ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา – บทที่ 490 มารกระบี่ถูกสังหาร

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 490 มารกระบี่ถูกสังหาร

บทที่ 490 มารกระบี่ถูกสังหาร

มารกระบี่เหลือบมองลู่หยวน

ด้วยพละกำลังระดับนั้น ย่อมหมายความว่าร่างกายของอีกฝ่ายได้รับการหล่อเลี้ยงโดยกลิ่นอายมารมานานแล้ว!

เมื่อไม่นานมานี้ ลู่หยวนน่าจะมีความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้เกิดขึ้น!

หากเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าลู่หยวนจะถูกกลิ่นอายมารตอบโต้ก่อนจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดไร้จิตสำนึกในที่สุด!

ดังนั้น…

มารกระบี่จึงตัดสินใจ

“ข้าทราบว่าระดับการฝึกยุทธ์ของท่านนั้นยอดเยี่ยม เมื่อเทียบกับคนรุ่นเดียวในเผ่ามนุษย์แล้ว ท่านนับว่าเป็นตัวตนที่หาได้ยาก”

“แต่ถึงอย่างไรท่านก็ยังเป็นร่างของเมล็ดพันธุ์มาร ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องถูกตอบโต้โดยกลิ่นอายมารจนกลายเป็นสัตว์ประหลาดหุ่นเชิดที่ไร้จิตสำนึก!”

มารกระบี่เปี่ยมด้วยความมั่นใจ “ข้ามีวิธีหยุดกลิ่นอายเมล็ดพันธุ์มารเพื่อไม่ให้กลืนกินท่าน แต่ท่านต้องพาข้าออกจากที่นี่เพื่อค้นหาวัตถุดิบบางอย่าง”

มารกระบี่วางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว ตราบใดที่ลู่หยวนตกลงจะพาออกไป นั่นก็เท่ากับเป็นการยอมให้มันติดตามไปด้วย

ต่อให้ลู่หยวนจะไม่ใช้กระบี่มารแปดแดนร้าง แต่ผนึกสายเลือดจะทำให้เขาต้องยอมเป็นนายท่านของมัน

มันสามารถติดตามลู่หยวนและใช้พละกำลังกับการฝึกยุทธ์ของอีกฝ่ายเพื่อเติมเต็มข้อบกพร่องให้ตัวเองได้!

หากดูจากระดับการฝึกยุทธ์ในวิถีมารของลู่หยวนแล้วก็มีความเป็นไปได้ที่สามารถทำให้ร่างอันไม่สมบูรณ์ของมารกระบี่กลับมาสมบูรณ์ได้!

“ไม่มีอย่างอื่นอีกหรือ?”

ลู่หยวนยังคงถามต่อไป

มารกระบี่ส่ายหน้า ในใจของมันเพียงนึกออกแต่ผลย้อนกลับจากพลังของเมล็ดพันธุ์มารเท่านั้น สำหรับลู่หยวน เงื่อนไขนี้มากพอที่จะไว้ชีวิตอีกฝ่ายแล้ว!

ทว่าเมื่อคิดดูอย่างถ้วนถี่ มันก็ไม่มีอย่างอื่นจะให้พูดเช่นกัน

ลู่หยวนเงยหน้าขณะจิตสังหารพลันแผ่ซ่านออกจากดวงตา

กระบี่ยักษ์ที่หยุดนิ่งกลางอากาศพลันสั่นไหว จากนั้นก็กระแทกลงมาอย่างรุนแรงด้วยพลังมหาศาล!

มารกระบี่ถูกกำราบอีกครั้งด้วยพลังของกระบี่ดังกล่าวในทันที!

มันเอ่ยคำด้วยความไม่อยากเชื่อ “ท่านบอกว่าจะไม่ฆ่าข้า!”

ลู่หยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา “ข้ายังบอกอีกว่าข้าคือบรรพชนของเจ้า!”

ตู้ม!

กระบี่ยักษ์เคลื่อนมาถึงในพริบตาก่อนจะกระแทกใส่มารกระบี่อย่างไร้ความปรานี

ร่างของมารกระบี่ระเบิดในทันที ส่วนลู่หยวนยกมือเพื่อสร้างค่ายกลขณะรวบรวมกลิ่นอายทั้งหมดของมารกระบี่ก่อนจะเก็บไว้ในจิตเทวะ

เขาไม่สามารถดูดกลืนกลิ่นอายมารที่ถูกมารกระบี่ยึดครองได้ แต่หอคอยอสูรสวรรค์จะต้องยินดีที่ได้เห็นมันอย่างแน่นอน

คงจะดีกว่าหากผนึกมันเอาไว้ในจิตเทวะ จากนั้นเมื่อหอคอยอสูรสวรรค์ปรากฏ มันก็จะกลายเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยให้อีกฝ่าย

ส่วนผลย้อนกลับของพลังมารที่มารกระบี่พูดถึง ลู่หยวนนั้นไม่กังวลเลย

สิ่งที่อีกฝ่ายจะสื่อก็คือเมล็ดพันธุ์มารไม่สามารถควบคุมจิตเทวะของเขาได้ในตอนนี้ แต่ในอนาคตเขาจะถูกควบคุมโดยพลังของเมล็ดพันธุ์มารจนเสื่อมโทรมถึงขั้นกลายเป็นสัตว์ประหลาดหุ่นเชิด

นี่ยังไม่รวมเรื่องที่ลู่หยวนในตอนนี้เป็นทั้งร่างของเมล็ดพันธุ์มารกับเส้นชีพจรสวรรค์คุณธรรม

เมื่อสองสิ่งนี้อยู่ร่วมกัน ย่อมไม่มีใครยอมใคร

ร่างของเมล็ดพันธุ์มารไม่สามารถก้าวข้ามเส้นชีพจรสวรรค์คุณธรรมจนควบคุมความคิดของลู่หยวนได้

นอกจากนี้ ลู่หยวนยังมีระบบอยู่กับตัว

สิ่งเล็กน้อยเช่นนี้จะมาใหญ่กว่าระบบได้อย่างไร?!

หลังจากทำลายมารกระบี่แล้ว กระบี่มารแปดแดนร้างในมือของลู่หยวนก็สงบลงเช่นกัน

พลังมารส่วนใหญ่ในกระบี่มารแปดแดนร้างก็หายไปเช่นกัน

“เจ้าหนู ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะทำอะไรกับกระบี่เล่มนี้”

อู๋เต้าเอ่ยคำอีกครั้ง

เขาเป็นเพียงเศษเสี้ยววิญญาณที่ติดอยู่กับโครงกระดูกยักษ์

แม้โครงกระดูกจะถูกทำลายโดยมารกระบี่ไปแล้ว แต่เศษเสี้ยววิญญาณของอู๋เต้ายังคงสมบูรณ์

ลู่หยวนเหลือบมองแล้วเอ่ยคำ “ข้าลืมเจ้าไปสนิทเลย”

สิ้นคำ เขาก็กำลังจะทำลายอีกฝ่าย

อู๋เต้าไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น

แม้กระทั่งมารกระบี่ยังไม่รอด เขาที่อยู่ในสภาพนี้ ต่อให้อยากหนีก็คงไปได้ไกลไม่เกินสามหมี่เท่านั้น

เมื่อครู่ตอนมารกระบี่กำลังเผชิญหน้ากับลู่หยวน เขากำลังคิดอยู่ว่าจะรักษาชีวิตอันน้อยนิดไว้อย่างไร

การเตือนมารกระบี่ให้เปิดเผยเรื่องเมล็ดพันธุ์มารก็เป็นหนทางหนึ่งที่อู๋เต้าใช้ทดสอบลู่หยวน

เขาอยากทราบว่าลู่หยวนจะไว้ชีวิตหรือไม่หากแลกด้วยความลับสำคัญเช่นนั้น

แต่จุดจบก็อย่างที่เห็น

มารกระบี่ตายอย่างรวดเร็ว

ยิ่งกว่านั้น ลู่หยวนไม่ให้ความสำคัญเรื่องการรักษาสัญญาแม้แต่น้อย

ต่อให้อู๋เต้าจะพูดเรื่องเงื่อนไขเย้ายวนเมื่อครู่ แต่ลู่หยวนก็เพียงเห็นด้วยชั่วคราวเท่านั้น หลังจากจบเรื่องแล้ว เขาก็ยังตายอยู่ดี

สำหรับลู่หยวน เขาจะมีชีวิตยืนยาวเท่าไหร่ก็อยู่ที่ว่าเขามีค่าแค่ไหนก็เท่านั้น

ที่อู๋เต้าถามไปเช่นนั้นเพราะอยากทราบว่าลู่หยวนคิดจะทำอย่างไร

ลู่หยวนมองอู๋เต้าก่อนจะเผยรอยยิ้มเย็นชา “เจ้าจะไม่ดิ้นรนสักหน่อยหรือ?”

หลังจากนั้น ลู่หยวนเก็บกระบี่มารแปดแดนร้างกับส่วนที่หักเข้าไปในแหวนเก็บของ

เขามีความคิดที่จะจัดการกับกระบี่เล่มนี้อยู่แล้ว

เมื่อเห็นลู่หยวนไม่เอ่ยคำอะไร อู๋เต้าก็ทำได้เพียงยิ้ม “แน่นอนว่าข้าอยากดิ้นรน”

หลังจากคิดดูแล้ว อู๋เต้าก็เอ่ยคำออกมา

“ข้าคือหนึ่งในผู้นำของเผ่ามนุษย์ในช่วงสงครามเมื่อสามแสนปีก่อน สิ่งที่ข้าเป็นก็คือจักรพรรดิในหมู่เผ่ามนุษย์!”

ลู่หยวนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนี้

ราชวงศ์ที่มีอายุสามแสนปีย่อมมีความสามารถ

ในตอนนั้นมันไม่เหมือนกับตอนนี้ รวมถึงไม่เหมือนกับหุบเขาบูรพาที่จะให้เผ่าใดเป็นจักรพรรดิก็ได้

มันไม่เหมือนกับแดนมัชฌิมที่สามารถเป็นจักรพรรดิจากการช่วงชิงเส้นชีพจรจักรพรรดิ!

ในตอนนั้น มีเพียงสายเลือดทรงพลังที่สุดซึ่งอยู่เหนือมนุษย์ทั้งหลายเท่านั้นที่จะมีโอกาสถูกเรียกว่าจักรพรรดิ!

ส่วนจะถูกเรียกว่าจักรพรรดิหรือไม่ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพละกำลังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการโน้มน้าวผู้คนอีกด้วย!

ลู่หยวนบังเกิดความสงสัย

ตาเฒ่าผู้นี้ที่เพิ่งสนทนากับมารกระบี่ไปไม่คล้ายกับเป็นคนที่เผ่ามนุษย์จะยกย่องเพื่อให้กลายเป็นจักรพรรดิ!

ตามทิศทางของโลกในตอนนั้น มันน่าจะมีเพียงความตั้งใจที่จะกำจัดมารในใจและเคารพวิถีคุณธรรมเพื่อจะได้นั่งบัลลังก์จักรพรรดิ

อู๋เต้าสังเกตเห็นความสงสัยก่อนจะหัวเราะออกมาสองสามครั้ง

“ในตอนนั้นมันไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่เจ้าคิด มีสามคนในเผ่ามนุษย์ที่สืบทอดฉายาจักรพรรดิได้สำเร็จ ซึ่งข้าเป็นหนึ่งในนั้น ส่วนวิธีการขึ้นครองบัลลังก์ สำหรับผู้อื่นก็คงจะยุ่งยากที่ต้องแสร้งทำเป็นชอบธรรมและซื่อตรงออกมา”

“แต่สำหรับข้า แค่หมัดเดียวก็คลี่คลายปัญหาได้แล้ว! หากไม่เชื่อฟังก็ต้องถูกทุบตี!”

“หากข้าต้องการเป็นจักรพรรดิก็แค่ทุบตีใครก็ตามที่ไม่เห็นด้วย!”

“ตราบใดที่เอาชนะทุกคนจนไม่กล้าส่ายหน้า ตำแหน่งจักรพรรดิก็ไม่หายไปไหน!”

ในน้ำเสียงไร้เดียงสาดังกล่าวเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณสูงส่ง “จะว่าไปแล้ว ข้ามีของดีชิ้นหนึ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์กับเจ้า ”

สิ้นคำ เศษเสี้ยววิญญาณของอู๋เต้าคล้ายกับผันผวนเล็กน้อย แล้วจุดแสงสีทองอ่อนก็ทะยานออกมาก่อนจะตกลงตรงหน้าลู่หยวน

“นี่คืออำนาจจักรพรรดิหมื่นทวี!”

เมื่อลู่หยวนมองแสงสีทอง เขาก็สัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยบางอย่าง

หลังจากครุ่นคิดสักพัก เขาก็นึกขึ้นได้

บนแสงสีทองขนาดเล็กนี้มีกลิ่นอายที่คุ้นเคยมาก มันเหมือนกับเส้นชีพจรจักรพรรดิแดนมัชฌิม

เพียงแต่กลิ่นอายที่อยู่ตรงหน้าน่าทึ่งและทรงพลังยิ่งกว่า!

ลู่หยวนคล้ายกับเห็นจักรพรรดิผู้สง่างามกำลังนั่งอยู่ตรงหน้า!

“เจ้าหนู ข้ารู้ว่ามีเพียงผู้ที่มีประโยชน์ต่อเจ้าเท่านั้นที่จะมีชีวิตอยู่ได้”

“เจ้าคงเห็นแล้วว่าข้าเป็นเพียงเศษเสี้ยววิญญาณ หากสามารถพาข้าออกไปเพื่อสร้างร่างใหม่ขึ้นมาได้ ข้ามีเคล็ดวิชาลับบางอย่างที่สามารถเสริมอำนาจจักรพรรดิในร่างของเจ้าได้หลังจากดูดกลืนอำนาจจักรพรรดิหมื่นทวีเข้าไปแล้ว!”

“หากมีโชคชะตา เจ้าจะเป็นคนเดียวที่จะมีสายเลือดของจักรพรรดิในภายภาคหน้า!”

——————————-

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

Status: Ongoing
นิยายแปลเรื่อง ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา เรื่องย่อ : ลู่หยวน ชายหนุ่มผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ในมหาแดนโชคชะตา พร้อมกับตำแหน่งคุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะผู้โฉดชั่ว! ทั้งก่อกรรมทำเข็ญ ทั้งลักพาตัวลูกหลานของกองกำลังอื่นมากักขังไว้นับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคือสาวงามผู้กำลังจะมีผู้ฝึกยุทธ์รูปหล่อตามมาช่วยชีวิต บัดซบ… ไม่ว่าจะคิดอย่างไร นี่มันบทบาทของตัวร้ายกากเดนชัด ๆ! ในระหว่างที่กำลังปวดหัวกับชีวิตใหม่อยู่นั้นเอง กล่องข้อความก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า บ่งบอกว่าการเชื่อมต่อกับระบบวายร้ายสำเร็จแล้ว! ด้วยระบบที่สามารถช่วงชิงโชคชะตาของเหล่าตัวเอกได้ ตำนานจอมวายร้ายสุดอหังการ์ผู้โค่นล้มพระเอกทั่วหล้าจึงเปิดฉากขึ้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน