บทที่ 61 บุตรแห่งโชคชะตาสิ้นชีพ!
บทที่ 61 บุตรแห่งโชคชะตาสิ้นชีพ!
ไป๋อู๋อีไม่ได้ยินว่าลู่หยวนกำลังพูดอะไร เขายืนอยู่กับที่อย่างตกอยู่ในสภาวะนิ่งงัน ยามมองดูดัชนีทวยเทพที่กำลังหายไป… มองดูทวยเทพที่กำลังหลบหนี
เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้น?
บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลลู่ทำร้ายทวยเทพ
ชายคนนั้นก้าวจากขั้นจักรพรรดิยุทธ์ไปเป็นขั้นเทียมเทพ ทะลวงผ่านพลังดัชนี และทำร้ายทวยเทพได้
[2,000 แต้ม!]
[ระบบแจ้งเตือนว่าไป๋อู๋อีได้รับแรงกระทบกระเทือนจิตใจ ค่าชะตาของเขาลดลง 3,000 แต้ม! ค่าชะตาในตอนนี้คือ 2,000 แต้ม!]
[ค่าชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มขึ้น 6,000 แต้ม! ค่าชะตาวายร้ายของท่านในตอนนี้คือ 10,000 แต้ม!]
มุมปากของลู่หยวนยกขึ้น ดีจริง ๆ ในที่สุดค่าชะตาที่เขาติดค้างอยู่หนึ่งหมื่นก็ได้รับการชำระเสียที
ไป๋อู๋อีกลับมาได้สติ ก่อนก้าวถอยออกมา
หนี… ต้องหนีไปให้ไกล!
ตอนนี้ไป๋อู๋อีมีเพียงความคิดนี้อยู่ในใจเท่านั้น!
เมื่อบุตรแห่งโชคชะตาขยับ เทียนเม่ยเอ๋อร์ก็ขยับตามเช่นกัน
ลู่หยวนย่อมสังเกตเห็นการกระทำของอีกฝ่าย ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว และมองไปที่ด้านหลังไป๋อู๋อี ก่อนพบกลิ่นอายคุ้นเคยที่อยู่ไม่ไกลอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม ยกมือขวาขึ้น ทำให้กลิ่นอายมารทั้งหมดถูกเก็บซ่อนอยู่ในร่างกายของเขาทันควัน
ไป๋อู๋อีหันศีรษะทันที และออกวิ่งอย่างสิ้นหวัง เพียงวิ่งออกไปไม่กี่ก้าว เขาก็เห็นคนผู้หนึ่งตรงหน้า!
คนผู้นั้นสวมชุดสีขาวดูราวกับเทพธิดา นางขมวดคิ้วเล็กน้อย คล้ายกับกังวลบางอย่างเป็นอย่างยิ่ง
คนผู้นี้คือไป๋ชิวเอ๋อร์
บุตรแห่งโชคชะตานิ่งงัน จากนั้นวิ่งไปหาอีกฝ่าย
นางมองมาทางนี้เช่นกัน คิ้วที่ขมวดแน่นคลายลงเล็กน้อย ร่องรอยความยินดีปรากฏบนใบหน้า
เห็นดังนี้ ในใจบุรุษพลันสั่นไหว เมื่อประตูค่ายกลเขตแดนสัตว์อสูรปิดลง ต้องใช้เวลามากกว่าสิบวันจึงจะเปิดออกอีกครั้ง ไป๋อู๋อีได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจว่านางเข้ามาได้อย่างไร
ความรู้สึกซับซ้อนอัดแน่นในใจ นี่… ไป๋ชิวเอ๋อร์มาช่วยเขาอย่างนั้นหรือ?
หลังจากหักห้ามความยินดีเอาไว้ บุตรแห่งโชคชะตาก็ก้าวยาวออกไปทันที ไปหานางอันเป็นที่รัก
ลู่หยวนผู้นี้เป็นสายเลือดมาร จะปล่อยให้ชิวเอ๋อร์ตกอยู่ในมือของมันไม่ได้!
ไป๋อู๋อีหยุดตรงหน้าคุณหนูไป๋ ก่อนอีกฝ่ายจะทันได้ตอบสนอง เขาก็คว้าข้อมือของนางเอาไว้ พลางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ชิวเอ๋อร์ ไปเถอะ!”
หญิงสาวตกตะลึงสักพัก หลังถูกอีกฝ่ายลากให้ออกวิ่งสองสามก้าวจึงกลับมามีสติ นางสะบัดมือเขาออก ถามพลางขมวดคิ้วว่า “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่? แล้วจะมาจับมือข้าทำไม?”
น้ำเสียงของไป๋ชิวเอ๋อร์เย็นชายิ่ง ทำให้ร่างของบุตรแห่งโชคชะตาแข็งทื่อ
ไป๋อู๋อีฝืนยิ้มออกมา ถามว่า “ชิวเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรน่ะ? ไม่ได้มาหาข้าหรอกหรือ?”
ตั้งแต่ตอนเจอกันครั้งล่าสุดที่หอประมูลสลักมายา คุณหนูตระกูลไป๋ค่อนข้างรังเกียจเขา นางขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางตอบว่า “แน่นอน ข้าไม่ได้มาหาเจ้า”
นางหันศีรษะเล็กน้อย พบว่าไม่ไกลมากนัก ลู่หยวนกำลังเดินอยู่กลางอากาศช้า ๆ ดวงตาเผยรอยโค้งออกมา
อีกฝ่ายปลอดภัยดี…
ไป๋อู๋อีรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจ กลายเป็นว่าไป๋ชิวเอ๋อร์ไม่ได้มาตามหาเขา
เมื่อเห็นว่านางกำลังจะเดินไปหาบุตรศักดิ์สิทธิ์ เขาก็คว้ามือนางไว้ทันที กล่าวว่า “อย่าไปทางนั้น ลู่หยวนคือเผ่ามาร!”
ตอนนี้เองไป๋ชิวเอ๋อร์ถึงตระหนักได้ว่ากลิ่นอายมารในบริเวณใกล้เคียงยังเจือจางในอากาศไม่หมดสิ้น
นางชำเลืองมองชายตรงหน้าอย่างเย็นชา แววตาเย็นเยือกยิ่ง จากนั้นดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว พลางก้าวถอยออกมาสองสามก้าว “เจ้าคือเผ่ามาร!”
ไป๋อู๋อีก้าวมาข้างหน้าสองสามก้าว รีบอธิบายว่า “ลู่หยวนมีสายเลือดมารจริง ๆ! เมื่อครู่ยังเผยร่างมารอยู่เลย!”
ด้านข้าง เสียงของลู่หยวนดังขึ้น “ไป๋อู๋อี ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าจะลอบกัดเช่นนี้?”
คู่กรณีหันมามองอย่างเดือดดาล สายตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ทันใดนั้น กลิ่นอายมารก็แผ่ออกมาจากร่างกาย
เขาตกตะลึง รีบก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วรีบสะบัดแขนเสื้อโดยไม่รู้ตัว แล้วกลิ่นอายมารก็สลายไป ตอนนี้ทุกสิ่งกลับเป็นปกติ
บุตรแห่งโชคชะตาเงยหน้าขึ้น สบเข้ากับสายตาเย็นชาของไป๋ชิวเอ๋อร์
มีประโยคหนึ่งถูกเขียนไว้ในสายตาของอีกฝ่ายชัดเจน… เจ้านั่นแหละคือเผ่ามารตัวจริง!
ไป๋อู๋อีนิ่งไป เมื่อหันมองด้านข้างก็เห็นมุมปากของลู่หยวนยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม มันชวนขนหัวลุกนัก
ถึงตรงนี้ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ากลิ่นอายมารเมื่อครู่มาจากไหน?
“ลู่หยวน เจ้าใส่ร้ายข้า!”
คนฟังส่ายหน้า พลางไปยืนอยู่ข้างไป๋ชิวเอ๋อร์ ถามว่า “ชิวเอ๋อร์ เมื่อครู่เจ้าก็เห็นแล้วว่ามันเป็นอย่างไร ไป๋อู๋อีบอกว่าข้าผู้นี้คือสายเลือดมาร เจ้าเชื่อหรือไม่?”
“ข้าไม่เชื่อหรอก!”
ไป๋ชิวเอ๋อร์กล่าวอย่างเด็ดขาด สายตาจับจ้องไป๋อู๋อี พร้อมเผยความรังเกียจในแววตา “เจ้าใส่ร้ายคุณชาย ข้าเห็นเต็มตาเลยว่ามีกลิ่นอายมารออกมาจากตัวเจ้า!”
“ไป๋อู๋อี น่าเสียดายที่ตระกูลไป๋พยายามสุดความสามารถ ทุ่มทรัพยากรนับไม่ถ้วนเพื่อเจ้า พ่อของข้าโปรดปรานในตัวเจ้ายิ่งนัก แต่เจ้ากลับกลายเป็นเผ่ามาร!”
“ตระกูลไป๋ ถ้าทุกคนเจอตัวเจ้าเมื่อไหร่ก็จะฆ่าทิ้ง!”
ทุกคำพูดของไป๋ชิวเอ๋อร์เหมือนกับกระบี่ที่กำลังทิ่มแทงในใจของไป๋อู๋อีอย่างบ้าคลั่ง กายของเขาเหมือนกับถูกใครบางคนเฉือน มันเจ็บลึกไปถึงทรวง
“เจ้าถึงกับมองข้าด้วยสายตาแบบนั้นงั้นหรือ?!”
ไป๋อู๋อีกอดไป๋เจ๋อน้อย โต้แย้งให้กับตัวเองว่า “ถ้าข้าเป็นมารจริง ทำไมสัตว์เทพไป๋เจ๋อถึงยอมอยู่ในมือของข้าล่ะ?”
ไป๋ชิวเอ๋อร์เผยสายตาเย็นชา รอยยิ้มเย็นยะเยือกยิ่ง “ในมือของเจ้าหรือ”
นางกวาดตามอง พบว่ามีคราบเลือดจำนวนมากในมือของไป๋อู๋อี พอมองทางด้านลู่หยวน อีกฝ่ายยังคงสวมอาภรณ์สะอาดสะอ้าน ไม่แปดเปื้อนธุลีแม้สักนิด แววตาของนางก็ยิ่งเย็นชามากยิ่งขึ้น “หึ มันกำลังจะตายด้วยน้ำมือของเจ้าหรือ? เจ้าเป็นคนทำให้ไป๋เจ๋อได้รับบาดเจ็บสินะ!”
ใบหน้าของคู่สนทนาพลันซีดเผือด ดวงตาของเขาหม่นแสง หัวใจดิ่งวูบ
[ระบบแจ้งเตือน ไป๋อู๋อีหน้าซีดราวกับคนตาย ค่าชะตาของเขาลดลง 2,000 แต้ม! ค่าชะตาในตอนนี้คือ 0 แต้ม!]
[ค่าชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มขึ้น 6,000 แต้ม! ค่าชะตาวายร้ายของท่านในตอนนี้คือ 6,000 แต้ม!]
ลู่หยวนดึงไป๋ชิวเอ๋อร์มาอยู่ในอ้อมแขน กระชับแขนให้มั่น กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ข้าขอจัดการกับเขาเอง”
ใบหูของหญิงสาวแดงขึ้นฉับพลัน นางส่งเสียงอืมอย่างแผ่วเบา
ตอนนี้ในใจของไป๋อู๋อีแตกร้าวเหมือนกับกระบี่หัก ไป๋ชิวเอ๋อร์คือคนที่เขาโหยหาอยู่ทุกค่ำเช้า เขายอมกลับชาติมาเกิดใหม่ก็เพื่อไป๋ชิวเอ๋อร์… แต่ตอนนี้
บุตรแห่งโชคชะตาก้าวถอยหลัง ก่อนตระหนักได้ว่าเทียนเม่ยเอ๋อร์กลับมาอยู่ในรูปลักษณ์เดิมแล้ว นางตามหลังเขามาโดยตลอด
จิตสังหารของเขาพลันปรากฏขึ้นในดวงตา สีหน้าฉายชัดถึงความเกรี้ยวกราด พร้อมแววตาเต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่ง “ลู่หยวน ข้าอยากให้เจ้ารับรู้ถึงความเจ็บปวดในใจสักครั้ง!”
ไป๋อู๋อีกระตุ้นยันต์สาปวิญญาณทันที ทำให้องค์หญิงหางจิ้งจอกเตรียมทำการโจมตี “ลู่หยวน ถ้าเจ้ากล้าพอ ก็ลองฆ่านางดูสิ ฮ่า ๆๆ!”
เทียนเม่ยเอ๋อร์ขยับกาย กระบี่แหลมคมในมือพลันแทงออกไป
‘ฉัวะ’
สิ้นเสียงอาวุธในมือองค์หญิงจิ้งจอก ความบ้าคลั่งในดวงตาของไป๋อู๋อีหายไปทันที…
เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่คอ พร้อมฉากตรงหน้าที่เริ่มหมุนคว้าง ร่างค่อย ๆ ล้มลง
สิ้นเสียงตุบ ศีรษะของเขากระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง ดวงตาค่อย ๆ พร่ามัว ริมฝีปากไม่อาจส่งเสียงอีกต่อไป
[บุตรแห่งโชคชะตาไป๋อู๋อีถูกสังหารแล้ว!]
[ขอแสดงความยินดีกับนายท่านที่ได้รับรางวัลเป็นเมล็ดพันธุ์เทพโกลาหล!]
ลู่หยวนเพียงรู้สึกว่าเมล็ดพันธุ์ขนาดเล็กปรากฏขึ้นในจิตเทวะของเขา มันเต็มไปด้วยพลังไร้ขีดจำกัด
รอให้บุตรศักดิ์สิทธิ์จัดการทุกอย่างตรงหน้าเสร็จสิ้นก่อนจึงจะทำการสำรวจพลังของสิ่งนี้ เมื่อเขาสะบัดมือ ร่างของไป๋อู๋อีก็กลายเป็นกลุ่มควันธุลีก่อนสลายหายไป
เทียนเม่ยเอ๋อร์ก้าวมาข้างหน้าทันที เผยรอยยิ้มประจบออกมา “นายท่าน ฝีมือข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ลู่หยวนยิ้มให้อีกฝ่าย “ไม่เลว”
ตราประทับทาสที่ชายหนุ่มมอบให้เทียนเม่ยเอ๋อร์ได้รับมาจากระบบ มันจะถูกทำลายด้วยยันต์สาปวิญญาณได้อย่างไร!?
เขาขอให้องค์หญิงหางจิ้งจอกแสร้งทำเป็นถูกควบคุมแล้วไปอยู่ข้างไป๋อู๋อี เพื่อให้นางคอยจับตาดูอีกฝ่ายเอาไว้
สุดท้ายแล้วเป็นองค์หญิงเผ่าจิ้งจอกที่ปลิดชีพบุตรแห่งโชคชะตาในหนึ่งกระบี่