ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา – บทที่ 453 หารือ

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 453 หารือ

บทที่ 453 หารือ

ไป๋ชิวเอ๋อร์กับฉินอี่หานเหลือบมององครักษ์จิ้งจอกสวรรค์ด้านนอกอย่างเงียบ ๆ พวกนางเพียงตามลู่หยวนเข้าไปในห้องโถง

คืนนั้น เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ล้วนเงียบงัน

นอกจากองครักษ์บางส่วนแล้ว คนที่เหลือต่างก็พากันพักผ่อน

องครักษ์จำนวนมากอีกส่วนหนึ่งก็กำลังคุ้มกันอยู่ด้านนอกวังของลู่หยวน

อีกมุมหนึ่งของพระราชวัง เหล่าจิ้งจอกสวรรค์ก็แต่งกายปกปิดร่างกายตนเองแล้วลอบเข้าสู่ห้องโถงในลานดังกล่าวอย่างระมัดระวัง

ห้องโถงใหญ่มีเพียงแสงไฟสลัว

หลังจากกลุ่มคนเข้ามา พวกเขามองหน้ากันแล้วนั่งอยู่ทั้งสองฝั่งของห้องโถงใหญ่

ที่นั่งผู้นำยังคงว่างเปล่า

หลังจากผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป ทั้งสองก็เข้ามาในห้องโถงใหญ่แล้วถอดชุดคลุมที่ปกปิดใบหน้าออก

ผู้คนต่างก็ลุกขึ้นยืนตัวตรงด้วยความยำเกรงเมื่อเห็นผู้นำ แล้วทำความเคารพพร้อมเปล่งเสียงตะโกนออกมา “ท่านจักรพรรดิ!”

ทว่า มีเพียงหนึ่งถึงสองคนที่ยืนขึ้นแต่ไม่ทำความเคารพ

ชายชราผู้ได้รับความเคารพและการคำนับจากทุกคนไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซู่เฟิง!

ในยามนี้ เขาไม่ได้เคลื่อนไหวลำบากเฉกเช่นตอนกลางวัน แต่กลับสามารถเดินเหินสะดวก!

ซู่เฟิงเดินตรงไปยังที่นั่งผู้นำแล้วนั่งลง คนที่ตามหลังมามีสีหน้าเหนื่อยล้าและมีกลิ่นกายคล้ายคลึงกับเขา

คนผู้นี้คือลูกชายคนเดียวของซู่เฟิง… ซู่เปียว!

เขายืนอยู่ด้านหลังซู่เฟิง เขากวาดตามองด้วยจิตสังหารอันเกรี้ยวกราดจนไม่มีใครกล้าสบตา!

“ทุกท่านเชิญนั่งลง”

ยามซู่เฟิงเอ่ยขึ้น เสียงของเขาไม่แหบแห้งเหมือนตอนกลางวัน มันกลับสงบอย่างเป็นธรรมชาติ

สำหรับผู้อยู่เบื้องล่างแล้ว เสียงของซู่เฟิงก็เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร

คนเหล่านี้แยกย้ายกันนั่งลง

ซู่เฟิงอธิบาย “สาวน้อยผู้นั้นรบกวนข้านานไปหน่อยจนเกิดความล่าช้า แต่บัดนี้ทุกท่านที่ควรอยู่ที่นี่ต่างก็เดินทางมาถึงแล้ว”

ซู่เปียวกวาดสายตามองไปด้านล่าง จากนั้นจ้องมองไปยังเก้าอี้ตัวสุดท้ายซึ่งยังว่างเปล่า

คืนนี้มีการจัดเตรียมเก้าอี้เอาไว้สิบตัว ตอนนี้มีมาเก้าคน หายไปหนึ่งคน!

ซู่เปียวเอ่ยด้วยความเคารพ “โฉวโยวยังมาไม่ถึง แต่คนที่เหลือมาถึงแล้ว”

ซู่เฟิงยิ้มอย่างเย้ยหยันเมื่อได้ยินเช่นนี้ “สุนัขเฒ่าตัวนี้ ข้าอุตส่าห์ลำบากลำบนเพื่อโน้มน้าวให้ยอมจำนนพร้อมมอบผลประโยชน์มากมายให้ บัดนี้พอสาวน้อยผู้นั้นหวนคืน เขากลับลืมเลือนความช่วยเหลือทั้งหมดที่ข้ามอบให้งั้นหรือ?!”

“แท้จริงแล้วเจ้ามันก็แค่เกลือเป็นหนอน!”

สิ้นเสียงตะโกนอันเกรี้ยวกราดของซู่เฟิง คนทั้งเก้าที่นั่งอยู่เบื้องล่างก็ไม่กล้าเอ่ยคำใด

บางคนมีแววตาหนักแน่นประหนึ่งเห็นด้วยกับซู่เฟิง แต่บางคนกลับมีท่าทีลังเล

ถึงอย่างไรหากพูดตามหลักเหตุและผล หลังจากเทียนเม่ยเอ๋อร์กลับมา เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ก็ควรให้นางสืบทอดบัลลังก์!

เผ่าจักรพรรดิจิ้งจอกสวรรค์ปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างดีมาโดยตลอด!

พวกเขาถือเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่คอยค้ำจุนเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ เขาจึงต้องสนับสนุนตัวตนของจักรพรรดิ!

แต่เพราะการมาถึงของเผ่ามังกรเกล็ดที่ทำลายล้างเผ่าจักรพรรดิจิ้งจอกสวรรค์เพียงชั่วข้ามคืน ทำให้ไม่มีพวกเขาหลงเหลืออยู่ในหุบเขาบูรพาอีกเลย!

เทียนเม่ยเอ๋อร์ซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวก็ไม่มีข่าวคราวแต่อย่างใด

แต่เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ขนาดใหญ่ยังต้องการผู้นำ

ตอนนี้เองที่ซู่เฟิงปรากฏตัวขึ้น เขาใช้อุบายมากมาย ทั้งศักดิ์ศรี ผลประโยชน์ หรือการข่มขู่ จนในที่สุดเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ก็ตกอยู่ใต้อาณัติของตน!

ตอนที่เขาเป็นผู้นำชั่วคราว เผ่ามังกรเกล็ดซึ่งทำสงครามกับเผ่าจิ้งจอกสวรรค์มาเนิ่นนานถึงกับหยุดต่อสู้ แถมยังส่งคนมาสานสัมพันธ์ฉันมิตร!

ดังนั้นชื่อเสียงของซู่เฟิงก็ยิ่งเพิ่มพูน!

ผู้คนทั้งหลายยิ่งเอ่ยว่าซู่เฟิงสมควรได้รับตำแหน่งจักรพรรดิ!

ซึ่งวันที่เทียนเม่ยเอ๋อร์กลับมา คือวันประกอบพิธีที่ซู่เฟิงประกาศตนเป็นจักรพรรดิ!

ขณะสักการะฟ้าดิน ลู่หยวนก็พาพวกเทียนเม่ยเอ๋อร์เข้าไปยังอาณาเขตของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์!

พวกเขาพากันตกตะลึงหลังจากสัมผัสได้ถึงแรงกดดันของเผ่าจักรพรรดิจิ้งจอกสวรรค์ ซู่เฟิงเป็นคนแรกที่ตอบสนองก่อนจะขอให้ทุกคนพักเรื่องพิธีการทั้งหมดไว้ก่อน จากนั้นก็แสดงละครเพื่อออกมาต้อนรับเทียนเม่ยเอ๋อร์!

คืนนี้พวกเขามารวมตัวกันในห้องโถงใหญ่เพื่อหารือถึงความเป็นไปในภายภาคหน้าของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์

แต่เป้าหมายแท้จริงก็คือยืนยันจุดยืนของพวกเขา!

ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ

บางคนยังคงยืนหยัด แต่ผลประโยชน์ที่ซู่เฟิงมอบให้ก็นับว่าไม่น้อย

แต่บางคนก็รู้สึกไม่พอใจ หากเทียนเม่ยเอ๋อร์ไม่ปรากฏตัว พวกเขาคงอยู่สุขสบายไปแล้ว ถึงอย่างไรพวกตนก็ไม่ใช่คนที่หมกมุ่นเรื่องผลประโยชน์ เพียงแต่เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ต้องการผู้นำอย่างแท้จริง

ซู่เฟิงผู้นี้เก่งกาจสามารถ บารมีสูงส่ง หากเขาได้เป็นดูแลเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ ทุกอย่างจะต้องพัฒนาอย่างแน่นอน

แต่เทียนเม่ยเอ๋อร์ก็ยังปรากฏตัว!

นางคือผู้สืบทอดบัลลังก์ของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เพียงหนึ่งเดียว!

มันคือความจริงที่มิอาจปฏิเสธ!

พวกเขาไม่อาจหลอกตัวเองได้อีกต่อไป แล้วความขัดแย้งก็ก่อตัวขึ้นภายใน

ซู่เฟิงผู้นั่งอยู่ด้านบนย่อมมองเห็นสีหน้าของคนเบื้องล่าง

เขาหรี่ตาพลางเอนกายไปด้านหลัง แล้วเคาะนิ้วบนที่พักแขนของเก้าอี้เป็นครั้งคราว

“ข้าทราบว่าพวกเจ้าบางคนยังอยากสนับสนุนองค์หญิง แต่นางจากเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ไปนานและยังเด็กเกินไป หากฝากเรื่องนี้ให้จัดการ เกรงว่า…”

แม้ซู่เฟิงจะไม่เอ่ยจนจบประโยค แต่ความหมายของมันก็ชัดเจน

“ข้ารู้สึกว่าสงครามจิ้งจอกสวรรค์ดำเนินมาเนิ่นนานกว่าจะสงบลงได้ หากตอนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีก สถานการณ์ก็คงพลิกผันอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้!”

ไม่กี่อึดใจ สีของคนผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ด้านล่างก็ย่ำแย่ลงก่อนจะเอ่ยว่า “เช่นนั้นท่านจะจัดการอย่างไร?”

ซู่เฟิงเงียบสงัด

แน่นอนว่าเขากำลังคิดบางอย่างอยู่ในใจ

เขาหาทางไต่เต้าสู่บัลลังก์จักรพรรดิเผ่าจิ้งจอกสวรรค์อย่างยากลำบาก แล้วจะยอมให้ผู้อื่นมาแย่งชิงมันไปได้อย่างไร?!

‘วิธีการน่ะหรือ?’

‘แค่ฆ่านางเสีย!’

แต่แน่นอนว่าเขาไม่สามารถเอ่ยสิ่งนี้ออกมาได้

ซู่เฟิงคือบุคคลที่ได้รับความเคารพมากที่สุด ตอนขึ้นครองบัลลังก์ เขามีสีหน้าขมขื่นและเอาแต่เอ่ยว่า “พวกเจ้าช่างสรรหาปัญหามาให้เสียจริง ข้าผู้เป็นเพียงข้าราชบริพารจะกล้าริแย่งชิงบัลลังก์ได้อย่างไร?”

เมื่อสร้างภาพลักษณ์นี้ขึ้นมาแล้ว เขาจะต้องแสร้งทำต่อไปจนกว่าสถานการณ์โดยรวมจะถูกตัดสิน!

เกิดความเงียบสงัดในห้องโถงใหญ่

หลังจากผ่านไปหนึ่งถ้วยชา คนผู้หนึ่งก็ครุ่นคิดสักพักก่อนจะเอ่ยว่า “องค์หญิงยังเด็กเกินไป บัดนี้ตระกูลของเรายังไม่สงบ แม้เผ่ามังกรเกล็ดจากโลกภายนอกจะมีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเราชั่วคราว แต่ก็ยากที่จะมั่นใจได้ว่าพวกมันจะไม่แทงข้างหลัง และเนื่องจากพวกเราทำสงครามมานาน อำนาจในเผ่าย่อมลดลงไปมาก เผ่าพันธุ์อื่นจึงจับตาดูเราอย่างสนอกสนใจ!”

“อย่ายกตำแหน่งจักรพรรดิให้นางเป็นอันขาด!”

สีหน้าของซู่เฟิงแลดูดีขึ้นเมื่อได้ยินประโยคเหล่านี้

เขามองคนผู้นั้นด้วยดวงตาที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม

หากไม่นับโฉวโยว ชายผู้นี้ก็คือคนที่ดูถูกซู่เฟิงมากที่สุด หากไร้การสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ เกรงว่าอีกฝ่ายคงไม่มีวันเห็นด้วยกับการขึ้นครองบัลลังก์ของเขา

เดิมทีซู่เฟิงเกลียดคนผู้นี้ยิ่ง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายก็ไม่น่ารังเกียจถึงเพียงนั้น

ทันใดนั้น ชายผู้นั้นก็เงยหน้ามองซู่เฟิงแล้วเอ่ยต่อ “ข้าคิดว่าควรให้องค์หญิงเป็นโอรสาธิราชก่อน หากสถานการณ์เริ่มคลี่คลายหรือนางเติบใหญ่กว่านี้ การกลับมาสนับสนุนให้เป็นจักรพรรดิก็ยังไม่สาย!”

“สำหรับซู่เฟิง ไม่จำเป็นต้องแต่งตั้ง เพราะสุดท้ายเขาก็ต้องสละอำนาจอยู่ดี”

——————————-

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

Status: Ongoing
นิยายแปลเรื่อง ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา เรื่องย่อ : ลู่หยวน ชายหนุ่มผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ในมหาแดนโชคชะตา พร้อมกับตำแหน่งคุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะผู้โฉดชั่ว! ทั้งก่อกรรมทำเข็ญ ทั้งลักพาตัวลูกหลานของกองกำลังอื่นมากักขังไว้นับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคือสาวงามผู้กำลังจะมีผู้ฝึกยุทธ์รูปหล่อตามมาช่วยชีวิต บัดซบ… ไม่ว่าจะคิดอย่างไร นี่มันบทบาทของตัวร้ายกากเดนชัด ๆ! ในระหว่างที่กำลังปวดหัวกับชีวิตใหม่อยู่นั้นเอง กล่องข้อความก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า บ่งบอกว่าการเชื่อมต่อกับระบบวายร้ายสำเร็จแล้ว! ด้วยระบบที่สามารถช่วงชิงโชคชะตาของเหล่าตัวเอกได้ ตำนานจอมวายร้ายสุดอหังการ์ผู้โค่นล้มพระเอกทั่วหล้าจึงเปิดฉากขึ้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน