ตอนที่ 167 ขั้นสอง (1)
“การแข่งขันแลกเปลี่ยนนักศึกษาใหม่ทั่วประเทศครั้งแรกปิดฉากลงด้วยเซี่ยงไฮ้เป็นผู้คว้าแชมป์!”
“ปักกิ่งปราชัย เสียชื่อมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อันดับหนึ่ง!”
“ช่างน่าเสียดาย ฟางผิงหัวหน้าทีมเซี่ยงไฮ้ไม่ได้ประชันฝีมือกับหานซวี่หัวหน้าทีมของปักกิ่ง”
“นักศึกษาใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดคือใครกัน?”
—
ในอินเทอร์เน็ตยังคงโพสต์หัวข้อถกเถียงกันเต็มไปหมด
ใครคือนักศึกษาใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุด?
หานซวี่?
หานซวี่เอาชนะซุนหมิงอวี่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง แต่เขาพ่ายแพ้ติดต่อกัน รอบแรกยังพอว่า แต่การแข่งรอบตัดสินเขาแพ้ให้กับเฉินอวิ๋นซี นี่ทำให้หลายคนคิดว่าหานซวี่ไม่ได้มีชื่อเสียงตามคำร่ำลือ เขาอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางผิงเสมอไป
เฉินอวิ๋นซีเป็นสมาชิกทีมสำรองของเซี่ยงไฮ้ แต่ฟางผิงเป็นหัวหน้าทีม ทุกคนคิดว่าฟางผิงต้องแข็งแกร่งกว่าเฉินอวิ๋นซีอยู่แล้ว
แต่ฟางผิงไม่ได้ประมือกับหานซวี่ ทั้งไม่ได้ต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสักคน ใครจะกล้าตัดสินว่าฟางผิงนั้นแข็งแกร่งที่สุด?
เขาเอาชนะทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยสี่คนรวด แต่ทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยถูกคัดออกเป็นทีมแรก จึงไม่สามารถพิสูจน์ฝีมือของฟางผิงได้
เรื่องนี้ต่างคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง ไม่มีอะไรให้มั่นใจเต็มร้อย
แต่เซี่ยงไฮ้เอาชนะปักกิ่งทั้งสองครั้งจึงมีข้อได้เปรียบกว่า นี่ถือว่าแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อันดับหนึ่ง ปักกิ่งยังรับตำแหน่งนี้ไหวอย่างนั้นเหรอ?
นอกจากการแข่งขันระหว่างผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดหรือใครเป็นที่หนึ่งแล้ว ในอินเทอร์เน็ตยังมีการเผยแพร่ถึงข้อสงสัยที่ว่าผู้ฝึกยุทธ์จำเป็นต้องต่อสู้ขนาดนี้ไปเพื่ออะไร?
ผู้ฝึกยุทธ์ไม่ใช่คนที่ใช้แค่พละกำลังอยู่แล้ว เรื่องนี้ทุกคนรู้กันดี
แต่การแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งนี้กลับเผยเรื่องนี้ให้เห็นชัดเจน ผู้ฝึกยุทธ์ให้ความสำคัญกับการต่อสู้เป็นหลัก!
การแข่งขันแลกเปลี่ยนรอบนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบคล้ายกำลังบอกว่าผู้ฝึกยุทธ์จำเป็นต้องแข่งขัน จำเป็นต้องต่อสู้!
โลกของผู้ฝึกยุทธ์ที่เงียบสงบ จู่ๆ กลับมีความเคลื่อนไหวแบบนี้ออกมา เพื่ออะไรกัน?
บางคนเดาว่าอาจจะกำลังเปิดฉากสงครามกับประเทศอื่น
บางคนเดาว่าภายในกำลังมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ทั้งบางคนเดาว่า อาจมีศัตรูรุกรานจากภายนอก ผู้ฝึกยุทธ์จึงจำเป็นต้องต่อสู้?
การคาดเดาสุดท้ายเริ่มเข้าใกล้กับความเป็นจริงแล้ว แต่การคาดเดาแบบนี้ไม่นานก็ถูกกลบด้วยข่าวสารใหม่ๆ จนตกอันดับเลือนหายไปจากความสนใจ
—
วันที่สิบหกมกราคม กระทรวงการศึกษา สมาพันธ์ผู้ฝึกยุทธ์ สำนักข่าวของจีนและเครือข่ายผู้ฝึกยุทธ์ในจีนได้เผยแพร่การจัดอันดับพลังต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ์ในมหาวิทยาลัยประเทศจีน
การจัดอันดับไม่ได้รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์ในสังคม ผู้ฝึกยุทธ์ในหน่วยทหารและผู้ฝึกยุทธ์ในหน่วยสืบสวน แต่เป็นการบันทึกข้อมูลของผู้ฝึกยุทธ์ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ของจีนอย่างเดียว
ในนั้นมีการจัดอันดับของขั้นหนึ่ง ขั้นสองและขั้นสาม
ไม่นานการจัดลำดับก็ถูกเผยแพร่ออกมาทางอินเทอร์เน็ต
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ต่ำกว่าขั้นสาม นี่ถึงจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระยะใกล้เคียงกับคนธรรมดามากที่สุด เป็นโลกที่คนธรรมดาสามารถแตะถึงได้
—
บนรถไฟ ฟางผิงก็ดูการจัดอันดับพวกนี้ผ่านหนังสือพิมพ์เช่นกัน
สำนักข่าวของจีนตั้งใจลงการจัดอันดับอย่างละเอียดเกือบเต็มทั้งฉบับ
การจัดอันดับสามรายการ แต่ละรายการมีข้อมูลเพียงหนึ่งร้อยคน
ในการจัดอันดับของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง ฟางผิงถูกจัดอันดับอยู่ที่หก
“พี่ นายเป็นแชมป์ไม่ใช่หรือไง? ทำไมถึงได้ที่หกล่ะ!”
ฟางหยวนประท้วงแทนพี่ชายของตัวเอง แม้ฟางผิงจะไม่ได้ลงสนามรอบสุดท้าย แต่ความสามารถของเขาทุกคนต่างเห็นเป็นตาเดียวกัน
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุด หลอมกระดูกสามครั้ง มีกระบวนท่าชั้นยอด ผู้ฝึกยุทธ์แบบนี้ยังไม่ใช่ที่หนึ่งอีก?
“ใช่แล้ว ฟางผิง ทำไมนายถึงไม่ได้ที่หนึ่งล่ะ?”
พวกอู๋จื้อหาวต่างเดือดร้อนแทนเขา นี่เป็นแค่การจัดอันดับในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ไม่ได้รวมผู้ฝึกยุทธ์ที่อื่น แต่ฟางผิงยังไม่ได้ที่หนึ่งอีก?
ฟางผิงกลับไม่ได้สนใจขนาดนั้น เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เห็นแปลก ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้มีนักศึกษานับแสนคน ขั้นหนึ่งมากที่สุดเกือบหกหมื่นคน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งเยอะขนาดนี้ นักศึกษาปีสามปีสี่บางคนยังอยู่ขั้นหนึ่งเหมือนกัน แต่ละคนล้วนมีเหตุผลแตกต่างกันไปที่ทำให้ติดแหง็กอยู่ขั้นหนึ่ง ครั้งนี้เป็นแค่การแข่งขันแลกเปลี่ยนของนักศึกษาใหม่ พวกนักศึกษาปีสูงไม่ได้เข้าร่วม ห้าคนที่อยู่ข้างหน้าเป็นนักศึกษาปีสูงทั้งหมด…ยิ่งไปกว่านั้น หากเจอกันจริงๆ ใครแพ้ใครชนะยังไม่ใช่เรื่องที่แน่นอน และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย”
“ไม่เกี่ยวกับนาย?”
อู๋จื้อหาวเห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจอยู่บ้าง
ฟางผิงหัวเราะ ไม่พูดอะไร ใช่แล้ว อันดับหนึ่งกับอันดับหก เกี่ยวอะไรกับฉัน
ฉันไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งแล้วซะหน่อย!
เมื่อวานพอจบการแข่งขัน ตอนเย็นฟางผิงก็เลือกที่จะทะลวงขั้น เมื่อคืนเขาแตะถึงขั้นสองแล้ว
ฟางผิงมียาบำรุงเลือดและปราณขั้นสอง
ครั้งนี้มหาวิทยาลัยใจกว้างอย่างมาก ให้รางวัลฟางผิงห้าร้อยคะแนน เพิ่มค่าทรัพย์สินให้เขาเกือบสิบล้าน!
ฟางผิงไปรับคะแนนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนำไปแลกเปลี่ยนเป็นยาป้องกันอวัยวะภายในและยาเสริมสร้างกระดูกขั้นสอง เพื่อจะทะลวงขั้นตอนกลางคืน แล้วเขาก็ทำสำเร็จ
ตอนนี้ตัวเลขด้านหน้าของฟางผิงมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ทรัพย์สิน : 20,400,000
ปราณ : 330 แคล (349 แคล)
จิตใจ : 300 เฮิรตซ์ (309 เฮิรตซ์)
หลอมกระดูก : 62 ชิ้น (90%) , 1 ชิ้น (50%) , 13 ชิ้น (40%) , 130 ชิ้น (30%)
มีการเริ่มต้นหลอมกระดูกช่วงบนแล้ว ทั้งค่าทรัพย์สินยังมีสถิติใหม่ ทะลวงแตะถึงยี่สิบล้าน!
นอกจากนี้ยังมีเงินสดอีกเก้าล้าน เงินสิบล้านก่อนหน้านี้ส่วนหนึ่งใช้ซื้อกิจการของบริษัทตงเซิง รองเท้าโลหะผสมระดับ F หนึ่งคู่ ดาบโลหะผสมระดับ D หนึ่งด้าม
ส่วนยาบำรุงนั้นมียาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาสิบเม็ด ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งหกเม็ด ขั้นสองสามเม็ดและยาจำพวกรักษาบาดแผลอีกจำนวนหนึ่ง
นี่เป็นทรัพย์สินที่ฟางผิงมีทั้งหมดในตอนนี้
ด้านเคล็ดวิชาต่อสู้ (ดาบคลั่งโลหิต) ฟางผิงฝึกจนถึงขั้นฟันสามดาบต่อเนื่อง ทุกดาบระเบิดปราณหนึ่งร้อยแคล น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาสแสดงฝีมือ
ก่อนหน้านี้ฟางผิงออกสามดาบต่อเนื่องไม่ถึงหนึ่งร้อยแคล บางครั้งก็ระเบิดถึงหนึ่งร้อยแคล แต่ฟันไปแค่เพียงดาบเดียวไม่ได้ใช้สามกระบวนต่อเนื่อง
ตอนแรกเขายังคิดว่าจะใช้จัดการกับหานซวี่ น่าเสียดายที่ตั้งแต่ต้นจนจบเขากลับไม่มีโอกาสได้เจอกับหานซวี่ แม้ทั้งสองฝ่ายจะเจอกันถึงสองรอบก็ตาม
ส่วน (ท่าเคลื่อนเมฆ) ก็สำเร็จขั้นสูงแล้วเช่นกัน ระเบิดปราณแตะถึงขั้นกระบวนไม้ตาย แต่ยังไม่อาจถึงกระบวนชั้นยอด
แน่นอนว่ากระบวนชั้นยอดของขั้นหนึ่ง เมื่อถึงขั้นสอง คงไม่ใช่กระบวนชั้นยอดอีกแล้ว
“จบเทอมด้วยขั้นสอง”
ฟางผิงลอบถอนหายใจ ฉันทะลวงขั้นสองสำเร็จแล้ว!
ครั้งแรกที่เห็นหวงปิน เขาอยู่ขั้นสองเช่นกัน ทั้งครั้งแรกที่เห็นหวังจินหยาง อีกฝ่ายก็อยู่ขั้นสอง
แม้ว่าคนพวกนี้จะเป็นขั้นสองสูงสุดทั้งหมด แต่ทุกคนล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในระดับเดียวกัน
ชั่วพริบตาเดียวผ่านไปถึงเก้าเดือนแล้ว
จากคนธรรมดาที่มีปราณหนึ่งร้อยแคลจนมาถึงขั้นสองหรือจะพูดว่าแข็งแกร่งเท่ากับขั้นสอง ฟางผิงกลับรู้สึกว่าสรรพสิ่งยังคงเหมือนเดิม มีแค่คนที่เปลี่ยนแปลงไป
“สั่งสมค่าทรัพย์สินถึงยี่สิบล้าน ทั้งยังมีบริษัทที่ลงทุนเกือบสิบล้านแห่งหนึ่ง เงินสดนับสิบล้านเหมือนกัน…”
เวลาไม่ถึงหนึ่งปี ฟางผิงได้รับอะไรมามากมาย! รวมทั้งทางมหาวิทยาลัย ตอนนี้สะสมได้สี่ร้อยยี่สิบคะแนนแล้ว ในนั้นมีส่วนหนึ่งที่ถูกฟางผิงนำมาใช้แลกเปลี่ยนยาบำรุง
เขาทะลวงขั้นสอง โดยทั่วไปแล้วยังต้องได้รางวัลอีกหนึ่งร้อยคะแนน แต่ฟางผิงยังไม่มีเวลาไปรับคะแนน นอกจากนี้เขาโจมตีฟางเหวินเสียง หลู่เฟิ่งโหรวบอกว่ามีรางวัลให้ แต่ช่วงนี้เธอไม่อยู่มหาวิทยาลัย ไม่รู้ว่าจะเบี้ยวหนี้กันหรือเปล่า?
“ทรัพยากรพวกนี้เพียงพอให้ฉันใช้ถึงขั้นสองสูงสุดหรือกระทั่งขั้นสามแล้ว!”
ค่าทรัพย์สินยี่สิบล้าน คะแนนมูลค่าเกือบสิบล้าน เงินสดอีกกว่าสิบล้าน สี่สิบล้านยังจะไม่เพียงพอให้ใช้ฝึกฝนวิชาสำหรับขั้นสองอย่างนั้นเหรอ?
“ต้องพยายามทะลวงขั้นสามให้เร็วที่สุด บางทีฉันอาจต้องไปดูถ้ำใต้ดินสักหน่อย”
ในหัวของฟางผิงเริ่มผุดความคิดต่างๆ ขึ้นมา
ในขณะที่พวกอู๋จื้อหาวกำลังบากบั่นเพื่อกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ฟางผิงก็ได้ครุ่นคิดถึงเรื่องทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามแล้ว
————————-