อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร – ตอนที่ 311 ไม่ควรขี้ขลาด

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 311 ไม่ควรขี้ขลาด

พวกมู่เถาเยาเหาะไปจนกระทั่งอีกครึ่งชั่วโมงจะถึงปากทางก็ลงสู่พื้นแล้วเดินออกไป

ถนนหนทางทุกเส้นของเผ่าหมาป่าพระจันทร์มีกล้องวงจรปิด รวมถึงทางหลวงในชนบท ดังนั้นอย่าทำตัวโดดเด่นจะดีกว่า

เทาน้อยสองตัวที่สองพี่น้องแบกตื่นเต้นมาตลอดทางจนเหนื่อย พวกมันหลับสนิทอยู่ในกระเป๋าเป้ตอนที่พวกเขาลงเดิน

พอทั้งสามคนเดินออกมาจากป่า เย่ว์จือเหิงก็ขับรถมารออยู่ก่อนแล้ว

“พี่ใหญ่”

เย่ว์จือเหิงรีบเดินเข้ามาทักทายแล้วช่วยเอาของลงจากบ่าของน้องสาวก่อน

“หมาป่าน้อยหลับแล้วค่ะ”

เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่กลับมาได้บอกแล้วว่าจะพาเทาน้อยสองตัวกลับมาด้วย พอเย่ว์จือเหิงเห็นลูกหมาป่าสองตัวในกระเป๋าเป้จึงไม่ตกใจอะไร

“อืม พวกมันอ่อนแอมาก แถมยังตื่นเต้นดีใจมาตลอดทาง”

เริ่มตื่นเต้นดีใจตั้งแต่ออกมาจากถ้ำหมาป่า ใช้พลังงานในร่างกายหมดเกลี้ยงแล้ว

แต่ความสุขทางจิตใจก็มีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูร่างกาย

“เสี่ยวเยาเยาจะเลี้ยงพวกมันไว้ที่เผ่าหรือเอาไปหมู่บ้านเถาหยวนด้วย”

“เอาไปหมู่บ้านเถาหยวนด้วยค่ะ ที่นั่นเหมาะกว่า อยู่ใกล้ป่าเขา แถมยังมีสัตว์เล็กชนิดอื่นจำนวนมาก มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของพวกมัน ถ้าเลี้ยงไว้ในเมืองกลัวจะเป็นเหมือนพวกหมาบ้าน”

ที่หมู่บ้านเถาหยวนมีเสี่ยวเฮยเฮยที่แสนโลดโผน อาจเป็นเพื่อนสนิทของพวกมันได้

“ได้ พวกเรากลับก่อนค่อยคุยกัน คนที่บ้านชะเง้อคอรอนานแล้ว”

“ค่ะ”

มู่เถาเยากับเย่ว์จือกวงอุ้มเทาน้อยคนละตัวขึ้นรถ

กลัวพวกมันตื่นกะทันหันจึงไม่กล้าเอาไว้กระบะด้านหลัง

พอกลับถึงตำหนักพระจันทร์ทุกคนก็มามุงดูลูกหมาป่า

เฉิงอันนั่วยิ้มพูด “เหมือนพวกลูกหมาบ้านเลย คนไม่รู้คงไม่คิดว่าเป็นหมาป่า”

ปาอิน “เดิมทีหมาป่ากับหมาบ้านที่ยังเล็กๆ ก็แยกยากอยู่แล้ว”

ทุกคนพากันพยักหน้า

คนเผ่าหมาป่าพระจันทร์ที่เคยเจอหมาป่ามีอยู่ไม่น้อย คนประเทศเหยียนหวงบางพื้นที่พบเห็นหมาป่าอยู่บ่อยๆ

แต่คนระดับตี้อู๋เปียนไม่มีบุญตาแบบนั้น

“ซาลาเปาน้อย พวกมันเล็กแบบนี้กินเนื้อดิบได้เหรอ”

“กินไม่ได้ ก่อนหน้านี้พวกมันกินอาหารที่ราชาหมาป่าขย้อนออกมา ตอนนี้กินพวกน้ำแกงได้ ท้องไส้พวกมันอ่อนแอมาก กินอย่างอื่นจะย่อยยาก”

ตี้อู๋เปียนพยักหน้า “แล้วต้องเลี้ยงนานเท่าไรถึงจะหายดีเหรอ”

“ขึ้นอยู่กับความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายของพวกมัน อย่างเร็วก็ประมาณหนึ่งปี อย่างช้าก็ปีครึ่งถึงสองปี”

ลุงหลาน “เจ้าหญิงน้อยครับ วันนี้พวกเรากินแพะย่างกัน ต้มน้ำแกงแพะไว้ด้วย ผมจะไปตักมาเก็บไว้ก่อน รอพวกมันตื่นค่อยกิน”

“ดีค่ะ”

กินอาหารเย็นเสร็จเทาน้อยสองตัวก็ยังไม่ตื่น

มู่เถาเยาจึงย้ายพวกมันไปไว้ที่สวนหย่อมด้านนอก ระหว่างรอก็จัดการสมุนไพรไปด้วย

ลุงหลานกับลุงจงช่วยกันทำบ้านที่สบายๆ ให้พวกมัน เลี้ยงพวกมันเหมือนลูกหมาบ้านตัวเล็กๆ แล้ว

ตี้อู๋เปียนหยิบสมุนไพรที่ปลายใบมีจุดแดง ใบหนาคล้ายพืชสีเขียวที่อวบอิ่มพลางถาม “ซาลาเปาน้อย นี่ต้นอะไรเหรอ”

“นี่เป็นสมุนไพรที่เอาไว้รักษาโรคมีบุตรยาก เรียกว่าลูกดก ผลของมันเท่าเมล็ดข้าวสาร ขึ้นเบียดกัน ต้นหนึ่งมีลูกเกือบพัน”

อืม ลูกดกจริงๆ

ฉือซานกับสามีได้ใช้แน่

ตี้อู๋เปียนวางลง หยิบต้นสีแดงขึ้นมาถาม “แล้วอันนี้ล่ะ”

“นี่เป็นของดีที่เอาไว้รักษาโรคสตรี…” บลาๆๆ

มู่เถาเยาแอบตื่นเต้นเล็กน้อย ถึงแม้หงเย่าฉาต้นนี้จะไม่ได้หายากเหมือนหญ้าอายุยืน แต่ก็เป็นสมุนไพรที่ล้ำค่ามาก

เงื่อนไขทางสภาพแวดล้อมการเจริญเติบโตสูงมาก คนปลูกเองไม่ได้

ตี้อู๋เปียน “…ซาลาเปาน้อย งั้นพวกเราจะกลับหมู่บ้านเถาหยวนกันเมื่อไร”

ไม่กล้าหยิบสมุนไพรขึ้นมาถามแล้ว กลัวจะเป็นของประหลาดอีก

ทั้งๆ ที่เขาก็เรียนความรู้ด้านการแพทย์มาเยอะ แต่ก็ยังคงมีสิ่งที่ไม่รู้

“คิดไว้ว่าจะกลับวันพุธ คุณรีบเหรอ”

“เปล่า ฉันแค่อยากบอกว่า งานแข่งขันกีฬานานาชาติเปิดฉากคืนนี้ เธออยากไปดูการแข่งขันที่สนามจริงไหม”

มู่เถาเยาส่ายหน้า “ไม่ไปล่ะ ฉันดูโทรทัศน์เอาก็ได้” ดูแค่รายการแข่งขันที่เธอสนใจก็พอ

“อ่อ”

มู่เถาเยาหันมองคนชราที่นั่งอยู่ด้านหลังพวกเขา “คุณตาคุณยายคะ พรุ่งนี้พวกเรากลับบ้านตระกูลเป่ยกันไหมคะ”

วันจันทร์ วันอังคารทำยา วันพุธกลับหมู่บ้านเถาหยวน

พรุ่งนี้วันอาทิตย์ ตอนเช้าฝังเข็มให้ตี้อู๋เปียน ตอนบ่ายไปทำความรู้จักบ้านตระกูลเป่ยได้

คนชราทั้งสองตอบตกลงด้วยความดีใจ

เย่ว์หลั่ง “ลูกรัก พรุ่งนี้พ่อไปส่งกลับบ้านตระกูลเป่ยนะ”

“ได้ค่ะ”

คุณยายยิ้มพูด “ทุกคนไปดื่มชายามบ่ายด้วยกันสิ”

คนอื่นๆ ต่างพยักหน้า

“คุณตาคุณยายเก็บของเสร็จแล้วหรือยังคะ พรุ่งนี้จะค้างที่บ้านไหมคะ”

“พรุ่งนี้ยายกับตากลับบ้านจะค้างสักสองวัน บ่ายวันอังคารค่อยขนสัมภาระมา เสี่ยวเยาเยา พรุ่งนี้รู้จักทุกคนเสร็จหลานก็กลับตำหนักพระจันทร์มาพร้อมทุกคนเลยนะ ช่วงสองวันนี้หลานต้องทำยา จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา”

มู่เถาเยาพยักหน้า

เธอรู้ว่าคุณตาคุณยายเห็นใจที่ช่วงนี้เธองานยุ่งมาก

เย่ว์จือกวง “เดี๋ยวอังคารบ่ายผมไปรับนะครับคุณตาคุณยาย”

“อืม”

หงิงๆ

เทาน้อยสองตัวตื่นพร้อมกัน

พอเห็นคนเยอะแบบนี้ก็ชักกลัว

ตอนพวกมันอยู่ป่าพิษหมาป่าไม่ค่อยได้ออกจากถ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเจอคนเลย

นี่ก็อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ราชาหมาป่าขาวยอมให้พวกเขาพาพวกหมาป่าน้อยออกมา

เป็นถึงหมาป่า อีกทั้งยังเป็นขาใหญ่ในป่าพิษหมาป่า ลูกชายของราชาหมาป่า พวกมันไม่ควรขี้ขลาด

แต่นี่ก็จะโทษเจ้าสองตัวน้อยนี้ไม่ได้

งื้ดๆ

มู่เถาเยากับเย่ว์จือกวงแบ่งกันอุ้มมันขึ้นมาปลอบ

ลุงหลานไปยกน้ำแกงแพะออกมา

สองตัวน้อยพอได้กลิ่นหอมของเนื้อก็เริ่มอยู่ไม่สุข

งื้ดๆ

มู่เถาเยายกชามน้ำแกงแพะที่ต้มจนเปื่อยมาให้พวกมันกิน

ปาอินพูดด้วยความแปลกใจ “พวกมันกินช้ามาก ไม่เหมือนสายเลือดของพวกหมาป่าเลยสักนิด”

“อืม พวกมันอ่อนแอเกินไป เทียบกับหมาป่าตัวอื่นไม่ได้หรอก”

ย่าเย่ว์ยิ้มถาม “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ อาการบาดเจ็บของแม่พวกมันเป็นยังไงบ้างแล้ว”

“ฟื้นตัวได้เร็วมากค่ะ ลุกขึ้นมาเดินได้แล้ว ถ้าพวกมันเข้าใจที่หนูบอกให้กินยาตามเวลา อีกครึ่งเดือนก็จะหายสนิทค่ะ”

เย่ว์จือกวง “เสี่ยวเยาเยา สุดสัปดาห์หน้าพี่จะไปดูพวกมันให้”

“ค่ะ”

ไม่มีของขวัญแล้ว เพราะช่วงสองสามวันนี้ขึ้นเขาไม่เจอสมุนไพรที่เอามาทำยาเสริมสมรรถภาพร่างกายได้

ปาอิน “เสี่ยวเยาเยา พอพวกเธอกลับหมู่บ้านเถาหยวนฉันจะพาเสี่ยวเฉิงไปเที่ยวรอบเผ่า”

“อืม รบกวนด้วยนะ”

“ไม่รบกวนเลย ฉันเป็นเจ้าถิ่น สมควรทำอยู่แล้ว”

“โอเค”

ปาเฝ่ยไม่ค่อยพอใจที่น้องสาวสุดหวงจะพา ‘ผู้ชายข้างนอก’ ไปเที่ยวตามลำพัง แต่ช่วงสิบกว่าวันมานี้ที่อยู่ด้วยกัน คนในครอบครัวไว้ใจ ‘ผู้ชายข้างนอก’ คนนี้มาก เขาเองก็จนปัญญา

แต่เขาเองก็เชื่อในนิสัยใจคอของ ‘ผู้ชายข้างนอก’ คนนี้ ใครใช้ให้เป็นศิษย์หลานของหัวหน้าเผ่าน้อยล่ะ

เอาแค่เหตุผลข้อนี้คนในครอบครัวก็ไม่มีทางเป็นห่วงอะไรแล้ว

เฉิงอันนั่วยิ้มพูด “อาจารย์อาเล็กครับ ช่วงที่ผ่านมานี้ผมได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ จากพี่ชายของปาอินแล้วก็ปาอินเยอะเลยครับ”

“สามคนเดินเคียง ย่อมมีอาจารย์ของเรา นายต้องรู้จักตั้งคำถามให้มาก คิดให้เยอะ จะได้ทลายจุดอิ่มตัว”

“ครับอาจารย์อาเล็ก ช่วงสองสามปีนี้ผมคงไม่ค่อยกลับเย่ว์ตู พ่อกับแม่อาจไม่ชินในช่วงแรก…”

เขาโตขนาดนี้แทบจะไม่เคยไปจากเมืองเย่ว์ตูเลย ยกเว้นตอนไปเที่ยวตามลำพังนานๆ ที กับตอนที่ตามพ่อไปรักษาคนไข้ต่างเมือง

อย่าว่าแต่พ่อกับแม่จะไม่ชินในช่วงแรก บางครั้งเขาก็คงรู้สึกแปลกๆ

ถึงแม้การอยู่ห่างจากบ้านจะไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจ แต่เรื่องคิดถึงต้องมีแน่นอน

โชคดีที่พ่อกับแม่เขายังอายุไม่มาก ไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพ

“วางใจเถอะ ฉันจะไปกินข้าวเป็นเพื่อนศิษย์พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้บ่อยๆ นายอยู่ข้างนอกก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี ถ้ามีเรื่องอะไรที่บอกพ่อกับแม่ไม่ได้ก็มาบอกฉัน เงินพอใช้หรือเปล่า”

เธอเป็นผู้อาวุโสนะ

“พอครับ ขอบคุณครับอาจารย์อาเล็ก”

ปู่เย่ว์หัวเราะหึหึ “สำนักแพทย์โบราณของพวกเธอสนิทกันดีนะ เหมือนเป็นครอบครัวใหญ่ที่รักใคร่ปรองดอง”

ย่าเย่ว์ก็ยิ้มพูด “เป็นเพราะหมอเทวดาหยวนสอนมาดี”

มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน “อาจารย์หนูเป็นคนดีมากค่ะ ไม่มีใครไม่ชอบเขา”

คุณยายลูบผมยาวของหลานสาวด้วยสายตาเอ็นดู

จากข่าวคราวที่เป่ยซีลูกสาวของเธอส่งมา หมอเทวดาหยวนเป็นคนที่สูงส่งมากจริงๆ

สวรรค์ยุติธรรม

สูญเสียจากทางนี้ ไปเสริมกลับมาจากทางนั้น

พวกเขาไม่ตัดพ้อ ไม่โกรธเคืองแล้ว

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

Status: Ongoing
มองจากภายนอกเธอคือหญิงสาวจากหมู่บ้านชนทบทที่ห่างไกล แม้รูปโฉมไม่ธรรมดาแต่จะมีอะไรมากไปกว่านั้น แต่ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังของเธอนั้นคือ ‘หมอเทวดา’ ผู้มีฝีมือไม่เป็นสองรองใคร!นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีในเมืองใหญ่ นางเอกเก่งทั้งรักษาโรคและวรยุทธ์โคจรมาเจอกับพระเอกขี้โรคสุดหลงตัวเอง!โลกของอดีตจักรพรรดินีอย่าง มู่เถาเยา ถึงคราวกลับตาลปัตรเมื่อต้องมากลายเป็นเด็กทารกที่ยังมีความทรงจำเดิมในชาติก่อน?! อีกทั้งโลกใหม่นี้ยังแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงหลายปีผันผ่านเธอหลอมรวมเข้ากับโลกใหม่ใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์พร้อมได้รับวาสนาเป็นศิษย์ของหมอเทวดาผู้เก่งกาจประสบการณ์และพรสวรรค์มากมายในชาติก่อนแล้วทำให้เธอเก่งกาจเหนือกว่าผู้ใดพร้อมก้าวเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อร่ำเรียนและฝึกฝนหาประสบการณ์ชีวิตในโลกใหม่แปลกหน้าใบนี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท