บทที่ 259 ชิงเกราะเกล็ด
บทที่ 259 ชิงเกราะเกล็ด
พลังมารในมือของสือจิ่วกลายเป็นกระบี่ พลังอำนาจแข็งแกร่ง มีกลิ่นอายของราชันมารอยู่สองสามส่วน
ครั้นร่างมายาตั้งสมาธิคิดจะฟันอีกครั้งด้วยดาบคลั่งในมือ ก็เห็นร่างลู่หยวนที่อยู่ไม่ไกลหายไปกะทันหัน
กลิ่นอายของลู่หยวนหายไปในพริบตา ไม่ว่าร่างมายาจะปล่อยปราณดาบไปรอบ ๆ อย่างไรก็ไม่สามารถตรวจจับได้แม้เพียงครึ่ง
“ลูกไม้นี้อีกแล้ว!”
เขาขมวดคิ้วและยกดาบขึ้นทันที พลังกฎวิถีที่ห่อหุ้มเจตจำนงดาบปกคลุมร่างมายาอย่างต่อเนื่อง
ที่ด้านล่าง กระบี่ยาวในมือของสือจิ่วสั่นหนึ่งครา พลังมารพวยพุ่ง แล้วเคลื่อนไหวในพริบตา
เพียงหนึ่งลมหายใจก็ยกกระบี่ยาวขึ้นและพุ่งมาตรงหน้าร่างมายา
สือจิ่วสองมือถือกระบี่และฟันลงมาในแนวนอน พลังมารทั้งหมดที่อยู่รอบตัวอัดแน่นอยู่ในกระบี่ยาว
ร่างมายาพลิกดาบสีทองในมือ เจตจำนงดาบเหวี่ยงขึ้น ระเบิดพลังมหาศาลเข้าเผชิญหน้า
ตูม!
เมื่อพลังทั้งสองสายปะทะกัน ความว่างเปล่าโดยรอบสั่นคลอน หลุมดำนับไม่ถ้วนพลันปรากฏ ลมกระโชกรุนแรง ทุกสิ่งรอบตัวถูกกวาดไปในหลุมดำอันไร้ขอบเขต
ร่างมายาถือดาบเปี่ยมพลังมหาศาล กระบี่ยาวในมือของสือจิ่วไม่ใช่คู่ต่อสู้ของดาบทองคำตั้งแต่แรก กลิ่นอายดาบทะยานขึ้นไปถึงจุดสูงสุด
“ฮ่า ๆ เด็กน้อย อย่างเจ้าน่ะหรือจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า!”
ร่างมายายกดาบขึ้น อักขระยันต์สีทองกระเพื่อมไหว และแสงสีแดงเปล่งบนใบดาบมากขึ้น
เจตจำนงดาบนับหมื่นกวาดขึ้นไปทีละชั้นและแสงสีแดงก็สว่างวาบ บรรยากาศหนักอึ้งทั่วทั้งห้องโถง เสาโดยรอบพังทลายลงในทันที
เจตจำนงดาบกลายเป็นปราณ แรงกดดันพุ่งขึ้น พลังวิญญาณนับไม่ถ้วนม้วนไปทางสือจิ่ว และพันธนาการร่างเล็กไว้อย่างแน่นหนา
แรงกดดันจากร่างมายาหนักอึ้ง มันเหวี่ยงดาบขึ้นจากพื้น พลังทลายสวรรค์พัดจากด้านล่างขึ้นบน
“ตายซะ!”
ร่างมายาตะโกนด้วยเสียงทุ้มและขยับดาบยาวในมือเฉียบพลัน
เข้าโจมตีสือจิ่ว!
ทว่าใบหน้าขององค์หญิงมารสุขุม ในแววตาไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย
ครั้นปราณดาบนับหมื่นพุ่งขึ้นมา สือจิ่วควงกระบี่ยาวในมือ ก่อนฟาดฟันลงมาอีกครั้งด้วยท่าทีสงบดุจน้ำนิ่ง
นัยน์ตาของร่างมายาฉายแววสบประมาท เจ้ามารตัวน้อยนี่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย!
รอบกายไม่มีพลังมารแม้แต่น้อยแล้วยังกล้ายกกระบี่ขึ้นต่อกร คิดหรือว่าตัวเองจะสามารถแบกรับดาบนี้ได้?!
ปราณดาบที่เจิดจรัสทะยานขึ้นไป อาวุธทั้งสองเข้าปะทะกันในเสี้ยวลมหายใจ จนบริเวณโดยรอบตกอยู่ในความเงียบสงัด
แสงสีขาวสว่างวาบปกคลุมร่างของคนทั้งสอง
ท่ามกลางความว่างเปล่าที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ เห็นสือจิ่วแทงกระบี่ยาวในมือเบา ๆ ก่อนพลังมารนับหมื่นพันจะระเบิดออกมาโดยไม่ทันให้ตั้งตัว
เบื้องหลังองค์หญิงมารคือร่างมารนับไม่ถ้วนกระจายไปทั่ว ราวกับวิญญาณจากขุมนรก ตะเกียกตะกายขึ้นจากหลุม
ความน่าสะพรึงกลัวที่ไม่มีวันจบสิ้นกำราบลงมา ฉีกกระชากเจตจำนงดาบของศัตรูไปกว่าครึ่ง
ร่างมายาผงะเล็กน้อยและกำลังจะชักดาบกลับมา ทว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร ดาบสีทองในมือของเขาถูกมารเบื้องหลังสือจิ่วเข้ามาพัวพัน
ร่างมารนับไม่ถ้วนยื่นมือออกมากอดกระหวัดดาบทองแน่น ยึดไว้ไม่ให้เงาร่างนั้นถอยหลังไปแม้แต่หนึ่งก้าว
“เจ้าพวกมารร้ายสมควรตาย!”
เมื่อร่างมายาโกรธเกรี้ยว เกล็ดเกราะบนอกติดไฟ กลิ่นอายรอบกายเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เจตจำนงดาบนับไม่ถ้วนหมุนวนและฟันคมเขี้ยวอุ้งเท้าของมารร้ายเหล่านั้นราวกับจะฉีกพวกมันเป็นชิ้น ๆ
ในขณะนั้นเอง…
เงามารร้ายที่อยู่เบื้องหลังสือจิ่วถอยออกไปอย่างกะทันหัน กระบี่ยาวในมือนางถอยราวกับบังคับให้ล่าถอย
ร่างมายาฉวยโอกาสไล่โจมตีทันที มันชูดาบขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างและฟันลงไป
ทันใดนั้น มุมปากของสือจิ่วดูคล้ายจะกระตุก สายตาเต็มไปแววเย้ยหยัน
ครั้นร่างมายาเห็นดังนั้นก็งุนงงไปชั่วขณะ แต่ปราณดาบนับหมื่นได้กวาดไปทั่วแล้ว และมันกำลังจะระเบิดในชั่วพริบตา
ความว่างเปล่าโดยรอบแตกเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยปราณดาบที่ราวกับจะทำลายล้างทุกสิ่ง
ในช่วงเวลาที่ดาบยาวฟาดฟัน สือจิ่วยังคงยืนอยู่ที่เดิม สายตาฉายแววเยาะเย้ยสองสามส่วน
ครู่ต่อมาดาบยาวก็ฟันมาถึง สือจิ่วเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน นางก้าวไปข้างหน้าแทนที่จะถอยกลับ พลังมารกระเพื่อมไหว ระเบิดฟันออกไปในทันที กวาดล้างโลกทั้งใบ
ตูม!
ดาบและกระบี่ปะทะกันอีกครั้ง พลังพวยพุ่ง ทันใดนั้นสือจิ่วก็ออกแรงยกกระบี่ยาวท้าทายดาบยาวนั้น ในขณะที่ปราณดาบนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาบนท้องฟ้า ตกลงบนร่างของสือจิ่ว เชือดเฉือนเลือดเนื้อ
แต่องค์หญิงมารก็ไม่ได้หวั่นไหว ยังคงยืนท้าทาย ยกดาบทองในมือร่างมายาขึ้นอย่างแข็งกร้าว
“เด็กน้อย เจ้าคิดว่าหากสามารถรับดาบสีทองของข้าได้ก็เอาชนะข้าได้ใช่หรือไม่? ช่างโง่เขลา!”
“ฮะ…?”
ร่างมายาที่พูดเสียดสีหยุดลงในทันใด ความว่างเปล่าเกิดความผันผวน ก่อนหอกยาวก็พุ่งมาในอากาศอย่างกะทันหัน เล็งไปที่ร่างมายา
หอกยาวเล่มนั้นพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วจนศัตรูไม่ทันได้ตอบสนอง
ร่างมายาเห็นหอกยาวพุ่งแหวกอากาศมาพร้อมพลังมังกรหนักอึ้ง พัดพาพลังวิญญาณนับไม่ถ้วนมาทันที
ตูม!
ทันใดนั้นหอกยาวก็แทงลงบนชุดเกราะหนักบนร่างมายาจนเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง ทว่าหอกยาวก็ยังคงต้องหยุดอยู่นอกชุดเกราะหนัก
ร่างมายาหัวเราะเสียงเย็นพลางมองไปที่ลู่หยวน
“ไอ้หนู เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าจะมีอะไรเจาะทะลุร่างกายข้าได้?! แม้ชุดเกราะหนักนี้จะพังทลาย แต่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นชุดเกราะเหนือระดับศักดิ์สิทธิ์! ด้วยพลังของเจ้าในตอนนี้ อย่าแม้แต่จะคิดเจาะมัน!”
ลู่หยวนเงยหน้าขึ้น สายตาฉายแววเย้ยหยัน
เมื่อเห็นกลิ่นอายของบุตรศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนไปกะทันหัน หอกในมือก็หันเห แทงเกล็ดที่อกของเขาอย่างแรง!
เคร้ง!
สิ้นเสียงแหลม แผ่นเกล็ดหัวใจก็หลุดออกมา
ร่างมายาตกตะลึงครู่หนึ่ง และตอบสนองด้วยความตื่นตระหนกทันที เกล็ดแผ่นนี้เป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างกายของเขาตอนนี้!
มันใช้ในการรักษาวิญญาณที่เหลืออยู่ให้เป็นอมตะ หากสูญเสียเกล็ดนี้ เขาก็จะหายไปในโลกในไม่ช้าเช่นกัน!
เขาโบกมือใหญ่ กำลังจะคว้าเกล็ดกลับมา
ทว่าคลื่นพลังมารแผ่ออกมาเหนือหอกมังกรเก้าสวรรค์และกลืนกินเกล็ดหัวใจ!
ทันทีที่พลังมารสลาย เกล็ดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
แรงกดดันจากร่างมายาลดลงอย่างฉับพลันและแตกสลายทีละชั้น
เพียงหนึ่งลมหายใจ พลังของเขาหายไปครึ่งหนึ่ง
ลู่หยวนแสยะยิ้ม “สือจิ่ว ไป!”
องค์หญิงมารส่งเสียงตอบรับ ส่งพลังมารแผ่ออกไปยับยั้งพลังวิถีดาบที่เหลืออยู่
ร่างมายารีบต้านรับ ยกดาบในมือขึ้นปะทะกับกระบี่ยาวอีกครั้ง
ตูม! ตูม! ตูม!
เจตจำนงดาบที่ท่วมท้นไม่สามารถต้านทานพลังมารที่แผ่กว้างได้ จึงถูกสยบทันที
ขณะที่ลู่หยวนกำลังจะเคลื่อนไหว เขาก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนภายในแขนเสื้อกว้าง
เขายกแขนขึ้นแล้วยันต์ก็บินออกมา มันเป็นยันต์ที่เขามอบให้แก่ฮ่วนชิงไป๋เพื่อติดต่อ!
บนยันต์มีอักขระขนาดเล็กหลายบรรทัดลอยเป็นแถว
ลู่หยวนชำเลืองมองอย่างรวดเร็ว ยันต์หายไปอย่างเงียบงัน ดวงตาของเขาฉายแววแปลกใจ
มู่พ่านซานมาถึงแล้ว
เขาหันหน้าไปมองที่ประตูในห้องโถงใหญ่ ด้านหลังเป็นทางเข้าเพียงทางเดียว!
หลังจากได้รับข้อความจากฮ่วนซิงไป๋ ลู่หยวนจึงได้รู้ว่าที่แท้ สถานที่แห่งนี้คือสุสานของราชวงศ์ฉวนจง
เจ้าหนุ่มฉู่เชิ่งคนนี้วาสนาดีไม่เลว คิดไม่ถึงว่าจะก้าวเข้าสู่สุสานของราชวงศ์ได้!