บทที่ 320 ตระกูลเจียง
บทที่ 320 ตระกูลเจียง
ผ่านไปสักพัก คนที่เข้าไปรายงานเหตุการณ์ก็กลับมา
หลังจากเขากลับมา ก็ประสานมือทำความเคารพฮ่วนอวี่หลันแล้วเอ่ยเสียงดังว่า “คุณชายบอกว่าเขาไม่ต้องการพบใครในตอนนี้ หากยังยืนกรานจะพบให้ได้ก็จงไปต่อแถว”
ใบหน้าของสวีชู่แข็งทื่อ พวกเขามาในวันนี้เพียงเพื่อจะสานสัมพันธ์กับฮ่วนซิงไป๋เท่านั้น!
แน่นอนว่าถ้าพูดตามตรง มันคือการประจบสอพลอพระสวามีของจักรพรรดินีในอนาคตล่วงหน้า
แต่คาดไม่ถึงว่าด้วยการบ่มเพาะกับความแข็งแกร่งในตอนนี้ พวกเขากลับไม่แม้แต่จะพบกับฮ่วนซิงไป๋จากตระกูลฮ่วนได้อย่างนั้นหรือ?!
แล้วยังให้ไปต่อแถวร่วมกับคนเหล่านั้นที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอีกหรือไร?!
สวีชู่ไม่พอใจและต้องการเอ่ยบางอย่าง แต่ก็ถูกสวี่หลิวอวิ๋นห้ามเอาไว้
สวี่หลิวอวิ๋นยิ้ม “ในเมื่อฝ่าบาทยุ่งอยู่ เช่นนั้นพวกข้าก็ไม่ขอรบกวน ขอตัว”
สิ้นคำ สวี่หลิวอวิ๋นก็พาสวีชู่ทะยานออกไป ผ่านไปสักพักก็ออกจากเมืองฮ่วนไปไกล
สวีชู่ผละตัวจากมือของสวี่หลิวอวิ๋นด้วยความไม่พอใจ “สวี่หลิวอวิ๋น เจ้าคิดจะทำอะไร? พวกเราไม่ได้มาเข้าพบฮ่วนซิงไป๋ที่นี่หรือ? ถ้าไปเสียตอนนี้จะมีความหมายอะไร?!”
“เจ้ากับข้าเพิ่งคาดการณ์ไม่ใช่หรือว่ากู่จินเจาจะต้องตายอย่างแน่นอน?! ด้วยเหตุนี้ ถึงได้มาประจบสอพลอฮ่วนซิงไป๋ในวันนี้ใช่หรือไม่?!”
“อย่าลืมสิว่าพวกเราเพิ่งทำให้เนี่ยอิ่งขุ่นเคืองมา! ตอนนี้มู่พ่านซานได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นเขาจะไม่มาสร้างปัญหา แต่ถ้าความพยายามทั้งหมดสูญเปล่าเอาตอนนี้ ย่อมมีแต่เสียกับเสียเท่านั้น!”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ สวีชู่ก็หงุดหงิด “ข้าเป็นครึ่งก้าวอมตยุทธ์มานานแล้ว! ไม่มีเวลาให้เสียอีกต่อไป! หากไม่ฉวยโอกาสตอนจักรพรรดินีคนใหม่ขึ้นครองราช เช่นนั้นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะได้รับแก่นโลหิตวิหคเพลิงแห่งราชวงศ์แดนมัชฌิมอีก!”
สวี่หลิวอวิ๋นกับสวีชู่ไม่ได้ยอมจำนนต่อราชวงศ์แดนมัชฌิมจากใจจริง แต่เป็นเพียงการจำยอมเท่านั้น
หากพวกเขาได้รับคัดเลือก ต่อให้มีบางอย่างพันธนาการ แต่อย่างน้อยก็ยังได้รับการสนับสนุนด้วยทรัพยากรจำนวนมากแน่นอน!
ทรัพยากรของราชวงศ์แดนมัชฌิมมีมากเกินกว่าที่จะจินตนาการได้ ขอเพียงพวกเขาอยู่ที่นี่ก็จะได้รับการแบ่งสรรให้ทุกเดือน ต่อให้ต้องการสมุนไพรและโอสถวิญญาณหายาก ราชวงศ์แดนมัชฌิมก็จะหาทางเอามาให้ได้อยู่ดี!
มันคือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอันยอดเยี่ยมสำหรับพวกเขา!
บุรุษทั้งสองแบกรับหนี้โลหิตไว้มากมายมาช้านาน ไม่มีใครล่วงรู้ว่ามีกี่คนที่ต้องการจะพรากชีวิตพวกเขา
ทว่าตั้งแต่พวกเขายอมจำนนต่อราชวงศ์แดนมัชฌิม ผู้ที่เคยตะโกนว่าจะเข่นฆ่าต่างก็พากันปิดปากเงียบ
ถึงอย่างไร หากต้องการฆ่าพวกเขาเสียตอนนี้ก็ต้องใคร่ครวญก่อนว่าจะต่อกรกับทั่วทั้งแดนมัชฌิมได้หรือไม่!
มันคือที่ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์แบบ!
หากไม่ใช่เพราะอายุขัยลดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาอาจไม่บังอาจเลือกเช่นทุกวันนี้
ทั้งสองคนติดอยู่ขั้นเดิมมานานเกินไป หากไม่พัฒนาการบ่มเพาะต่อ เกรงว่าพวกเขาจะถึงแก่ความตายในไม่ช้า!
เท่าที่พวกเขาคิดได้ในตอนนี้ สิ่งเดียวที่สามารถพัฒนารากฐานการบ่มเพาะได้มีเพียงแก่นโลหิตวิหคเพลิงที่ราชวงศ์แดนมัชฌิมซ่อนไว้เท่านั้น!
แน่นอนว่าทั้งสองไม่มีความสามารถจะใช้กำลังช่วงชิงมันมา แต่ถ้ายอมเชื่อฟังมังกรและกลายเป็นบุคคลทรงพลังที่สุด ซึ่งอยู่ข้างกายจักรพรรดินีแดนมัชฌิม พวกเขาก็จะมีโอกาสได้รับหยดแก่นโลหิตมา!
จักรพรรดินีองค์ปัจจุบันอย่างกู่จินเจามีมู่พ่านซานและเนี่ยอิ่งซึ่งเป็นผู้มีความสามารถมากที่สุดอยู่ข้างกายมาตลอด ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรก็ไม่อาจแทนที่อีกฝ่ายได้
แต่ถ้ามีจักรพรรดินีองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ เช่นนั้น…ทุกสิ่งจะต่างไป!
หลังจากโอกาสที่รอคอยมาถึง พวกเขาก็ละทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อไปประจบสอพลอผู้เยาว์กว่า แต่กลับไม่มีใครเหลียวแล!
สวี่หลิวอวิ๋นหรี่ตาลงขณะใบหน้าเย็นยะเยือก “สวีชู่ เจ้ามีสมองบ้างหรือไม่? เส้นทางของฮ่วนซิงไป๋จบสิ้นไปแล้ว!”
สวีชู่ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นพวกเราควรทำอย่างไร?! พวกเราสร้างความขุ่นเคืองกับทุกคนของฝั่งกู่จินเจาไปแล้ว! ตอนนี้องค์หญิงน้อยก็ยังเก็บตัวอยู่ พวกเราย่อมเข้าไปที่นั่นไม่ได้เช่นกัน!”
“จะรีบร้อนไปไย หนทางย่อมมีอยู่เสมอ!”
สิ้นคำ สวี่หลิวอวิ๋นก็เดินกลับ สวีชู่จึงทำได้เพียงเดินตามอย่างเกรี้ยวกราด
หลังจากทั้งสองคนเดินออกไปไกลแล้ว ผู้ชายสองคนในชุดผ้าทอก็เดินมาทางนี้
หนึ่งในนั้นคือเจียงเชียนชิวผู้เป็นคุณชายแห่งตระกูลเจียง เขายิ้มให้กับคนที่อยู่ข้างกาย “พี่เจียงหนาน เจ้าแน่ใจหรือว่าพวกเราจะทำให้สองคนนี้ยอมฟังคำสั่งได้?”
ชายคนนั้นสวมชุดผ้าทอตัวหลวมคลี่ยิ้มบางตอบ สีหน้าของเขามีกลิ่นอายประหนึ่งนักปราชญ์ แม้รากฐานการบ่มเพาะจะไม่สูงส่ง แต่เขากลับสงบเสงี่ยมจนให้ความรู้สึกเหมือนกับทุกสิ่งอยู่ในการควบคุม
คนผู้นี้คือหลี่เจียงหนานจากตระกูลฮ่วนแดนเหนือ!
“พี่เชียนชิว ข้าเพิ่งบอกไม่ใช่หรือ? ทุกอย่างไม่มีอะไรมากไปกว่าผลประโยชน์”
“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะยอมฟังคำสั่งหรือไม่ แต่อยู่ที่พี่เชียนชิวต่างหาก!”
เจียงเชียนชิวพยักหน้า “สิ่งที่พี่เจียงหนานพูดมาก็มีเหตุผล แต่เรื่องการไกล่เกลี่ยต้องรบกวนเจ้าช่วยด้วยอีกแรง”
“หากพี่เจียงหนานช่วยตระกูลเจียงพาไปสู่จุดสูงสุดของตระกูลแดนมัชฌิมได้อีกครั้ง ข้าก็จะฟื้นฟูตระกูลให้กับเจ้าอย่างแน่นอน!”
สิ้นคำ เจียงเชียนชิวนิ่งไปก่อนกล่าวเสริมอีกประโยค “ถ้าไม่มีหนทางที่ตระกูลเจียงจะฟื้นคืนสู่จุดสูงสุดในเวลาอันสั้นได้ พวกเราก็ต้องกำราบตระกูลหลิงให้สิ้นซาก!”
ร่องรอยความเกลียดชังปรากฏในดวงตาของเขา
เขายังคงจำได้ชัดเจนถึงความจริงที่หลิงอวิ๋นต้องการถอนหมั้น!
หลิงอวิ๋นเปลี่ยนสัญญาการหมั้นหมายที่สร้างโดยผู้อาวุโสของทั้งสองตระกูลโดยพลการ แล้วนอกใจเขาต่อหน้าธารกำนัล ทำให้เขากลายเป็นตัวตลกไปทั่วทั้งแดนมัชฌิม!
เขาคิดว่าหากรายงานเรื่องนี้กลับไป ตระกูลหลิงจะลงโทษและหยุดการกระทำอันอวดดีของนางได้!
แต่เขาไม่คาดคิดว่าหลิงอวิ๋นถึงกับก้าวเข้าสู่วิถีหอกอำมหิตได้!
ระดับการบ่มเพาะของเคล็ดหอกพุ่งสู่จุดสูงสุดของตระกูลหลิง!
ไม่มีใครในตระกูลหลิงกล้าเอ่ยขัดใจนางอีก!
แม้กระทั่งผู้นำตระกูลหลิงในตอนนี้ก็ยังโน้มน้าวให้ผู้อื่นยุติการหมั้นหมายระหว่างทั้งสอง!
วันนั้น ทุกคนในแดนมัชฌิมล้วนมองเจียงเชียนชิวเป็นตัวตลก!
สิ่งที่น่าขันก็คือ แม้บิดาของเขาจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่เมื่อผู้อาวุโสซึ่งอยู่ข้างกายทราบว่าหลิงอวิ๋นก้าวเข้าสู่วิถีหอกอำมหิตและเข้าใจแก่นของเคล็ดหอก พวกเขากลับหัวเราะอย่างมีความสุขแล้วเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือทีละคน
ในที่สุดบรรพชนก็ตัดสินใจขั้นสุดท้าย ก่อนจะยกเลิกการหมั้นหมายระหว่างหลิงอวิ๋นกับเขา
ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างส่งสมาชิกตระกูลหลิงกลับไปด้วยท่าทีสุภาพ!
เขาทราบดีว่าผู้อาวุโสเหล่านี้กำลังวางแผนจะทำอะไร!
ตระกูลสาขาทั้งเก้าสายของตระกูลเจียงอยู่ร่วมกัน ส่วนผู้นำของแต่ละตระกูลต่างก็ได้รับการดูแลจากพวกเขา
สาเหตุที่เจียงเชียนชิวสามารถดำรงตำแหน่งประมุขน้อยได้ไม่ใช่เพียงเพราะพรสวรรค์เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะการหมั้นหมายระหว่างเขากับตระกูลหลิงด้วย!
ตอนนี้เขาถูกถอนหมั้นแล้ว อีกทั้งมีหลายคนในตระกูลที่มากด้วยพรสวรรค์และรากฐานการบ่มเพาะเฉกเช่นเขาก็เริ่มบังเกิดความคิดบางอย่าง พวกเขาต่างจ้องมองมาราวกับหมาป่าและพยัคฆ์ที่ต้องการจะเข้ามาแทนที่!