เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 34 ด้อยกว่าเด็กผู้หญิง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 34 ด้อยกว่าเด็กผู้หญิง

บทที่ 34 ด้อยกว่าเด็กผู้หญิง

ประโยคนั้นตั้งใจพุ่งเป้ามายังคุณปู่ซูที่กำลังถือหางเขาอยู่

คุณปู่ซูกล่าวด้วยความโกรธ “นักศึกษาคัง ตาแก่แบบฉันเป็นคนอย่างไร ไม่มีใครในหมู่บ้านไม่รู้หรอก พูดได้เลยว่าหลายปีมานี้ฉันช่วยเหลือคนอย่างไม่เลือกปฏิบัติ ถ้าไอ้เรื้อนมันทำเรื่องไม่ดีจริง ๆ พวกเราก็จะไม่ปกปิดเอาไว้”

“แต่แน่นอนว่า หากเธอทำเรื่องไม่ดีกับไอ้เรื้อนก็ไม่สามารถเปลี่ยนหนักเป็นเบาได้เช่นกัน”

คุณปู่ซูได้ยินที่ลูกชายและลูกสะใภ้พูดถึงเรื่องแย่ ๆ พวกนี้แล้ว เขารู้ว่าคังอี้เยี่ยเองก็ทำผิดด้วย

แต่เขาไม่อยากให้ลูกชายเข้าไปพัวพันเรื่องนี้ ถึงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สุดท้ายเขาก็โดนหางเลขอยู่ดี

คนในหมู่บ้านเคารพคุณปู่ซูมากอย่างที่กล่าวไป เขาเป็นคนยุติธรรมมาก หากตระกูลไหนในหมู่บ้านทะเลาะกันและทั้งสองครอบครัวเกิดปัญหา ทุกคนก็จะคุ้นเคยกับการที่มีคุณปู่ซูมาไกล่เกลี่ยให้

“นักศึกษาคัง ยายแก่คนนี้ขอพูดสิ่งไม่น่าฟังทีนะ เธอเอาแต่พูดว่าไอ้เรื้อนทำอนาจารเธอ แล้วดูเสื้อผ้าเธอซิ!” คุณย่าซูมองคังอี้เยี่ยหัวจรดเท้า แล้วดุเสียงเบา ๆ

ผู้คนในหมู่บ้านต่างสงสัยในสิ่งที่คุณปู่ซูกล่าวไว้ก่อนหน้านี้

เมื่อได้ยินคำพูดของคุณย่าซู ผู้คนก็มองไปยังคังอี้เยี่ยตั้งแต่หัวจรดเท้า

เป็นความจริงที่ว่าเสื้อผ้าของไอ้เรื้อนไม่เรียบร้อย แต่เสื้อผ้าของคังอี้เยี่ยเรียบร้อยมาก ยกเว้นบางจุดที่มีคราบน้ำเปื้อน แต่ดูไม่ออกจริง ๆ ว่ามีร่องรอยถูกคนทำอนาจารประทับไว้

“นักศึกษาคัง ที่ไอ้เรื้อนทำอนาจารต่อเธอเนี่ย ไม่ใช่แค่ไม่ถอดเสื้อผ้าตัวเอง แต่ยังไม่ลากเธอลงน้ำอีกหรือ?” ผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยถาม

“นักศึกษาคัง เธอโง่หรือเปล่าเนี่ย? ไอ้เรื้อนยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย ถ้าเธอไม่วิ่งหนีแล้วจะมาอยู่ตรงนี้ตะโกนเรียกคนทำไม?”

“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรผิดปกติจังนะ?”

คนในหมู่บ้านไม่ใช่คนโง่เขลา เมื่อถูกคนเตือนสติก็ตระหนักได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ลองคิดดูสิ ปกติคังอี้เยี่ยเป็นผู้หญิงที่มีชื่อเสียงไม่ดีอยู่แล้ว จึงเกิดความไม่เชื่อใจในตัวเธอมากขึ้น

คังอี้เยี่ยไม่คาดคิดว่าคุณปู่และคุณย่าซูจะออกตัวช่วยไอ้เรื้อน

เธอยังรู้สึกเสียใจที่ทำไมเธอไม่ทำเสื้อผ้าหน้าผมให้มันยุ่งเหยิงก่อนจะเรียกคนอื่นด้วยนะ

“ฉันเป็นผู้หญิงนะ จะไม่โดนคนทำอนาจารเชียวหรือ? สวรรค์ จากนี้ไปฉันจะมีหน้าไปพบคนอื่นได้อย่างไร? ฉันอาจจะตายได้เลยนะ…”

คังอี้เยี่ยร้องไห้แล้วยังทำเสียงดังหนวกหูอีก ถึงกับตะโกนว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว หากแต่ก็ไม่มีผู้ใดสนใจเธอ

คุณปู่ซูยิ้มเยาะอยู่ในใจ ก่อนจะกล่าวว่า “ถ้าเธอมีเรื่องคับข้องใจก็พูดมาเถอะ ฉันเห็นว่าหัวหน้าชุมชนการผลิตมาพอดี ให้เขาเป็นคนจัดการเถอะ”

ทันทีที่ซูฉางจิ่วมาถึงก็ได้ยินที่คุณปู่ซูพูด จึงอดบ่นไม่ได้ “ลุงซู ผู้อาวุโสเช่นท่านเอาปัญหามาให้ผมอีกแล้ว”

“คุณเป็นหัวหน้าชุมชน ก็ควรรับผิดชอบสิ” คุณปู่ซูกล่าวเคล้ารอยยิ้ม

เรื่องแบบนี้จะทำได้ก็ต่อเมื่อหัวหน้าชุมชนการผลิตออกหน้ามา

“หัวหน้าชุมชน คุณต้องจัดการให้ฉันนะ ฉันเป็นนักศึกษา จากบ้านเกิดเมืองนอนมาไกลเพื่อเข้าร่วมกับชุมชนการผลิตหงซินแห่งนี้ ฉันมาเพื่อช่วยเหลือ ไม่ได้มาเพื่อถูกคนอื่นข่มเหง”

คังอี้เยี่ยเสนอตัวก่อน ส่วนไอ้เรื้อนที่จะตายแหล่มิตายแหล่ ตอนนี้ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง

“ทุกคนกลับไปในชุมชนก่อนเถิด ฉันจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน และจะไม่กล่าวความเท็จกับใครด้วย!” ซูฉางจิ่วพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ปีนี้ชุมชนการผลิตของเราดำเนินไปอย่างราบรื่น และเดิมทียังอยากต้องการจะทำเป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมด้วย แต่ก็ถูกพวกคุณทำลายหมดแล้ว!”

ซูฉางจิ่วไม่เคยคิดมาก่อนว่าสิ่งเลวร้ายเช่นนี้จะเกิดขึ้นในหมู่บ้านอันสงบที่เขาคอยดูแลมาโดยตลอด

“ฉันไม่กลับไปชุมชนแน่ ถ้าวันนี้คุณไม่คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งและจัดการกับไอ้เรื้อนอนาจาร ฉันก็จะไม่มีชีวิตอยู่ด้วย!”

คังอี้เยี่ยรู้ ว่าตอนนี้เธอทำได้เพียงยืนกรานว่าไอ้เรื้อนนั่นทำอนาจารเธอ

กลับกัน หากเรื่องแบบนี้มีผู้หญิงพูด ผู้ชายจะไม่มีหลักฐานอย่างแน่นอน

คุณปู่ซูขยิบตาให้ลูกชายกับลูกสะใภ้ รวมถึงดึงคุณย่าซูมาหาตน ก่อนพวกเขาจะหมุนตัวเดินกลับบ้าน

กลับบ้านไปกินข้าวเย็นก่อนแล้วค่อยรอฟังข่าวหลังจากนั้นแล้วกัน คังอี้เยี่ยเป็นคนขี้โกง เรื่องนี้ไม่ได้แก้ไขได้ไวขนาดนั้นหรอก

อาหารเย็นในวันนี้ดีทีเดียว ทุกคนกินกันอย่างมีความสุข โดยเฉพาะหลานสาวตัวน้อยที่กินแป้งทอดไส้กุยช่ายอันมันเยิ้ม พวกเขาไม่สามารถปิดบังความสุขได้เลยจริง ๆ

หลังจากกินเสร็จ คุณปู่ซูก็โบกมือบอกหลาน ๆ ให้แยกย้ายกันไป ส่วนซูซื่อเลี่ยงพาซูเสี่ยวเถียนไปหาอาจารย์ฉือเก๋อ

คุณปู่ซูยังจัดการให้เหล่าต้ากับเหล่าเอ้อร์ไปทำงานในนาด้วย

“สะใภ้สาม ไปสอบถามสักหน่อยสิว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแล้ว”

เหลียงซิ่วสวมรองเท้าแล้วเดินออกจากบ้านไปถามข่าวคราว

“เหล่าซาน ฉันเชื่อว่าแกเป็นคนดี แต่ตอนนี้แกได้ตกเป็นเป้าหมายของคังอี้เยี่ยแล้ว จากนี้ไปต้องระวังให้ดี ถ้าโดนหลอกอีกชีวิตพังแน่!”

ซู่เหลาซานไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของบิดา

วันนี้เขาได้เรียนรู้อะไรมากมาย ส่วนไอ้เรื้อนไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแต่ก็ถูกโยนความผิดให้

“คุณพ่อครับ ไม่ต้องห่วงนะ จากนี้ไปผมจะระวังให้มากขึ้น และไม่ปล่อยโอกาสให้ใครเด็ดขาด!”

เด็กดี หลังจากนี้จะไปไหนต้องเอาสะใภ้ไปด้วยนะ นักศึกษาพวกนี้น่ากลัวมาก ๆ!

คุณย่าซูพึมพำด่าคังอี้เยี่ยว่าไร้ยางอายอยู่หลายครั้ง

เหลียงซิ่วใกล้จะกลับมาแล้ว เธอบอกว่ามีนักศึกษาหนุ่มอยู่ใกล้ ๆ แล้วได้ยินเสียงคังอี้เยี่ยขอความช่วยเหลือ ตอนที่เดินเข้าไปดูก็เห็นเหตุการณ์อยู่นิดหน่อย เขาเลยออกมาเป็นพยานให้กับไอ้เรื้อน

แต่คังอี้เยี่ยยืนกรานว่านักศึกษาคนนั้นโลภอยากได้เธอและเป็นคนแบบเดียวกับไอ้เรื้อนนั่น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่รู้จัก

“คุณพ่อครับ ถ้าผมไปเป็นพยานล่ะ ถึงจะมีคนเสนอตัวไปแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้รับผลกระทบอยู่ดีนะ” หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งซูเหล่าซานก็พูดต่อ

คุณปู่ซูถอนหายใจ “มันเป็นความเห็นแก่ตัวของฉันเอง เหล่าซาน มนุษย์ไม่สามารถเมินเฉยต่อคุณธรรมได้ ไปเถิดไป”

ถ้าเขาห้ามลูกชายไม่ให้ออกไปตอนนี้ คุณธรรมในชั่วชีวิตนี้ของเขาคงอยู่ไม่สุขแน่

ซู่เหลาซานรีบออกไปและเดินไปยังชุมชนการผลิต

“พ่อคุณ ไปเถิด บอกเขาว่าเพิ่งอาบน้ำเสร็จ กำลังเก็บของอยู่ถึงค่อยออกมา ตอนนั้นได้ยินนักศึกษาคังเรียกให้คนช่วย พอจะไปดูก็เห็นไอ้เรื้อนเข้าไปดูแล้ว ส่วนนักศึกษาคังเป็นฝ่ายเอนหัวพิงไอ้เรื้อนเอง และรู้สึกไม่สะดวกใจที่จะดูต่อเลยกลับบ้าน” เหลียงซิ่ววิ่งออกไปแล้วพูดกับสามี

แม้ว่าจะไปเป็นพยาน แต่ก็ไม่สามารถบอกใครได้ว่าพวกเขาเห็นด้วยกันทั้งคู่

ซู่เหลาซานพยักหน้า “ฉันรู้แล้วล่ะว่าไม่สามารถลงไปในน้ำด้วยได้จริง ๆ”

“คุณไปเถิด ฉันจะไปคุยกับคุณป้าที่บ้านหัวหน้าชุมชนการผลิตแล้วกัน” เหลียงซิ่วยิ้ม

เรื่องบางเรื่องพวกเขาไม่สามารถออกหน้าได้จริง ๆ จึงคิดที่จะหาใครสักคนเป็นฝ่ายออกมาพูดแทน

ซูเสี่ยวเถียนกำลังเรียนอยู่ที่บ้านฉือเก๋อ เธอจึงไม่รู้เรื่องนี้

เด็กผู้หญิงตัวน้อยพยายามซึมซับความรู้เป็นอย่างมาก เธอเป็นเหมือนฟองน้ำซึ่งซึมซับความรู้ที่ครูทั้งสองสอนอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพูดถึงในสิ่งที่ตนเองไม่เข้าใจด้วย

ฉือเก๋อและตู้ถงเหอไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่กำลังเรียนอยู่นั้น จะเรียนรู้ได้ดีกว่าที่คาดคิดเอาไว้

ส่วนฝั่งฉืออี้หย่วนก็ตั้งใจฟังการสอนของฉือเก๋อและตู้ถงเหอด้วย เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาด้อยกว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จริง ๆ!

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท