บทที่ 336 พิชิตขนวิหคเพลิงแท้จริง
บทที่ 336 พิชิตขนวิหคเพลิงแท้จริง
เพลิงสวรรค์ที่กลับมารวมกันใหม่ประหนึ่งวิหคเพลิงตัวน้อย แต่ละตัวส่งเสียงออกมาแล้วทะยานเข้าหาฝ่ามือของลู่หยวน
เขากุมมือ แล้วเพลิงอัสนีสีม่วงก็ก่อตัวขึ้นเพื่อปัดป้องมัน
ลู่หยวนชักฝ่ามือกลับ พลันแน่นิ่งไป จากนั้นจึงยกมือซ้ายขึ้น และปลดปล่อยหมอกสีแดงเข้าปกคลุมขนนกแท้จริงทั้งสามเส้นไว้
ลู่หยวนหรี่ตาขณะที่เนตรเทวะบริเวณหว่างคิ้วเบิกขึ้น พลังมารทะยานออกจากร่างมาปกคลุมเขาไว้
เพียงชั่วพริบตา เขามารก็งอกออกมาจากหน้าผาก เกล็ดสีม่วงดำพลันปกคลุมอยู่ทั่วทั้งร่างกาย
รูปลักษณ์มารปรากฏ!
หอคอยอสูรสวรรค์ยามนี้ปรากฏขึ้นข้างกายของลู่หยวน พลังมารของมันปั่นป่วนคล้ายกับตื่นเต้น
วิหคเพลิงขนาดเล็กสามตนรวมตัวเข้าด้วยกัน แม้ปีกของพวกมันสั่นไหวอย่างแผ่วเบา แต่กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศอันตราย คล้ายกับรังเกียจกลิ่นอายของลู่หยวน
ลู่หยวนไม่ลังเลขณะโจมตีไปทางพวกมัตน
วิหคเพลิงตัวน้อยทั้งสามตนยิ่งระแวดระวัง เมื่อหลบหนีจากอีกฝ่าย พวกมันกางปีกก่อนกำแพงเพลิงสวรรค์จะทะยานสู่ท้องนภาเพื่อทำหน้าที่ปกป้อง
ลู่หยวนก้าวผ่านอากาศ เพียงชั่วพริบตาก็มาถึงหน้ากำแพงเพลิง เขายกมือขวาขึ้นสูง เพลิงอัสนีพลันปรากฏอยู่บนฝ่ามือ
ลู่หยวนกำหมัดแล้วต่อยออกไป
ตู้ม!
ด้วยการโจมตีเพียงหนึ่งครั้ง กำแพงเพลิงสวรรค์ก็สั่นไหวจนเกิดเสียงดังก้องขึ้นทุกทิศทาง แล้วเปลวเพลิงโหมกระหน่ำมาที่ฝ่ามือของเขา
ลู่หยวนถอยห่างทันที เพลิงสวรรค์เคลื่อนไปในอากาศ มันโหมกระหน่ำไปรอบกำแพง
เพลิงอัสนีซึ่งปกคลุมรอบหมัดเริ่มอ่อนกำลังราวกับยอมจำนนต่อบางสิ่งอยู่ตลอดเวลา
“สมแล้วที่เป็นเจ้าแห่งหมื่นเพลิง”
ลู่หยวนยกยิ้มขณะดวงตาเต็มไปด้วยความปรารถนา
การโจมตีเมื่อครู่ เพลิงอัสนีไม่ได้สำแดงพลังแท้จริงแต่อย่างใด ทว่าหลังจากกระแทกเข้าใส่กำแพงเพลิงสวรรค์ มันเริ่มร่นถอยอย่างเห็นได้ชัดเพราะหวาดกลัวต่อเพลิงนี้!
หากลู่หยวนได้รับเพลิงสวรรค์นี้มา เพลิงวิญญาณทั้งหมดซึ่งอยู่ในรายชื่อล้วนเป็นขยะ!
“ข้าต้องครอบครองมันให้ได้!”
สายตาของลู่หยวนเย็นชาขณะกุมกระบี่วิถีโลกาด้วยมือซ้าย ส่วนกระบี่มหันตภัยปรากฏที่มือขวา
พลังมังกรเพลิงอัสนีวูบไหวไปมาบนร่างของลู่หยวน โดยมีพลังมารไหววูบไปมา
พลังอำนาจอันหนักอึ้งพวยพุ่งจากร่างของเขา พลังที่ไม่เคยมีมาก่อนก็แผ่มาออกมาจากร่างกาย
ปฐพีซึ่งอยู่นอกดินแดนพลันสั่นไหว กระแสลมอันแรงกล้ากวาดผ่านท้องนภา และบดขยี้อากาศรอบข้าง
“เอาละ ข้ามาแล้ว!”
ลู่หยวนตะโกน ทั่วทั้งร่างพลันระเบิดพลังออกมา
อากาศรอบข้างไม่อาจต้านทานความเร็วของเขาได้ จนถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที
ลู่หยวนมาปรากฏตรงหน้าในหนึ่งอึดใจก่อนจะลดมือขวาลง ทำให้กระบี่มหันตภัยถูกปกคลุมไปด้วยเพลิงอัสนี
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
อัสนีเคลื่อนไปตามเปลวเพลิง ทำให้เกิดแรงกดดัน
เมื่อเพลิงสวรรค์ทะยานออกไป เพลิงอัสนีก็ร่นถอยพร้อมกับพลังมังกรปรากฏขึ้นเพื่อกำราบอีกฝ่าย
เพลิงอัสนียิ่งแข็งแกร่งขณะพุ่งเข้าหาเพลิงสวรรค์อีกครั้ง
ตู้ม!
กระบี่มหันตภัยฟาดฟันเข้าใส่กำแพง เปลวเพลิงทั้งสองชนิดปะทะเข้าใส่กันอย่างต่อเนื่อง
ลู่หยวนยกมือซ้ายแล้วแทงออกไป
พลังมารเคลื่อนลงมา โคจรร่วมกับพลังแห่งวิถีคุณธรรมซึ่งอยู่เหนือกระบี่วิถีโลกา
พลังสองชนิดปะทะกันอย่างหนักหน่วงจนเกิดความปั่นป่วน ปลายกระบี่พลันแทงเข้าใส่กำแพง
ฟ้าว!
ปลายกระบี่แทงเข้าใส่กำแพง พลังมารและพลังแห่งวิถีคุณธรรมกระจายไปรอบข้างอย่างบ้าคลั่ง
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
พลังซึ่งแตกต่างกันสองชนิดกระแทกเข้าใส่กำแพงอย่างต่อเนื่องจนเกิดรอยยุบเนื่องจากแรงกดดันนั้น
วิหคเพลิงน้อยสามตนซ่อนอยู่หลังกำแพง เมื่อเห็นว่าพื้นที่ข้างในกำลังหดลง พวกมันจึงส่งเสียงร้องอีกครั้งก่อนจะเงียบไป
ทันใดนั้น!
อากาศบนท้องนภาก็สั่นไหวอีกครั้ง
พลังอันร้อนแรงแผ่ออกมาผืนฟ้า
ตู้ม!
ลูกไฟขนาดใหญ่พลันกระแทกเข้ามาจากด้านนอก แล้วเนตรเทวะก็ปรากฏขึ้นด้านหลังลู่หยวน โดยมีหมอกสีแดงขวางทางมันไว้
ลูกไฟถูกหมอกกวาดล้างจนสิ้น ชั่วพริบตา ความรู้สึกอันร้อนแรงในท้องนภาก็ยิ่งรุนแรง
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงคำรามนับไม่ถ้วนบนท้องนภาแผดก้อง ขณะลูกไฟเคลื่อนลงมาสู่พื้นที่ซึ่งลู่หยวนยืนอยู่
วั่งไฉพุ่งร่างออกจากแขนของลู่หยวน ก่อนร่างมังกรขนาดใหญ่จะบดบังเขาไว้ข้างหลัง
สิ่งที่เห็นมีเพียงหมอกปกคลุมในอากาศ และพลังมังกรกับร่างของมังกรเจินหลงที่ขยับไปมาเพื่อป้องกันลู่หยวนไม่ให้โดนลูกไฟจากท้องนภา
สายตาของลู่หยวนจ้องเขม็งขณะพลังในมือพลันทะยานออกไป ทำให้ปราณวิญญาณนับไม่ถ้วนซึ่งอยู่ข้างกายพุ่งเข้าสู่ทะเลลมปราณ
เพียงชั่วอึดใจ ทะเลลมปราณก็เต็มไปด้วยปราณวิญญาณมากกว่าปกติหลายสิบเท่า
ปราณวิญญาณยังคงโคจรอยู่รอบทะเลลมปราณ ทำให้รากฐานการบ่มเพาะพลันพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ดวงตาของลู่หยวนเต็มไปด้วยกลิ่นอายมาร ทันใดนั้นพลังแห่งวิถีคุณธรรมบางส่วนก็ปรากฏขึ้น โดยที่มีเพลิงอัสนีปะปนอยู่
อ๊าก!!!
ลู่หยวนประสานมือ ทั้งกระบี่วิถีโลกาและกระบี่มหันตภัยรวมร่างเข้าด้วยกัน
ตอนนี้พลังทั้งหมดต่างสอดประสานกัน
ลู่หยวนยกมือขึ้นเหนือศีรษะ แล้วร่างขนาดใหญ่ก็ก่อตัวขึ้น
ร่างนั้นดูเหมือนกระบี่ยาว ดาบใหญ่ หรือแม้กระทั่งหอก
“ทะลวง!”
ลู่หยวนฟาดมันออกไปทันที
พลังนับไม่ถ้วนได้ถาโถมเข้าใส่กำแพงเพลิงสวรรค์ในยามนี้
ตู้ม!
แสงสีขาวปกคลุมทั่วทุกสิ่ง
เสียงคำรามดังก้องทำให้โลกทั้งใบตกอยู่ในความเงียบ
อากาศพังทลาย ปราณวิญญาณร่นถอย หมู่เมฆในท้องนภาสูญสลาย ก่อนจะกลับมาสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง
เพียงสามอึดใจก็มีคลื่นอากาศกระจายไปรอบข้าง
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
คลื่นอันคลุ้มคลั่งม้วนตัวขณะกวาดล้างไปทั่วทั้งดินแดนลับ
โครม!
ค่ายกลอักขระนอกดินแดนลับก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เมื่อเกิดการสั่นไหว อักขระจำนวนมากพลันพังทลายก่อนจะหายไป
ดินแดนลับเริ่มสูญสลาย
“นายท่าน!”
เจิ้งชิงเทียนปรากฏกายขึ้น พร้อมทั้งสำแดงรากฐานการบ่มเพาะทั้งหมดออกมา ก่อนจะขัดขืนคลื่นอากาศนั้นแล้วมุ่งหน้าสู่ใจกลางการต่อสู้
ยามนี้กำแพงเพลิงสวรรค์เปิดออกแล้ว วิหคเพลิงสามตนบินออกมาคล้ายกับพยายามจะหลบหนี แต่ลู่หยวนไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือขณะใช้พลังมารปกคลุมคว้าจับพวกมันทั้งหมดเอาไว้
หอคอยอสูรสวรรค์วูบไหวมาอยู่เบื้องหน้าของวิหคเพลิง โซ่จำนวนนับไม่ถ้วนพลันพันธนาการพวกมันเอาไว้ในอากาศ
ลู่หยวนลดมือขณะที่กระบี่วิถีโลกาและกระบี่มหันตภัยถูกเก็บไว้ข้างกาย
เมื่อเห็นดังนี้ ทั้งเจิ้งชิงเทียนและสือจิ่วต่างเข้าใจว่าลู่หยวนกำลังจะดูดกลืนขนวิหคเพลิงแท้จริงทั้งสามเส้นเข้าไป
แต่บัดนี้พื้นดินพลันสั่นสะเทือน เห็นได้ชัดว่าดินแดนลับกำลังพังทลาย
พวกนางมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้า จากนั้นจึงทะยานออกไปแล้วปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา
ตู้ม! ตู้ม!
พลังกลุ่มหนึ่งทะยานออกมาประหนึ่งเสา พวกมันทะยานสู่ท้องนภาก่อนจะปกคลุมฟ้าดินเอาไว้ ทำให้ท้องนภาสั่นคลอนราวกับมีชีวิต!