เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 18 เปิดใช้งานภารกิจ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 18 เปิดใช้งานภารกิจ

บทที่ 18 เปิดใช้งานภารกิจ

[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่เปิดใช้งานภารกิจแรก ‘พืชนับพันล้วนอยู่ในตำรา’ : เปลี่ยนความคิดของพี่ชาย!

รายละเอียดของภารกิจ : พี่ชายทั้งเก้าคนของตระกูลซูกำลังแบกรับภาระหน้าที่ในการเปลี่ยนชะตากรรมของครอบครัว ทว่าพวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเล่าเรียน และไม่ตั้งใจเรียนเลยแม้แต่น้อย

ข้อกำหนดของภารกิจ : ภายในเวลาหนึ่งเดือน พี่ชายทั้งเก้าคนต้องตระหนักถึงความสำคัญของการเล่าเรียน และสามารถริเริ่มเรียนด้วยตนเองได้!

รางวัลและการลงโทษ : หากทำภารกิจสำเร็จจะมีโอกาสได้สุ่มรางวัล หากล้มเหลวความยากของภารกิจต่อไปจะเพิ่มขึ้น]

ซูเสี่ยวเถียนอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง อะไรนะ? นี่คือเปิดใช้งานภารกิจแรกเหรอ?

ถึงแม้ว่าจะเป็นภารกิจแรก หากทำไม่สำเร็จ ความยากที่ตามมาจะเพิ่มขึ้น มันคงจบแล้วจริง ๆ

ซูเสี่ยวเถียนตัดสินใจได้แล้ว เธอไม่สนใจพวกพี่ชายอีกต่อไป มือน้อย ๆ ยกหนังสือพิมพ์ก่อนอ่านออกเสียง

ยามที่เธออ่าน เสียงของเธอดังฟังชัด ไม่ตะกุกตะกัก จังหวะไหลลื่น ครั้นได้ฟังก็รู้สึกเพลิดเพลิน

พวกพี่ชายตกตะลึง

เป็นไปได้อย่างไรกัน?

น้องเล็กเรียนหนังสือมานานแค่ไหน? จะอ่านเก่งขนาดนี้ได้อย่างไร?

โกหกกันหรือเปล่า?

หลายคนส่ายหัว กะพริบตาปริบ หากแต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนฉากตรงหน้าได้

ซูเสี่ยวเถียนอ่านได้คล่องแคล่ว คำที่ดูเหมือนคลุมเครือ และเข้าใจยากเหล่านั้นถูกเรียบเรียงให้เข้าใจง่ายผ่านสายตาของนาง

ไม่แปลกใจที่คุณปู่บอกว่าพวกเขาทั้งไร้ประโยชน์ เมื่อเทียบกับน้องเล็กแล้วไม่ใช่แค่ไร้ประโยชน์หรอกกระมัง?

ฮือ ฮือ ฮือ ทำไมพวกเขาน่าผิดหวังแบบนี้นะ?

แม้แต่น้องเล็กก็ยังเทียบไม่ได้

ขณะที่ซูเสี่ยวเถียนอ่านหนังสือพิมพ์อย่างถูกต้อง พวกผู้ใหญ่ในตระกูลก็ตะลึงงันเช่นกัน

พวกเขาไม่รู้หนังสือ และไม่รู้ว่าลูกหลานคนไหนอ่านได้ดีหรือไม่ดีบ้าง แต่รู้สึกได้ชัดเจนว่าการอ่านของซูเสี่ยวเถียนฟังสบายยิ่งกว่า

อย่างตอนนี้ น้องเสี่ยวเถียนอ่านได้ยอดเยี่ยมที่สุด!

พวกพี่น้องในตระกูลไม่รู้ว่าเหล่าผู้อาวุโสตัดสินพวกเขาเอาไว้

หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายผสมปนเปกัน ด้านหนึ่งด้อยค่าตนเองที่อ่านได้ไม่ดี ไม่เหมือนกับน้องสาวที่เพิ่งเรียนหนังสือไม่ถึงปี อีกด้านหนึ่งดีใจที่เธออ่านหนังสือพิมพ์ได้ จึงไม่เจ็บปวดและไม่เสียใจเท่าไรนัก

ในขณะที่จิตใจของพวกเขากำลังปั่นป่วน ซูเสี่ยวเถียนก็อ่านข้อความจบหนึ่งย่อหน้า

เธอพับหนังสือพิมพ์อย่างระมัดระวัง และมองไปยังพวกพี่ชายด้วยรอยยิ้ม ท่าทางเหมือนขอคำชม

“น้องเล็ก น้องไม่ได้ไปฟังใครอ่านมาก่อนแล้วจดลงไปใช่ไหม?”

ซูซื่อเลี่ยงยังรู้สึกว่าไม่สมควรที่น้องเล็กจะอ่านได้เยอะเช่นนี้!

น้องสาวฉลาดจนพวกเขาดูเหมือนคนโง่เขลาสองคนมาเจอกันอย่างไรอย่างนั้น?

“หนูอ่านเองจริง ๆ ค่ะ ถ้าพี่รองไม่เชื่อก็ชี้สักย่อหน้าหนึ่งให้หนูอ่านแล้วกัน” ซูเสี่ยวเถียนพูดกับซูซื่อเลี่ยงพร้อมกับกะพริบดวงตากลมโตที่เป็นประกาย

หนังสือที่เธออ่านอยู่ทุกวันนี้มันไม่ได้ไร้ประโยชน์ ไม่ต้องพูดถึงหนังสือพิมพ์พวกนี้เลย ยิ่งยากก็ยิ่งจดจำ

ซูซื่อเลี่ยงกำลังจะชี้ย่อข้อความสักย่อหน้าแล้วให้ซูเสี่ยวเถียนอ่านอีกครั้ง กลับได้ยินน้ำเสียงโกรธเคืองของคุณย่าซูแทน

“ไอ้พวกเด็กดื้อ ทุกวันนี้ไปโรงเรียนกันทำอะไร? แม้แต่น้องก็ยังเทียบไม่ได้ เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์นัก พวกไร้ค่า ถ้าไม่ตั้งใจเรียนอีก ย่าจะตัดหางปล่อยวัด!”

คุณย่าซูไม่ได้เรียนหนังสือ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเรียนแล้วจะมีประโยชน์อันใด แต่เห็นคนในชุมชนการผลิตที่เรียนหนังสือได้เป็นนักบันทึกคะแนน หรือไม่ก็เป็นนักบัญชี และใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ชีวิตน่าอิจฉายิ่งนัก ใจจึงคิดอยากให้พวกหลานไปเรียนบ้างจะได้ไม่ต้องถือจอบขุดดินอยู่ทุกวัน

ส่วนเจ้าพวกเด็กเหลือขอเหล่านี้เรียนหนังสือมาตั้งหลายปี กลับไม่เหมือนดั่งน้องเสี่ยวเถียนหลานรัก นั่นทำให้เธอผิดหวังเป็นอย่างมาก

“แล้วก็เห็นนะว่าพวกแก วัน ๆ เอาแต่ทะเลาะกัน ถึงได้ไม่ขยันเช่นนี้ไง!”

ซูเหล่าต้าพูดอย่างหยาบคาย เข้มงวดเพื่อลูกหลานก็แล้ว แต่ทำไมเด็ก ๆ ถึงไม่ดีขึ้นเลย? ต้องตีเสียแล้ว!

คำพูดของเขาได้รับการเห็นด้วยจากซูเหล่าเอ้อร์และซูเหล่าซานในทันที

แม้เหล่าสะใภ้ของตระกูลซูจะรู้สึกว่าการตีเด็กเป็นเรื่องปวดใจ แต่เมื่อเห็นว่าลูกชายที่โตขนาดนี้ยังเทียบไม่ได้กับเด็กหญิงอายุเจ็ดขวบก็รู้สึกว่าสิ่งที่พวกผู้ชายพูดนั้นสมเหตุสมผล

คุณย่าซูเป็นฝ่ายเคลื่อนไหว และกำลังมองหาไม้กวาดที่ส่วนด้ามจับมัดด้วยเหล็กจนเป็นปล้อง ๆ

“คุณย่า พวกเราจะตั้งใจเรียนครับ”

ซูซื่อเลี่ยงกลัวว่าคุณย่าจะลงมือจริง ๆ จึงรีบพูดอย่างแน่วแน่เพื่อแสดงให้เห็นว่าต่อไปจะตั้งใจเรียน

ต้องบอกว่าซูซื่อเลี่ยงเป็นคนหนึ่งที่ฉลาดและอ่านสถานการณ์ออก

แต่ซูเสี่ยวเถียนรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ได้มาจากใจ แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น แต่ไม่คิดจะตั้งใจเรียนจริง ๆ หรอก

แต่ไม่ต้องกังวลนะ กระทำอย่างช้า ๆ ไร้สุ้มไร้เสียง คอยกระตุ้นทีละนิด ๆ และในที่สุดก็จะทำให้พวกเขาเปลี่ยนไปได้เอง

“คุณย่าคะ ไม่ใช่ว่าพวกพี่ ๆ ไม่ได้ตั้งใจเรียนนะคะ แต่เพราะตอนนี้โรงเรียนเป็นแบบนั้น หลังจากนี้ต้องมาเรียนเพิ่มอีกที่บ้านถึงจะดีค่ะ!” ซูเสี่ยวเถียนรีบคว้าชายเสื้อของคุณย่าไว้เพื่อเกลี้ยกล่อม

ในยุคนี้ คนส่วนใหญ่คิดว่าการเรียนหนังสือมันไม่มีประโยชน์ ดังนั้นจึงไม่ตั้งใจเรียนเลย

ที่โรงเรียนมีครูสองคนสอนนักเรียนห้าชั้นเรียน แต่กลับบอกให้พวกเขาวิ่งเล่น

อันที่จริงพี่ชายของเธอดีจริงๆ นะ

คุณย่าซูยังอดกลั้นไม่ได้จึงเอ่ยด้วยโทสะ “หลานรัก ถ้าพวกเขาเชื่อฟังเหมือนหลานก็คงเรียนเก่งไปตั้งนานแล้ว”

ซูเสี่ยวเถียนรู้สึกละอายใจ

“คุณย่าขา เมื่อวานพวกพี่ ๆ ก็ให้คำสัญญากับหนูว่าจากนี้ไปจะตั้งใจเรียนค่ะ แล้วก็จะเรียนมัธยมศึกษาปลายเพื่อหางานด้วย พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม พวกพี่สัญญากับหนูใช่ไหมล่ะ?”

สามพี่น้องจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าซูเสี่ยวเถียนช่วยพวกเขาจากสถานการณ์เลวร้าย จึงรีบพยักหน้า

แม้ว่าซูซานกงจะเรียนเก่งที่สุด แต่ก็ยังรู้สึกถึงระยะห่างของช่องว่าง ภายในใจเริ่มคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะเรียนดีได้

ซูซื่อเลี่ยงมองไปยังญาติผู้น้องคนเล็ก และในที่สุดก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “น้องเล็ก ไม่ต้องกังวลไปนะ พี่จะตั้งใจเรียนแน่นอน ถึงพี่ใหญ่กับน้องสามจะเรียนดีกว่าพี่ แต่มันไม่ใช่ปัญหาเลย!”

คราวนี้เขาพูดอย่างเคร่งขรึม และจริงใจมากกว่าที่เพิ่งพูดกับคุณย่าซูเมื่อครู่

ลูกผู้ชายอกสามศอก พูดแล้วก็ต้องทำให้ได้ แค่เรียนหนังสือใช่ไหม? จะมีอะไรให้ยากกันเชียว?

ตราบใดที่น้องเล็กมีความสุข ความขมขื่นนี้เขากล้ำกลืนฝืนทนได้!

ซูเสี่ยวเถียนกล่าวอย่างทันท่วงที “ถ้าไม่อย่างนั้น พวกเรามาเปรียบเทียบกันดูไหมคะว่าใครเรียนได้เก่งกว่ากัน”

ทันทีที่เธอเอ่ยเช่นนี้ สีหน้าของพี่น้องทั้งเก้าก็ดูไม่ค่อยดีนัก หากเป็นเมื่อก่อนคงจะไม่คิดอะไร

แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับได้ในวันนี้ พวกเขาคิดว่า แม้ว่าจะฟาดม้าก็ไม่อาจไล่น้องเล็กได้ทัน

น้องเล็กคงไม่ทำให้เขาอับอายใช่ไหม?

พวกเขาเป็นชายอกสามศอกที่สง่าผ่าเผย แต่เทียบไม่ได้กับน้องเล็กตัวน้อย พูดไปคงเป็นความอัปยศสินะ?

พวกเขาเป็นคนที่ไร้ยางอายใช่หรือไม่?

ซูเสี่ยวเถียนไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่จึงพูดต่อ “ใกล้จะสอบแล้วค่ะ มาดูกันว่าครั้งนี้ใครในพวกเราจะทำได้ดีบ้าง”

“พี่เทียบเราไม่ได้เลยหรอก น้องเล็ก”

เป็นซูจิ่วเหลียนที่พูดขึ้น ตอนนี้เขาเสียความมั่นใจในตนเองไปแล้ว

น้องเล็กอายุน้อยกว่าเขาสองปี แต่เธอเก่งกว่าเขามาก

ซูเสี่ยวเถียนตกตะลึงเมื่อได้ยิน เธอควรทำอย่างไรดี?

เธอพยายามมากเกินไป พี่เก้าสูญเสียความมั่นใจแล้ว!

ไม่ดีแล้ว ๆ ต้องให้ทำให้เขามีความมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง

เริ่มวันนี้เลยจะดีมาก คอยให้คำปรึกษาพวกพี่ ๆ เสียหน่อย

ขณะที่พี่ชายน้องสาวกำลังมีปฏิสัมพันธ์อันดีอยู่ก็ถูกแขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามารบกวน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท