาไม่ได้อีกต่อไป แต่ถึงแม้จะไม่ตาย สิ่งที่เขาทำหลายปีมานี้คงมีบทลงโทษพอที่จะฆ่าเขาเป็นร้อยครั้ง ทหารในตอนนี้ล้วนเป็นเพียงลิ่วล้อ พวกเขาทำตามที่เบื้องบนสั่งอย่างไม่อิดออดเพราะการกระทำความผิดนี้ บนศีรษะของพวกเขาย่อมมีรอยแปดเปื้อนแล้ว เพื่อที่จะกำจัดรอยแปดเปื้อนออก ภายหน้าพวกเขาต้องทำงานหนักขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อที่จะมีโอกาสก้าวหน้าต่อไป”

“กล่าวโดยรวมแล้ว การที่ท่านอ๋องจิ่นไม่ได้โดดเด่นขึ้นมาก็เป็นเรื่องที่ดีต่อสถานการณ์โดยรวม เขาเป็นท่านอ๋องอาณาจักรเฟิ่งหลิน หากรู้ว่าเรื่องภายในอาณาจักรเราถูกท่านอ๋องอาณาจักรเฟิ่งหลินจัดการคงทำให้จิตใจของราษฎรหนาวเหน็บ”

“ข้าทราบดี เพียงแต่รู้สึกว่า…” ลู่จื่ออวิ๋นมองราษฎรที่อยู่เบื้องหน้า “ช่างเถิด เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง ความโดดเด่นเช่นนี้ไม่ได้ก็แล้วไปเถอะ มันไม่มีประโยชน์อะไรต่อเขา”

ชั่วขณะหนึ่ง จู่ ๆ นางก็รับรู้ถึงปัญหาที่ไม่ควรค่าแก่การใส่ใจขึ้นมา

นางเฝ้ามองเซี่ยเฉิงจิ่นเสี่ยงชีวิตไปทีละก้าว เขาเค้นสติปัญญามากมายในการจัดการจิ้งจอกเฒ่าอย่างแม่ทัพเฉิงผู้นั้น ทว่าท้ายที่สุดผู้ที่รู้ความจริงกลับมีอยู่เพียงไม่กี่คน นี่ไม่เป็นธรรมต่อเขาเกินไปแล้วกระมัง!

อันที่จริงเมื่อมาลองคิดดูแล้ว ขอเพียงเป้าหมายบรรลุผลก็ใช้ได้ มีอะไรให้รู้สึกไม่เป็นธรรมกัน? ตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องกลับไปยังอาณาจักรเฟิ่งหลินอย่างปลอดภัย สิ่งอื่นใดล้วนไม่สำคัญ

เมื่อเซี่ยคุนมาถึง ฉีเซียวและเซี่ยเฉิงจิ่นก็ได้จัดการค่ายโจรบนภูเขาทั้งเล็กใหญ่อย่างหมดจดแล้ว

“พวกท่านทำเรื่องที่ข้าต้องทำหมดแล้ว ข้าจะทำอะไรต่อได้?” เซี่ยคุนไม่สบอารมณ์

อัครมหาเสนาบดีลู่ให้เขามาสร้างผลงานทางการทหาร ผลงานทางการทหารบ้าบออะไรกัน ตอนนี้ล้วนถูกพวกเขาแย่งงานไปหมดแล้ว

“ผู้ใดกล่าวว่าไม่มีอะไรให้ท่านทำ?” ฉีเซียวเอ่ย “ค่ายอินทรีย์ดำมีวิธีการเหี้ยมโหดยิ่ง ยามไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ออกปล้นชาวบ้าน ก่อนหน้านี้ยังปล้นพวกเรา บัดนี้กองกำลังรบของพวกเราเพิ่มขึ้นมา พวกมันไม่กล้าโจมตีพวกเราอีกจึงร่นถอยไปลงมือทางอาณาเขตอาณาจักรเหลียง โจรเช่นนี้ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ”

“ท่านอยากให้ข้าสวมชื่อค่ายอินทรีย์ดำไปอาณาจักรเหลียงรึ…” เซี่ยคุนประหลาดใจ

“เหตุใดค่ายอินทรีย์ดำถึงหลบหนีไปยังอาณาจักรเหลียงได้สำเร็จอยู่ร่ำไป? อาณาจักรเหลียงมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด ท่านไม่เคยสงสัยเลยหรือ? พวกเราตรวจสอบจวนของเฉิงซื่อจวินกลับไม่พบสิ่งใดเลย ทว่าหลายปีเพียงนี้ เฉิงซื่อจวินยักยอกไปไม่น้อย อีกทั้งเฝิงฉี่เหนียนยังส่งเพชรนิลจินดาให้เขาไม่ขาดเช่นกัน ตอนนี้ของเหล่านั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ขัดกับการยักยอกของเขาตลอดหลายปี ดังนั้นทำได้เพียงเข้าไปสืบหาในอาณาจักรเหลียงแล้ว”

“ยังมีอีกจุดหนึ่ง เมืองซื่อไห่วุ่นวายเช่นนี้ ในราชสำนักกลับไม่มีผู้ใดกล่าวถึง เกรงว่าจะมีคนคอยปิดบังให้เฉิงซื่อจวิน อีกทั้งผู้ที่ปิดบังให้เฉิงซื่อจวินในราชสำนักจะต้องมีตำแหน่งสูงส่ง ในเมื่อไม่อาจตรวจหาเบาะแสใด ๆ ได้จากจวนที่อยู่อาศัยของแแม่ทัพเฉิง เช่นนั้นก็ไปเมืองไป๋เยวี่ยในอาณาจักรเหลียงเถอะ! ที่นั่นห่างจากเมืองซื่อไห่เพียงเขาหนึ่งลูก หากเฉิงซื่อจวินสมคบคิดกับอาณาจักรเหลียงจริง เขาจะต้องติดต่อกับขุนนางในเมืองไป๋เยวี่ยเป็นแน่”

“ฮ่องเต้พระองค์ใหม่เพิ่งขึ้นครองราชย์ ในราชสำนักมีผู้ไม่พอใจเป็นจำนวนมาก เพียงแต่คอยหลบซ่อนอยู่ในเงามืดเท่านั้น พวกเราถือโอกาสนี้ตรวจสอบเมืองซื่อไห่ให้ทะลุปรุโปร่งเถอะ นอกจากนี้ยังต้องส่งหนังสือถึงฝ่าบาทให้เขาจัดผู้ที่ไว้ใจได้มาดูแลเมืองซื่อไห่ก่อนด้วย”

เซี่ยคุนและฉีเซียวหารือเรื่องในราชสำนักด้วยกัน

เขาหันกลับมามองเซี่ยเฉิงจิ่นผู้นั่งอยู่ข้าง ๆ กวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า

“วิธีการของจิ่นอ๋องไม่เลว นึกไม่ถึงว่าจะโน้มน้าวให้เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์เสี่ยงชีวิตเพื่อท่านได้” เซี่ยคุนรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

เขาเฝ้ามองเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์มาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ เห็นนางเป็นลูกสาวคนหนึ่งมาโดยตลอด ในความคิดของเขา เซี่ยเฉิงจิ่น เจ้าเด็กคนนี้เต็มไปด้วยปัญหายุ่งยากมากมาย เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ถูกเจ้าเด็กนี่ล่อลวงแล้ว เส้นทางนี้เดินได้ลำบากยิ่ง

“แม่ทัพเซี่ย สิ่งสุดท้ายที่ข้าต้องการคือปล่อยให้เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์มาเสี่ยงกับข้า ครั้งนี้เป็นเพียงอุบัติเหตุ ข้านึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยื่นมือยาวสาวมาไกลเพียงนี้ ถึงกับติดสินบนขุนนางและทหารของเมืองซื่อไห่ได้” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ย “วางใจเถอะ ครานี้ข้ากลับไป จะจัดการเรื่องเหล่านั้นให้จบโดยเร็ว เช่นนี้จะได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและปลอดภัยต่อการแต่งเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์เข้าไป”

เซี่ยคุน “…”

ฉีเซียว “…”

เจ้าเด็กนี่พูดบ้าอะไรกัน!

เรื่องราวยังไม่มีทีท่าว่าจะเกิด ตอนนี้กลับเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานแล้ว อ๋องหนุ่มผู้นี้ไม่เคยเห็นกำปั้นลู่อี้หรืออย่างไร?

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท