บทที่ 138 บรรพชนเสวียน
บทที่ 138 บรรพชนเสวียน
เงียบ!?
หลังจากลู่หยวนพ่นออกมาหนึ่งคำ เขาก็หันสายตากลับมามองหญิงชรา
ในท้องนภา อาจารย์เหล่านั้นย่อมไม่รู้ว่าบรรพชนเสวียนยังคงเกรี้ยวกราดอยู่ นางถึงขั้นอยากสังหารคนผู้นี้ในทันที แต่ในพริบตา นางกลับเปลี่ยนท่าทีไปอีกครั้ง คล้ายกับหวาดกลัวในตัวเจ้าหนุ่มคนนี้ขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ขณะที่ทุกคนกำลังสับสน พวกเขาก็ได้เห็นว่าชายหนุ่มผู้นั้นถึงกับตะคอกว่า ‘เงียบ’ ใส่บรรพชนหอก
ถึงแม้พวกเขาจะมีมุมมองเกี่ยวกับหลิงอวิ๋นเป็นของตัวเอง ทว่านางเป็นถึงอาจารย์สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งเช่นกัน ควรแล้วหรือที่จะถูกศิษย์ใหม่ตำหนิเช่นนี้?!
หากเจ้าหนุ่มนั่นไม่ถูกลงโทษอย่างสาสม จะไม่เท่ากับเป็นการปล่อยให้ผู้อื่นดูถูกอาจารย์สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์หรอกหรือ?!
ในอนาคต ศิษย์เหล่านั้นจะยังให้ความเคารพและหวาดกลัวพวกเขาอีกหรือไม่?!
เหนือสวรรค์ทั้งเก้า เสียงก่นด่าดังกึกก้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ยุทธ์เคลื่อนลงมาเสียงแล้วเสียงเล่า พวกมันพุ่งเป้าไปที่ลู่หยวน
“ทำไมเจ้าถึงแสดงท่าทีเช่นนั้น?!”
“ไอ้หลานชาย! เจ้ากล้าต่อว่าอาจารย์ได้อย่างไร! คิดว่าตัวเองเป็นใครไม่ทราบ?”
“ถ้าข้าไม่ฆ่าเจ้าในวันนี้ สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จะยังหลงเหลือความยำเกรงอยู่อีกหรือ?!”
กลิ่นอายทั้งหลายกดทับบนร่างของลู่หยวน ถึงแม้หลิงอวิ๋นจะถูกศิษย์ตำหนิ จนทำให้แสดงสีหน้าอับอายออกมา แต่นางรู้ดีว่า หากมีบางอย่างเกิดขึ้นกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ในวันนี้ พวกนางจะไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้อีกต่อไป!
นางกำลังจะหันหอกสะบั้นนิลกาฬ แต่หญิงชราตรงหน้ากลับยกมือขึ้น ส่งกลิ่นอายพวยพุ่งออกไป ทำให้แรงกดดันทั้งหมดเบาบางลง
ในหมู่เมฆ อาจารย์จำนวนมากเห็นว่าหญิงชราถึงกับช่วยชายคนนั้นไว้ ในใจจึงบังเกิดความสงสัยขึ้นมา
บรรพชนเสวียนทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?!
พวกเขามาที่นี่เพื่อช่วยนาง ทำไมนางถึงไปช่วยเด็กคนนี้?!
ในใจของหญิงชรายังคงนึกถึงคำพูดที่อาจารย์กล่าวเมื่อครู่ ทำให้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก
ขืนพูดมากกว่านี้ ย่อมไม่ได้เป็นเพียงการต่อว่าลู่หยวนเท่านั้น! แต่ยังเป็นการต่อว่าครอบครัว ต่อว่าบรรพชนของเขา กลายเป็นคำบริภาษอันไม่มีที่สิ้นสุด!
ขืนพวกเขาต่อว่ามากไปกว่านี้ อาจทำให้ตระกูลลู่มาพร้อมกับกระบี่ได้!
ถึงตอนนั้น บรรพชนเสวียนได้โดนเอาคืนเป็นแน่…
นางแบกรับมามากพอแล้ว ขืนยังต้องแบกรับเพิ่มอีก คำกล่าวของนางย่อมไม่มีความหมาย ยิ่งพวกเขาทำการโจมตีลู่หยวน ก็ยิ่งต้องออกหน้าปกป้องเขา!
หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป นางจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร?!
แต่เอาเถอะ นางจะจำเจตนาดีที่เหล่าบรรพชนมอบให้ในวันนี้ ในช่วงเจ็ดวันแรก นางจะเผากระดาษเงินให้เหล่าบรรพชนเยอะ ๆ!
ผู้คนที่อยู่เหนือหมู่เมฆไม่รู้ว่าหญิงชรามีความคิดเช่นนั้น พวกเขาต่างก้มมองลงมาพบว่าลู่หยวนกำลังเงยหน้ามองอากาศสายตาอีกฝ่ายเกรี้ยวกราด หาได้สนใจบรรพชนแม้แต่นิดเดียว
อาจารย์บางคนที่ฉุนเฉียวอยู่แล้วจึงยิ่งเดือดดาลมากขึ้น จนถึงขั้นจะต่อว่าอีกครั้ง
แต่บรรพชนกระบี่ผู้ถือกระบี่ยาวเอาไว้พลันพูดขึ้นว่า “หุบปากเดี๋ยวนี้”
คนที่เหลือตกตะลึง หันมามองผู้พูดคนแล้วคนเล่า “เจี้ยนซาน เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
บรรพชนกระบี่ขมวดคิ้ว สายตายังคงจับจ้องบุตรศักดิ์สิทธิ์ “ถ้าพวกเจ้าอยากตายนัก ก็เชิญต่อว่ากันตามสบายเลย”
“พวกเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? หลิงอวิ๋นปกป้องเขาอยู่ ขนาดเด็กคนนี้พูดจาหยาบคาย นางก็ยังคงปกป้องอยู่ดี เท่าที่ข้าทราบมา มีศิษย์ใหม่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้รับการดูแลเช่นนี้!”
เจี้ยนซานถอนสายตาจากลู่หยวน หันมามองอาจารย์ที่เหลือ เมื่อสายตากวาดผ่าน ปราณกระบี่พลันกดทับลงมา
“เจ้าหนุ่มคนนี้น่าจะเป็นคุณชายลู่แห่งตำหนักธารสุญญะแดนเหนือ มีนามว่าลู่หยวน!”
อาจารย์จำนวนมากผู้อยากต่อว่าเมื่อครู่ถึงกับหุบปาก ไม่กล้าพูดอะไรอีก
จะยั่วยุตระกูลลู่ไม่ได้!
“แค่ก ๆๆ ข้าเพิ่งนึกขึ้นได้ วันนี้ข้ายังไม่ได้มอบหมายหน้าที่ให้กับศิษย์เลย ดังนั้นคงต้องขอตัวก่อน!”
หลังจากคนผู้นั้นกล่าวจบ เขาก็จากไป
“วันนี้ข้ายังไม่ได้ฝึกกระบี่เลย ข้าคงต้องขอตัวก่อน”
“ข้ามีเรื่องด่วนเหมือนกัน ขอตัว!”
ผ่านไปสักพัก เหนือหมู่เมฆ อาจารย์หลายสิบคนเหลืออยู่เพียงสองถึงสามคนเท่านั้น
หญิงชราผู้อยู่ด้านล่างกำลังรอฟังคำต่อว่า แต่ผ่านไปพักใหญ่นางก็ไม่อาจอดทนไหว จึงเงยหน้ามองขึ้นไป พบว่าในตอนนี้ คนที่อยู่เหนือหมู่เมฆหนีหายกันไปหมดแล้ว?!
ภายใต้สถานการณ์ตอนนี้ บรรพชนเสวียนทราบเช่นกันว่า เรื่องนี้อาจจะจบไม่สวยเท่าไหร่นัก!
นางกัดฟัน หันมามองลู่หยวน “บุตรศักดิ์สิทธิ์ เชิญว่ามาตามตรงได้เลย ว่าจะให้จัดการเรื่องในวันนี้อย่างไร?”
“ให้จัดการอย่างไรงั้นหรือ”
ชายหนุ่มยิ้มหยันออกมา “นี่คือสิ่งที่ข้าควรจะถามเจ้าสิ เมื่อครู่เจ้าเพิ่งตะโกนว่าจะฆ่าตระกูลของข้าอยู่เลยไม่ใช่หรือ?”
ใบหน้าของคู่กรณีเปลี่ยนเป็นเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว ไม่ทราบว่าจะตอบอย่างไร แต่บนใบหน้าของลู่หยวนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามยังคงเต็มไปด้วยความเย็นชา
นางพลันสัมผัสได้ บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ผู้นี้ที่เพิ่งอายุสิบเจ็ดปี กลับมีอำนาจและความสงบไม่ต่างจากจอมราชัน
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ หญิงชรากัดฟันพลางถอดแหวนเก็บของออกมา ผ่านไปสักพัก นางจึงมอบให้ลู่หยวน “ของเหล่านี้ ขอบุตรศักดิ์สิทธิ์จงรับไว้ด้วย”
เขาไม่แม้แต่จะเหลียวแลมองแหวนเก็บของ สายตาไม่แปรเปลี่ยน และยังคงมองไปที่หญิงชรา
ถึงแม้จะไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดของแหวนเก็บของ แต่ชายหนุ่มก็รับรู้ได้ว่ามันเป็นเพียงของจำพวกหญ้าวิญญาณกับอาวุธดาษดื่นเท่านั้น
เมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดของหญิงชรา หมายความว่านางยังมีของดีอยู่กับตัวอีก
แต่ถ้าจะให้ของเหล่านี้หักล้างกับคำพูดเมื่อครู่ละก็ มันยังนับว่าน้อยเกินไป!
ที่จริงลู่หยวนไม่ได้อยากทำอะไรหญิงชราผู้นี้ ถึงอย่างไร หากต้องสู้กับหญิงชราขึ้นมา เขาไม่มีทางเอาชนะได้
ยิ่งกว่านั้น การฆ่าหญิงชราไม่ได้ส่งผลดีกับเขา!
แต่หญิงชราผู้นี้ต้องชดใช้ให้สาสมกับคำที่กล่าวออกมา!
เมื่อเห็นว่าลู่หยวนดูแคลนของสิ่งนี้ หญิงชราจึงเงียบไปสักพัก จากนั้นจึงหยิบเหรียญตราออกมา ส่งให้กับอีกฝ่าย
นางพยายามยกมุมปากขึ้น รักษาน้ำเสียงให้สงบที่สุดเท่าที่จะทำได้ “บุตรศักดิ์สิทธิ์ นี่คือเหรียญตราของผู้คุมกฎอาวุโสแห่งสำนักรุ่งอรุณ วันนี้ขอมอบให้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์ ขอจงรับไว้ด้วย”
สำนักรุ่งอรุณหรือ?
ลู่หยวนได้ยินดังนี้ เขาจึงนิ่งงันไป
สำนักรุ่งอรุณนี้คือสำนักอันดับหนึ่งที่แท้จริงในแผ่นดินหยวนหง ภายในนั้นมียอดฝีมือมากมาย
แม้กระทั่งอาจารย์จำนวนมากในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ก็มาจากสำนักรุ่งอรุณ หากเป็นสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ มีสถานที่หลายแห่งเปิดรับศิษย์ธรรมดาในเวลาที่กำหนดเอาไว้ แต่ถ้าหากเป็นศิษย์จากสำนักรุ่งอรุณ จะมีการผ่อนปรนให้มากมาย
ภูมิหลังของสำนักรุ่งอรุณนับว่าไม่ธรรมดา!
เหรียญตราผู้อาวุโสแห่งสำนักรุ่งอรุณ หากเทียบกับของธรรมดาแล้ว มันยังนับว่ามีประโยชน์อยู่บ้าง
ด้วยของสิ่งนี้ น้อยคนนักในแผ่นดินหลักที่จะกล้าแสดงท่าทีทะนงตน
แต่ด้วยสถานะของลู่หยวน น้อยคนนักในโลกที่จะกล้าอวดดีต่อเขา
ทว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ หากมีเหรียญตรานี้อยู่ข้างกาย ชายหนุ่มสามารถเข้าออกหลายที่ในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้ แม้กระทั่งในฐานะศิษย์ เขาก็สามารถใช้บางสิ่งที่ปกติไม่สามารถใช้ได้
ยกตัวอย่างเช่น… เข้าหอตำราเกี่ยวกับสายเลือดมาร
ลึก ๆ ในใจของชายหนุ่มคลี่ยิ้มออกมา สิ่งนี้นับว่ายังมีประโยชน์กับเขาอยู่!
ถึงแม้ชายหนุ่มจะครุ่นคิดมากมายอยู่ในใจ แต่ใบหน้ายังคงสงบ ราวกับสิ่งของเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้สลักสำคัญกับเขา