สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 746 ข้าจะตรวจสอบอีกครั้ง

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 746 ข้าจะตรวจสอบอีกครั้ง

บทที่ 746 ข้าจะตรวจสอบอีกครั้ง

ท่านอย่าได้รีบร้อน ข้าจะยื่นเรื่องให้ตรวจสอบใหม่อีกครั้ง” มู่ซืออวี่เอ่ย “ถึงแม้ท่านจะยอมจำนนต่อโชคชะตาแล้วจริง ๆ ก็ควรรู้ที่มาที่ไปของเรื่องอย่างกระจ่างแจ้งชัดเจน ไม่ใช่เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างในตอนนี้”

ก่อนมู่ซืออวี่จะออกจากคุก นางแจ้งว่าจะส่งของใช้ในชีวิตประจำวันมา รบกวนพวกเขาดูแลท่านหมอจูผู้ที่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงให้ดีด้วย

นักการได้รับสิบตำลึงเงินเป็นค่าตอบแทน ผู้ใดจะไม่รับปากบ้าง? อย่าว่าแต่ให้ดูแลเลย หากอยากจะให้เขารับใช้ท่านหมอจู นั่นก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน

มู่ซืออวี่ไปหานายอำเภอกู่อีกครั้ง แล้วหยิบยกเรื่องการตรวจสอบคดีขึ้นมา

นายอำเภอไม่ได้ปฏิเสธ ทั้งยังจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ทางการสองคนพามู่ซืออวี่ไปที่สกุลอิน ส่วนศพนั้น อาจตรวจสอบไม่ได้เพราะถูกฝังไปแล้ว

ณ จวนอิน

มู่ซืออวี่พาซางจือมายังสถานที่เกิดเหตุ

นางเพิ่งไปดูครัวเล็ก ๆ ที่ท่านหมอจูใช้ต้มยา ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้ารุดเข้ามาจากด้านนอกอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นาน ดรุณีน้อยหน้าตางดงามผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

“พวกเจ้าคือผู้ใด?”

มู่ซืออวี่มองสำรวจดรุณีน้อยผู้นั้น “พวกเราเป็นคนจากศาลาว่าการ อินอวี๋ซื่อเป็นอะไรกับพวกเจ้า?”

“เป็นมารดาข้า” อินซู่หลานเอ่ยด้วยสีหน้าเยือกเย็น “พวกเจ้ามาตรวจสอบคดีแม่ข้าหรือ? ไม่ใช่ว่าคดีของแม่ข้าไม่ได้ปิดไปแล้วรึ?”

“ผู้ใดบอกว่าปิดแล้ว? คดีนี้ยังมีจุดที่น่าสงสัยอีกมาก จำต้องตรวจสอบใหม่อีกครั้ง”

“ถึงแม้จะตรวจสอบอีกครั้ง คงไม่ควรเป็นสตรีผู้หนึ่งมาตรวจสอบกระมัง? เจ้ามีตำแหน่งอะไรในศาลาว่าการ?” อินซู่หลานเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด

“บังอาจ!” ซางจือตะคอก “ฮูหยินของพวกเรา…”

“ซางจือ” มู่ซืออวี่เอ่ยขัดสาวใช้ ป้องกันไม่ให้เปิดเผยตัวตนออกไป

นางกลับมาเพราะอยากมาเยี่ยมครอบครัวและสหาย มาดูบ้านเกิด ไม่ได้ต้องการดึงดูดความสนใจของคนมากมาย หากข่าวเรื่องฮูหยินอัครมหาเสนาบดีปรากฏตัวในเมืองฮู่เป่ยแพร่กระจายออกไป เช่นนั้นนางคงไม่อาจใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้แล้ว

“นายอำเภอกู่ให้ข้ามาตรวจสอบ ย่อมต้องเป็นเพราะข้ามีความสามารถด้านนี้ แม่นางน้อย ตอนนี้สิ่งที่เจ้าควรทำคือเชื่อใจทางการ ไม่ใช่เห็นผู้ใดล้วนเป็นศัตรูไปทั้งสิ้น” มู่ซืออวี่เอ่ย “หากเจ้าไม่ให้ความร่วมมือ เช่นนั้นข้าคงทำได้เพียงขอให้ผู้อาวุโสของเจ้าขังเจ้าเอาไว้ ป้องกันไม่ให้เจ้ามาขัดขวางการตรวจสอบคดี”

“ในเมื่อเจ้ามาที่นี่เพื่อจัดการคดี เช่นนั้นเหตุใดแม้กระทั่งเรื่องที่สกุลอินเราไม่มีผู้อาวุโสก็ยังไม่รู้?” อินซู่หลานเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ตอนนี้ข้าเป็นเจ้าบ้าน!”

มู่ซืออวี่หันกลับไปมองเจ้าหน้าที่ทางการสองคนที่ตามนางมา

หนึ่งในเจ้าที่ทางการเอ่ยขึ้น “ฮูหยิน สกุลอินเป็นผู้ค้าชา ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นฮูหยินอินที่ดูแลไร่ชาและร้านค้า ตอนนี้สกุลอินเหลือเพียงคุณหนูผู้นี้ ดังนั้นคุณหนูอินจึงเป็นเจ้าบ้านโดยแท้ขอรับ”

“ไม่ใช่” เจ้าหน้าที่ทางการอีกผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น “ไม่ใช่ว่านางยังมีท่านน้าอีกท่านหรือ?”

“ท่านน้าข้าออกไปทำการค้าแล้ว” อินซู่หลานเอ่ย “พวกเจ้าศาลาว่าการต้องการตรวจสอบอะไรกันแน่? คดีนี้กระจ่างชัดแล้ว ท่านแม่ข้าถูกหมอเก๊ผู้นั้นฆ่าตาย ยังมีอะไรให้ตรวจสอบอีก?”

“หากศาลาว่าการอยากตรวจสอบคดี นั่นหมายความว่าคดีนี้ยังมีข้อสงสัย คุณหนูอินกลัวข้าตรวจสอบปานนี้ คงไม่ได้กลัวว่าข้าจะตรวจพบอะไรกระมัง?” มู่ซืออวี่จ้องอิงซู่หลาน “เจ้าไม่อยากให้ข้าตรวจสอบให้กระจ่างหรือ?”

“เหลวไหล ท่านแม่ข้าตายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม ข้าจะไม่อยากให้ตรวจสอบเรื่องนี้ออกมาอย่างกระจ่างได้อย่างไร? ข้าเพียงแต่ไม่อยากฟังพวกเจ้าเอ่ยถึงเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำเติมรอยแผลเป็นข้า ดี! พวกเจ้าต้องการตรวจสอบก็ย่อมได้ ข้าให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งชั่วยาม หลังจากหนึ่งชั่วยามแล้ว ถ้าพวกเจ้ายังไม่ไป ข้าจะไปขอคำอธิบายเรื่องนี้กับนายอำเภอกู่”

ซางจือมองคุณหนูไร้กฎเกณฑ์ผู้นั้นเดินจากไป จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยความโมโห “ฮูหยิน นางเป็นเพียงบุตรสาวผู้ทำการค้าเล็ก ๆ คนหนึ่ง แต่ช่างยโสโอหังจริง ๆ นะเจ้าคะ”

“ซางจือ เจ้าไม่รู้สึกแปลกหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ย “มารดาของนางตาย อีกทั้งยังผ่านไปได้ไม่นาน แต่ข้าเห็นเพียงความกังวลและความโกรธแค้นในแววตาของนาง ไม่มีความโศกเศร้าเลยสักนิด”

“บางทีความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกอาจไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก” ซางจือคาดเดา

มู่ซืออวี่ถามเจ้าหน้าที่ทางการ “ความสัมพันธ์ของพวกนางสองแม่ลูกเป็นอย่างไร?”

เจ้าหน้าที่ทางการตอบ “ฮูหยินอินเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาว นางเลี้ยงคุณหนูอินมาเพียงลำพัง หลายปีมานี้ต่างพึ่งพากันและกัน ถึงแม้ฮูหยินอินจะเข้มงวดกวดขันไปบ้าง แต่นางรักลูกสาวเป็นอย่างยิ่ง แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยได้ยินว่าความสัมพันธ์ของสองแม่ลูกย่ำแย่ ทุกคนล้วนกล่าวว่าทั้งสองคนเหมือนเป็นพี่สาวน้องสาวเสียมากกว่า”

“พี่สาวน้องสาว?” ซางจือประหลาดใจ

“ถึงแม้ฮูหยินอินจะอายุปาเข้าไปสามสิบแล้ว ทว่าผิวพรรณนางกลับเนียนละเอียดดุจหิมะ อีกทั้งยังงดงามกว่าคุณหนูอิน เมื่อสองปีก่อนเกิดเรื่องขึ้น ว่ากันว่ามีคุณชายจากสกุลคหบดีผู้หนึ่งตกหลุมรักคุณหนูอินตั้งแต่แรกพบ ขณะที่เขาพาแม่สื่อมาสู่ขอแต่งงาน เขาเห็นฮูหยินอินผู้ที่ทั้งงดงามและมีเสน่ห์มากกว่าจึงเปลี่ยนใจกะทันและสู่ขอฮูหยินอินแทน”

ทุกคน “…”

มู่ซืออวี่นึกว่าตนเป็นผู้รอบรู้ที่เห็นโลกมามากแล้วเสียอีก

ในสถานที่เช่นยุคปัจจุบัน มีข่าวซุบซิบนินทาใดที่ไม่เคยได้ยินบ้างเล่า? เพียงแค่เปิดมือถือ คลิกเข้าไปในแอปวิดีโอแอปหนึ่ง เรื่องราวไร้สาระทั้งปวงที่ชวนให้ผู้คนสงสัยว่าตนแปลกแยกแตกต่างหรือไม่ล้วนรวมอยู่ในนั้น

ทว่าเมื่อได้ฟังเรื่องนี้ นางยังต้องตกตะลึงกับเขาบ้างแล้ว

“จากนั้นเล่า?” ซางจือรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา

แม้จะตกตะลึง ทว่าเรื่องราวที่ร้อนแรงเช่นนี้ย่อมต้องมีจุดจบ ไม่เช่นนั้นคงเหมือนกับการอ่านบทละครที่ไร้ที่สิ้นสุด ต้องกลับไปนึกวนเวียนทั้งวันว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร และอยากจะทุบตีผู้เขียนสักสิบครั้งให้หนำใจ เขาจะได้กลับมาเขียนตอนอวสาน

“ฮูหยินอินย่อมไม่รับปาก นางให้ผู้คุ้มกันขับไล่พวกเขาออกไปจากจวน “อย่างไรก็ดี เหตุการณ์นี้กลายเป็นข่าวเล่าลือระลอกใหญ่ในเมืองฮู่เป่ย คุณหนูอินไม่ยอมออกจากบ้านเป็นเวลาหกถึงเจ็ดเดือน”

แน่นอนว่าข่าวลือเหล่านี้ล้วนมาจากบ่าวรับใช้ในจวน นับว่าเชื่อถือได้ประมาณหนึ่ง

“หากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นจริง ๆ ความสัมพันธ์ของฮูหยินอินและคุณหนูอินอาจได้รับผลกระทบ” มู่ซืออวี่เอ่ย “หากนางเกลียดมารดา เมื่อมารดาตายไป นางไม่เสียใจก็เป็นเรื่องปกติ”

เพียงแต่หากเป็นเพราะบุรุษเพียงคนเดียว เช่นนี้จะเย็นชาเกินไปหน่อยหรือไม่

“ฮูหยิน ท่านหมายความว่า…” ซางจือลดเสียงลงเอ่ยเบา ๆ “คุณหนูอินน่าสงสัยหรือเจ้าคะ?”

“ก่อนที่ผลลัพธ์จะออกมา ข้าว่าผู้ใดก็ล้วนน่าสงสัยทั้งสิ้น” มู่ซืออวี่ถามเจ้าหน้าที่ทางการอีกครั้ง “ท่านน้าที่พวกเจ้าเอ่ยถึงเมื่อครู่เป็นผู้ใดกัน? น้องชายฮูหยินอินหรือ?”

“ใช่ขอรับ” เจ้าหน้าที่ทางการเอ่ย “ก่อนหน้านี้กิจการของฮูหยินอินล้วนดูแลด้วยกันกับท่านน้าผู้นี้ นายท่านอวี๋เป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถมากที่สุด เขาเปรียบเสมือนมือขวา”

“เจ้าเล่าความสัมพันธ์ในสกุลอินให้ข้าฟังที”

คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อห้าวันก่อน คนของศาลาว่าการย่อมตรวจสอบเสร็จสิ้นนานแล้ว หากพวกเขาหาเบาะแสใด ๆ ก็คงพบตั้งแต่ตอนนั้น บัดนี้สถานที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่ในสภาพเดิม แม้จะมีร่องรอยก็คงถูกลบไปแล้วเช่นกัน

ทว่ามู่ซืออวี่ยังคงไม่อยากพลาดรายละเอียดใด ๆ ไปทั้งสิ้น

นางยืนอยู่หน้าเตียง เอ่ยถามบ่าวรับใช้ข้างหลัง “ของในห้องนี้เคยถูกเคลื่อนย้ายหรือไม่?”

“เตียงไม่ได้เปลี่ยนเจ้าค่ะ แต่ของบนเตียงเปลี่ยนแล้ว” สาวใช้ตอบ

“ห้องนี้…” มู่ซืออวี่ดูการตกแต่งห้อง “ตอนนี้ผู้ใดพักอยู่ที่นี่?”

นางพอคาดเดาได้แล้ว เพียงแต่ต้องการให้บ่าวรับใช้ยืนยันให้อีกครั้ง

“คุณหนูของพวกเราเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้เอ่ย “คุณหนูบอกว่านางคิดถึงมารดา นับตั้งแต่นี้ไปห้องนี้จะเป็นห้องนาง นางจะได้สัมผัสถึงกลิ่นอายของฮูหยินได้ทุกเมื่อเจ้าค่ะ”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท