ตอนที่ 266 เหนือมนุษย์ (1)
‘ปัง!’
เสียงปะทะดังขึ้นไม่ขาดสาย นักเรียนจากโรงฝึกที่ชมอยู่ด้านนอกต่างเผยสีหน้าขาวซีด รีบถอยหลังไปอีก
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นการต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม
หมัดจินกังของฟางผิง แม้ว่าจะยังไม่สำเร็จถึงขั้นสูงสุด แต่พลังหมัดรวมเป็นหนึ่ง ปราณผสานอย่างเข้มข้น ชกออกไปเกิดอานุภาพรุนแรงเช่นกัน
เคล็ดวิชาต่อสู้ของเขาฝึกฝนได้ไม่ลึกล้ำ แต่พลังจิตใจนั้นแข็งแกร่ง ปฏิกิริยาจึงเร็วกว่าคนทั่วไป
แม้ว่าจางเจิ้นหวาจะมีพละกำลังมาก แต่เทียบกับฟางผิงแล้ว ก็ไม่ได้ครองความได้เปรียบกว่ากันเท่าไหร่
ฟางผิงหลบการโจมตีจากจางเจิ้นหวาหลายครั้ง ใช้ความได้เปรียบเรื่องความเร็วจู่โจมจุดตายของเขาอย่างบ้าคลั่ง จางเจิ้นหวารับมืออย่างชุลมุนวุ่นวายอยู่บ้าง!
‘นายคิดว่าฉันยังเหมือนเมื่อก่อนหรือไง!’
ฟางผิงแค่นเสียงในใจ เขาแตะถึงขั้นสามสูงสุดแล้ว ร่างกายและปราณต่างแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดทั่วไป ไขกระดูกที่ถูกหลอมทำให้กระดูกของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาถึงสามส่วน อานุภาพของปราณที่ระเบิดออกมาในระดับเดียวกันจึงมากกว่าคนอื่นๆ
พละกำลังของจางเจิ้งหวาที่ได้มาแต่กำเนิด สำหรับคนอื่นอาจจะเป็นความได้เปรียบอย่างยิ่ง แต่สำหรับฟางผิงกลับไม่มีผลอะไร
ฟางผิงในตอนนี้ จุดบกพร่องเพียงอย่างเดียวคือใช้เวลาฝึกเคล็ดวิชาสั้นเกินไป ขาดความชำนาญอยู่บ้าง อานุภาพของแรงระเบิดด้อยอยู่เล็กน้อย
ส่วนเรื่องอื่น ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกันแทบไม่มีใครแข็งแกร่งกว่าเขา
สำหรับการต่อสู้กับจางเจิ้นหวา ฟางผิงยังคงเน้นความชำนาญของวิชาต่อสู้เป็นหลัก!
ความเร็วของจางเจิ้นหวาด้อยกว่าฟางผิงอยู่บ้าง สู้ไปสู้มาก็หงุดหงิดและไม่พอใจ
ในตอนที่ฟางผิงชกหมัดเข้ามาอีกครั้ง จู่ๆ จางเจิ้นหวาก็คำราม เหล็กท่อนคู่แหวกอากาศออกไปเสียงดัง ตรงไปยังแขนสองข้างของฟางผิง
ฟางผิงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย คิดจะหลบ กลับรับรู้ได้ถึงพลังอันเข้มข้นกำลังกดดันตัวเองอยู่!
“คิดว่าฉันไม่เคยฆ่าคนมาก่อนหรือไง!”
บนร่างของฟางผิงมีปราณซึมออกมาประปราย ชั่วพริบตาก็ระเบิดพลังจิตใจกดดันอีกฝ่าย!
ฟางผิงใช้โอกาสนี้รวมรวมพลังปราณไว้ที่จุดหนึ่ง ก่อนจะปะทุออกไปอย่างรวดเร็ว!
คนภายนอกเห็นแค่ฟางผิงแตะเท้าลงกับพื้นจนหินด้านล่างแตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนเขาจะกระโดดขึ้นกลางอากาศ ลอยออกไปอย่างรวดเร็ว!
จางเจิ้นหวาที่อยู่ตรงข้ามคำรามเสียงดังเช่นกัน ใช้เหล็กท่อนคู่ทุบลงไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง
ในตอนที่ทุกคนคิดว่าทั้งสองคนกำลังจะปะทะกัน จู่ๆ ฟางผิงก็กระโดดขึ้นฟ้า ร่างกายอยู่สูงไปหนึ่งช่วง เวลานี้จึงหลบพ้นจากเหล็กท่อนของจางเจิ้นหวา
—
รอบนอก
ชายชราผอมแห้งขมวดคิ้ว เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “เจิ้นหวาเป็นอะไรไป!”
แม้ว่าจางเจิ้นหวาจะเคลื่อนไหวช้ากว่าฟางผิง แต่เพิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนองหลังจากที่ฟางผิงกระโดดขึ้นไปในอากาศและปล่อยกระบวนท่าต่อ นี่ไม่ใช่รนหาที่ตายหรือไง?
ในเวลานี้ชายชราผมขาวคนหนึ่งก็กระโดดลงมาจากอากาศ ยิ้มบางๆ ว่า “ใช้พลังจิตใจรบกวน!”
“หืม?”
ชายชราผอมแห้งนิ่งไปเล็กน้อย ชายชราผมขาวอธิบายว่า “พลังจิตใจ!”
“เขา?”
“ใช่”
ชายชราผอมแห้งหน้าเปลี่ยนสีทันที!
เขาที่อยู่ขั้นห้าสูงสุดยังห่างไกลจากเรื่องนี้อยู่บ้าง
ชายชราผมขาวต่างหากที่เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้านฉางหยาง เขาพูดแบบนี้ น่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน
—
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน
ฟางผิงแตะเท้าในอากาศ ยืดตัวขึ้นหลบจากแรงระเบิดกระบวนท่าของอีกฝ่าย อานุภาพของกระบวนท่านี้ไม่ใช่น้อยๆ
เหล็กท่อนคู่ยังไม่ทันร่วงลงมา พื้นหินด้านล่างกลับแตกกระจายออกไปแล้ว พวกผู้ฝึกยุทธ์รอบๆ พากันลงมือปัดป้อง ไม่ให้เศษหินกระเด็นไปโดนคนอื่น
ด้านฟางผิงที่แตะเท้าอยู่บนอากาศ ฉวยโอกาสที่จางเจิ้นหวาผลาญปราณหมดเกลี้ยง ไม่อาจฟื้นฟูปราณได้ทันที หมัดสองข้างทำงานประสานกัน ชกลงไปจากที่สูงอย่างรุนแรง!
‘ปัง!’
เกิดเสียงดังลั่นราวกับตีโดนกลองหนังวัว
ฟางผิงชกหมัดเข้าที่ด้านหลังของจางเจิ้นหวา จางเจิ้นหวาคำรามอย่างโมโห กล้ามเนื้อหลังและกระดูกเกิดเสียงดังกรอบ เท้าสองข้างจมไปกับพื้น ร่างของเขาแทบจะถูกฟางผิงอัดติดไปกับพื้นด้านล่าง
หมัดนี้โดนเข้าอย่างจัง ฟางผิงไม่คิดจะหยุดยั้งแม้แต่น้อย เกิดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง ชกอีกหมัดออกไป!
“อึก!”
จางเจิ้นหวากระอักเลือดสดออกมา ล้มลงไปไม่มีแรงยืนอีกแล้ว ส่งเสียงคำรามราวกับสัตว์ป่าที่กำลังโมโห!
ผู้ฝึกยุทธ์ประมือกัน สามารถแบ่งแยกความเป็นความตายได้ในกระบวนท่าเดียว
เขาระเบิดปราณเพื่อคิดจะเอาชนะในกระบวนท่าเดียว ปรากฏว่าฟางผิงกลับทำเรื่องแผลงๆ ใช้พลังจิตใจรวมกับพละกำลัง กดดันเขา ในขณะเดียวกันก็ใช้พลังจิตใจรบกวนเขา ชั่วพริบตานั้น ฟางผิงจึงได้โอกาสชกเขาไปสองหมัดจนไม่สามารถยืนขึ้นได้อีก
“เจิ้นหวา!”
“สารเลว!”
“…”
ผู้ฝึกยุทธ์วัยกลางคนบางคนที่ชมอยู่ด้านนอกต่างพากันโมโหขึ้นมา!
ใครก็นึกไม่ถึงว่าช่วงเวลาสั้นๆ ที่ทั้งสองคนประมือกัน ตอนที่จางเจิ้นหวาระเบิดกระบวนท่าใหญ่ กลับถูกฟางผิงคว้าโอกาสชกสองหมัดโจมตีด้านหลังจนลุกยืนไม่ขึ้น
“หุบปาก!”
ชายชราผมขาวตะโกนอย่างเยือกเย็น “การแลกเปลี่ยนความรู้จบกันเพียงแค่นี้ สหายยั้งมือได้แล้ว!”
ตอนนี้ฟางผิงทำท่าจะชกหมัดที่สามไปยังหัวของจางเจิ้นหวา
ได้ยินแบบนี้จึงหยุดมือทันที กระโดดถอยหลังในอากาศ ก่อนจะร่วงสู่พื้นดินด้วยท่วงท่าสง่างาม เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เกือบไปแล้ว ขอผู้อาวุโสทุกท่านให้อภัยด้วย”
ฟางผิงในตอนนี้อารมณ์พลุกพล่านอยู่บ้าง
ได้เคล็ดลับใหม่เพิ่งมาอีกอันแล้ว!
การใช้พลังจิตใจ มีแค่ปรมาจารย์ที่ล่วงรู้ แม้ว่าจะเป็นหลู่เฟิ่งโหรวยังเข้าใจแค่ครึ่งๆ กลางๆ เท่านั้น
อันที่จริงฟางผิงนึกไม่ถึงเหมือนกัน เขาเพิ่งจะระเบิดพลังรวมกับใช้พลังจิตใจกดดันจางเจิ้นหวา กลับคาดไม่ถึงว่าจะหยุดชะงักความคิดของจางเจิ้นหวาได้ชั่วพริบตา ฟางผิงเห็นเขาชะงักไปเล็กน้อย ยังจะอยู่นิ่งเฉยได้ยังไงอีก หากไม่ใช่ว่าไม่อยากฆ่าคน เขาคงชกไปที่หัวของจางเจิ้นหวาแล้ว
แม้ว่าจะเป็นแบบนี้ จางเจิ้นหวาก็ได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อย พวกเด็กหนุ่มคนอื่นๆ รีบเข้ามาไถ่ถามสถานการณ์ของเขาทันที
จางเจิ้นกวงมองฟางผิงด้วยแววตาซับซ้อน ช่วยดึงขาของจางเจิ้นหวาที่จมลงไปในดินทั้งสองข้างออกมาอย่างระมัดระวัง มองฟางผิงไปแวบหนึ่งคล้ายอยากจะพูดอะไรสักอย่าง
ฟางผิงเอาชนะจางเจิ้งหวาได้อย่างสบายๆ
แต่จางเจิ้นกวงรู้ว่าพี่ชายของเขาไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น หรือฟางผิงจะแข็งแกร่งจนถึงขั้นนี้แล้ว?
จางเจิ้นกวงไม่ได้พูดอะไร ชายชราผมขาวที่เพิ่งตามเข้ามากลับเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อย่างเซี่ยงไฮ้กับปักกิ่งนั้นให้กำเนิดอัจฉริยะง่ายกว่าพวกเราจริงๆ สหายอยู่เหนือความคาดหมายของฉันอยู่บ้าง”
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสามารถใช้พลังจิตใจข่มขวัญ แม้ว่าจะไม่ได้แข็งแกร่งมากมาย แต่ก็นับว่าเป็นวิถีของปรมาจารย์แล้ว
แน่นอนว่าตอนนี้ฟางผิงทำได้เพียงรบกวนแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ไม่เหมือนพวกเจ้าเล่ห์ที่เขาเคยเจอมาก่อน กดดันบีบเค้นผู้ฝึกยุท์ขั้นสี่ขั้นห้าจนกลายเป็นเนื้อบด
นั่นถึงเป็นการใช้พลังจิตใจกดดันอย่างแท้จริง!
แต่ฟางผิงยังคงพอใจไม่น้อย เขามีพลังจิตใจจริงๆ ไม่ได้มีแค่ปราณไร้ขีดจำกัดเพียงอย่างเดียว
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามใช้พลังจิตใจกดดันคู่ต่อสู้ นี่เป็นความสามารถของเขาเช่นกัน
ส่วนทำไมพลังจิตใจของเขาถึงแข็งแกร่งกว่าคนอื่น…ฟางผิงไม่ยอมรับว่าเป็นผลงานของระบบหรอก เขาไม่ได้ใช้ระบบฝืนเพิ่มพลังจิตใจสักหน่อย
พูดได้เพียงว่ามีพรสวรรค์ตั้งแต่กำเนิด!
แม้จะไม่มีค่าทรัพย์สิน ฟางผิงก็สามารถใช้พลังจิตใจได้ แค่ต้องรอพลังจิตใจฟื้นฟูเองเท่านั้น
“อาจารย์ชมเกินไปแล้ว แค่โชคดีเท่านั้น”
ฟางผิงพูดถ่อมตัว ไม่ถ่อมตัวคงไม่ได้ อีกฝ่ายรับรู้ถึงพลังจิตใจของเขา แปดถึงเก้าส่วนน่าจะอยู่ขั้นหกสูงสุด ผู้ฝึกยุทธ์แบบนี้ล่วงเกินไม่ได้
เขาเพิ่งจะซ้อมจางเจิ้นหวาไป ไม่อยากจะถูกคนอัดเหมือนกัน
“โชคดี?” ชายชราผมขาวส่ายหัวเบาๆ
ขั้นสามสามารถใช้พลังจิตใจได้ นี่หากเป็นความโชคดี งั้นก็เป็นความโชคดีจากสวรรค์แล้ว เกรงว่าจะหาคนที่สองไม่ได้อีก เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลเพียงพอ
แต่ชายชราผมขาวยังคงเตือนด้วยเจตนาดี “สิ้นเปลืองพลังจิตใจมากไปจะทำให้จิตใจอ่อนล้า ถึงกระทั่งนอนหลับไม่สนิท สหายระวังไว้บ้างดีกว่า…”
ฟางผิงรีบพยักหน้า!
ไม่แปลกใจที่หลู่เฟิ่งโหรวมักจะทำตัวเหมือนไม่ได้นอนอยู่บ่อยๆ น่าจะมาจากการใช้พลังจิตใจ
แต่ว่าฉัน…ไม่มีความจำเป็นต้องเตือนหรอก
อย่างมากก็ใช้ค่าทรัพย์สินเติมเข้าไปเท่านั้น
“ขอบคุณอาจารย์ที่ตักเตือน…”
ฟางผิงเพิ่งจะขอบคุณ ชายชราที่เพิ่งใจดีมีเมตตาเมื่อครู่กลับเอ่ยขึ้นว่า “สหายไปได้แล้ว!”
ฟางผิงใบหน้าแข็งทื่อทันที นี่จะไล่คนไวเกินไปแล้ว!
แต่ทุบตีลูกรักของคนอื่น เขาไม่โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ถือว่าดีมากแล้ว
ฟางผิงจะรั้งตัวอยู่นานอีกได้ยังไง ดึงดาบเก็บกลับมาก็ออกไปอย่างรวดเร็ว
—
ฟางผิงเดินออกไปได้พักหนึ่ง จู่ๆ ชายชราผมขาวก็ปะทุพลังขึ้นมาอย่างรุนแรง ตะเบ็งเสียงว่า “ไสหัวไป หากมาที่หมู่บ้านฉางหยางอีก ฉันจะจัดการนายซะ!”
“เชอะ คิดว่ากลัวนายหรือไง?”
กลางอากาศมีเงาคนปรากฏอย่างเลือนราง ได้ยินเสียงแค่นหัวเราะแว่วลอยมา “อย่าตายเร็วนักล่ะ ไม่ช้าก็เร็วต้องประลองกับนายสักหน่อย!”
“ไสหัวไป!”
ชายชราผมขาวระเบิดปราณอย่างบ้าคลั่ง ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ใกล้ๆ ทยอยถอยหลบไป แววตาแฝงด้วยความตกใจ
“น่าเบื่อ ขี้เหนียวชะมัด ซ้อมหลานนาย ไม่ได้ซ้อมนายสักหน่อย…”
“จะไสหัวไปดีๆ หรือเปล่า!”
ชายชรามีโทสะขึ้นมาจริงๆ ทะยานขึ้นไปบนฟ้าทันที ก่อนทุกคนจะได้ยินเสียงปะทะดังลั่น สักพักหนึ่งชายชราผมขาวก็ร่วงสู่พื้นดิน พื้นด้านล่างนั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ลานกว้างเละเทะไปหมด
ชายชราผอมแห้งที่อยู่ด้านข้างเอ่ยด้วยความสงสัย “ใคร?”
“กระบี่อมตะของเซี่ยงไฮ้?”
ชายชราผมขาวแค่นเสียงในลำคอ “ไอ้บ้าที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ไม่ได้รับอนุญาตกลับมาถ้ำมองคนอื่น หากไม่ใช่ว่ากลัวเป็นเรื่องใหญ่คงทำให้เขาได้เห็นดีไปแล้ว!”
“หลี่ฉางเซิง มือกระบี่อมตะ!”
———————