บทที่ 136 ใส่ร้ายป้ายสี
บทที่ 136 ใส่ร้ายป้ายสี
หลังจากคำนวณดูแล้วก็พบว่ามีบางสิ่งที่แสนยุ่งเหยิง ลูกของหม่านซิ่วจะต้องเกิดมาในเวลาที่ไม่สมควรแน่ และทั้งสองอาจจะลอบคบกันมาก่อน
“เธอเป็นสาวน้อยแท้ ๆ ทำไมพูดจาไม่น่าฟังเลย ลูกสาวฉันไปทำอะไร? ถูกเธอใส่ร้ายหรือเปล่า?”
คุณย่าซูโกรธจนหน้าดำหน้าแดง อยากจะพุ่งเข้าไปฉีกปากของสาวหน้ากลมนั่น
แต่อีกฝ่ายสวมอะไรบางอย่างไว้ที่แขน คนแบบนี้เผชิญหน้าด้วยยากที่สุด และคุณย่าซูก็ไม่อยากสร้างปัญหา
ช่างเถิด คนนี้แบบนี้ไม่ต้องไปพูดด้วยอีกหรอก
“พวกเธอไสหัวไปเลย อย่ามายืนอยู่หน้าบ้านฉัน!” หญิงชราไม่ยอมอ่อนข้อ
“วันนี้พวกเราต้องเข้าไปอธิบายให้ซูหม่านซิ่วฟังอย่างชัดเจน!” สาวหน้ากลมก็ทีท่าทีแข็งกร้าวเช่นกัน
หลังจากสอบถามอยู่นานก็รู้ว่าเฉินจื่ออันไปทำธุระและยังไม่กลับมา
นับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยาก แค่บังคับให้หม่านซิ่วยอมรับว่าเป็นพวกรองเท้าขาด และตกลงหย่ากับเฉินจื่ออัน เพียงเท่านี้ก็จะมีโอกาสแล้ว
ถึงแม้ว่าการมาพูดแบบนี้กับผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูกและอยู่ไฟจะดูไม่มีเหตุผล แต่ถ้ารอเฉินจื่ออันกลับมา เธอก็ไม่มีโอกาสน่ะสิ
วันนี้จะต้องเข้าไปให้ได้
ครั้นซูเสี่ยวเถียนเห็นสีหน้าหญิงสาวตรงหน้าแล้ว มุมปากก็กระตุกขึ้นเป็นเส้นโค้ง
ที่แท้ก็เป็นดอกท้อเน่า ๆ ที่ชอบอาเขย!
แน่นอน ถ้าคนอย่างอาเขยจะไม่มีดอกท้อเน่าก็คงแปลก
“แน่ใจหรือว่าจะเข้าไปข้างใน?” ซูเสี่ยวเถียนถามเบา ๆ
“ฉันต้องเข้าไปให้ได้!”
ซูเสี่ยวเถียนดึงผู้เป็นย่าไว้ “คุณย่าคะ ให้พวกเขาเข้าไปเถอะ!”
เธออยากเห็นว่าเข้ามาแล้วพวกหล่อนจะทำอะไรได้บ้าง
ตอนที่อาเขยใหญ่เผชิญหน้ากับดอกท้อเน่าคนนี้ เขาจะทำอย่างไรนะ
คุณย่าซูไม่เต็มใจให้คนแบบนี่เข้ามาประจานลูกสาว จึงคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกซูเสี่ยวเถียนห้ามเอาไว้
“คุณย่า ดูสิคะ ยกโขยงกันมาแบบนี้ ถ้าพวกเราไม่ให้เข้าไป ใครจะรู้เล่าว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้”
เสียงของซูเสี่ยวเถียนแผ่วเบา แต่ก็เพียงพอให้สาวหน้ากลมกับซูเสี่ยวฉินได้ยินชัด
“พี่เซี่ยงหง อย่าไปสนใจเด็กเวรคนนี้เลย ผีเจาะปากหล่อนมาพูดตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ!” ซูเสี่ยวฉินรีบพูดประจบประแจง
สายตาเธอเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายที่มีต่อซูเสี่ยวเถียน อยากจะตบใบหน้าสวย ๆ ขาว ๆ ของเสี่ยวเถียนจะแย่
เห็นได้ชัดอยู่ว่าเป็นเพียงสาวบ้านนอก ทำไมถึงสวยนักหนา?
เสี่ยวฉินอยู่อำเภอมาตั้งนาน แต่ผิวยังคล้ำและหยาบกร้านกว่าเด็กหญิงตรงหน้ามาก
ถ้ามีโอกาสได้ทำลายใบหน้านั่นก็คงจะดี!
แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่โอกาส
ครอบครัวของพี่เซี่ยงหงมีชื่อเสียงมาก ตราบใดที่เธอประจบอีกฝ่าย จะได้ในสิ่งที่ต้องการแน่นอน ซึ่งจะเป็นการทำลายเสี่ยวเถียนจนหมดสิ้น
“พวกเราเข้าไปกันเถอะ!” สาวหน้ากลมเหลือบมองเด็กหญิง ก่อนจะหันศีรษะกลับแล้วมุ่งเข้าไปในบ้านเฉินจื่ออัน
นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยงหงได้เหยียบเข้ามาในบ้านของชายหนุ่ม ก่อนหน้านี้คิดจะมาอยู่หลายครั้งแต่ก็ถูกปฏิเสธ
เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นต้นพุทราในสวนก็เต็มไปด้วยผลสีเขียวขจีเป็นพวง มองดูแล้วน่าพึงพอใจนัก
ในสวนที่ไม่ใหญ่เป็นระเบียบมาก บรรยากาศรอบด้านเต็มไปด้วยความอบอุ่น เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าของบ้านมีชิวิตที่สุขสบาย
และในแปลงผักเล็ก ๆ มีผักและดอกไม้หลากหลายชนิดเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ราวกับอวดเบ่งความเจริญรุ่งเรืองของชีวิตเจ้าของบ้าน
ในสายตาของเซี่ยงหง ความงามเหล่านี้ช่างน่าจับจ้อง และอยากจะทำลายมันลงอย่างรอไม่ไหว
มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
ทำไมผู้หญิงที่แต่งงานแล้วสองครั้งถึงได้มีชีวิตสุขสบายแบบนี้?
เดิมทีสวนแห่งนี้ควรจะเป็นของเธอ มีแต่เธอเท่านั้นที่จะเป็นนายหญิงของสวนแห่งนี้!
ซูหม่านซิ่วไม่คู่ควร!
ความหึงหวงกัดกินหัวใจและสติของเซี่ยงหงไปเสียแล้ว
วินาทีที่โทสะเข้าครอบงำ อารมณ์ฉุนเฉียวที่มีอยู่แล้ว ในที่สุดก็ระงับไว้ไม่ไหว
“ซูหม่านซิ่ว นังคนรองเท้าขาด แกออกมาหาฉันเลย!”
ซูเสี่ยวเถียนอดลูบหน้าผากไม่ได้ ญิงคนนั้นไม่มีความเป็นคนเมืองเอาเสียเลย มาสร้างความขัดแย้งถึงในบ้าน กะยุให้รำตำให้รั่วก็ไม่ได้มั้ง?
ถ้ามีคนได้ยินจะไม่หัวเราะเยาะเอาหรอกหรือ?
เป็นดอกบัวขาว*[1] ที่รุ่งเรืองน่ะ โอเค๊?
หรือลองทำชาปี้หลัวชุนคุณภาพดีสักแก้วก็ไม่เลวนะ!
มีตัวเลือกตั้งมาก ทำไมต้องเลือกเป็นประทัดส่งเสียงเอะอะโวยวายด้วยนะ?
ซูเสี่ยวเถียนคิดและแง้มประตูใหญ่ให้เปิดออกเล็กน้อย
“เสี่ยวเถียน หลานเปิดประตูทำไม?” คุณย่าซูถามเสียงเบา
“ให้คนอื่นดูค่ะ!” ซูเสี่ยวเถียนพูดจาคล่องแคล่ว
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานจะหน้าด้านขนาดนี้
คุณย่าซูหยุดพูด ให้คนอื่นเห็นก็ดี มาดูซิว่าสาวน้อยคนนี้จะหน้าด้านขนาดไหนกัน?
เห็นชัด ๆ ว่าแอบชอบลูกเขยของเธอ เลยกล้าหาถึงบ้านใช่ไหมล่ะ!
ตอนนั้นเอง เพื่อนบ้านหลายคนก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายแล้ว จึงลอบมองอยู่รอบ ๆ
แต่การกระทำของซูเสี่ยวเถียน ทำให้พวกเพื่อนบ้านมองเห็นชัดขึ้นและยิ่งกล้ากว่าเดิม
“คุณย่า มาเร็วค่ะ!” ซูเสี่ยวเถียนส่งสัญญาณ
คุณย่าซูเข้าใจความหมายของหลานสาวในทันที และรีบไล่ตามหลังเสี่ยวฉินกับเซี่ยงหงไป
“ไอ๊หยา ทำไมเธอเป็นแบบนี้ล่ะ บุกเข้าบ้านเราแล้วยังตะโกนเสียงดังอีก ถ้าทำให้หลานตัวน้อยของฉันตกใจจะทำอย่างไรเล่า?”
“ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ ลูกสาวของฉันยังอยู่ในช่วงอยู่ไฟนะ ออกมาไม่ได้หรอก”
“ลูกสาวเอ๋ย ตกลงมาทำอะไรกันแน่เล่า บอกแม่เฒ่าหน่อยได้ไหม? ขอร้องล่ะ!”
คุณย่าซูแสดงความคับข้องใจออกมาอย่างเต็มที่
“ถุย เป็นพวกรองเท้าขาดยังมาอยู่ไฟทำอะไรอีก?” เซียงหงสบถอย่างเดือดดาล
ผู้หญิงคนนั้นมีลูกแล้ว เป็นลูกที่เกิดกับเฉินจื่ออัน แค่คิดเรื่องนี้ก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
“ลูกสาวของฉันกับลูกเขยเป็นสามารถภรรยาที่จดทะเบียนสมรสกันแล้ว แล้วจะไปเป็นพวกรองเท้าขาดได้อย่างไร?”
คุณย่าซูใช้เสื้อเช็ดน้ำด้วยความคับข้องใจ ร้องไห้พลางพูดไปด้วย
ซูเสี่ยวเถียนเกือบจะยกนิ้วให้คุณย่าแล้ว นี่ก็ยอมฝีมือเหมือนกันนะ!
ไม่รู้ว่าสูงส่งกว่าผู้หญิงที่ชื่อว่าเซี่ยงหงมากกว่าเท่าไรจริง ๆ
ก่อนหน้านี้เธอประเมินความสามารถคุณย่าต่ำไปจริง ๆ!
เธอลอบเข้าไปหาคุณย่าแล้วบอกอะไรบางอย่าง ก่อนจะให้กำลังใจ
ส่วนตัวเองนั่งบนม้านั่งหินตรงมุม เท้าสองข้างแกว่งไปมารอดูความตื่นเต้น
เธอยังคิดด้วยซ้ำว่า คงจะสมบูรณ์มากกว่านี้ถ้ามีจานเมล็ดแตงโมวางอยู่ด้วย!
คุณย่าซูร้องห่มร้องไห้ แต่ไม่ได้พูดช้าลงแต่อย่างใด
“ชื่อเสียงของผู้หญิงมีความสำคัญอย่างไร ในฐานะที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันจะไม่รู้เลยหรือ? ใส่ร้ายลูกสาวฉันโต้ง ๆ แบบนี้ เธอไม่รู้สึกผิดบ้างเลยหรือ?”
เซี่ยงหงยิ้มเย็น “ลูกสาวกับลูกเขยของคุณแต่งงานมานานเท่าไรแล้ว? ต้องให้ฉันบอกไหม?”
“เธอยังไม่เคยแต่งงาน แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเวลาตั้งครรภ์ของผู้หญิงไม่เหมือนกัน” ตอนที่คุณย่าซูพูดน้ำ เสียงของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ
การตั้งครรภ์สิบเดือนเป็นเรื่องที่ดี มีบ้างที่ช่วงเวลาจะขึ้น ๆ ลง ๆ แต่ส่วนมากทารกก็จะเกิดในครรภ์เก้าเดือนกัน
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ หม่านซิ่วคลอดก่อนกำหนด ใคร ๆ ก็รู้เรื่องนี้
“เหอะ พูดจาเล่นลิ้น ตั้งแต่โบราณมา คนเขาก็ท้องสิบเดือนกันทั้งนั้น ไม่เคยได้ยินเวลาที่ต่างกันเลย” เซียงหงก็เต็มไปด้วยความมั่นใจเช่นกัน
แต่พอพูดแบบนี้ก็ถูกคนตบหน้าเข้าให้
“สาวน้อยคนนี้ ที่พูดน่ะผิดแล้ว เกิดก่อนตอนครรภ์เจ็ดเดือนไม่ใช่เรื่องแปลกเสียหน่อย ไม่จำเป็นต้องสิบเดือนนะ”
“ถูกต้อง อย่างที่ว่านั่นแหละ ไม่งั้นผู้หญิงที่คลอดลูกก็เป็นพวกรองเท้าขาดไปหมดแล้วสิ?”
มีป้าสองคนข้างนอกประตูได้ฟังก็พูดพร้อมกัน
“ลูกสะใภ้ของฉันคลอดลูกตอนที่ท้องได้แปดเดือนครึ่ง ลูกคนที่สองก็คลอดตอนที่ท้องได้เก้าเดือน”
“ลูกสาวของฉันก็ท้องไม่ถึงเก้าเดือนทั้งสองท้องเลย”
“ตอนฉันคลอดลูกชายคนโต ไม่ค่อยรู้ความอะไรเท่าไร ล้มตอนท้องได้เจ็ดเดือนก็เลยคลอด”
…
พวกผู้หญิงที่คอยชมอยู่รอบ ๆ ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กัน
พวกเธอรู้แน่นอนว่าเซี่ยงหงมาที่นี่ทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะชอบสามีคนอื่นก็เลยต้องใช้วิธีนี้เพื่อบีบบังคับให้ภรรยายของเขาหนีไปใช่ไหม?
หน้าด้านเหลือเกิน!
เด็กคนนี้จะหน้าด้านได้ขนาดนี้เลยหรือ?
เซี่ยงหงแค่ได้ยินคนอื่นเคยพูดว่าตั้งครรภ์จะต้องใช้เวลาถึงสิบเดือน คำนวณไปมาแล้ว ซูหม่านซิ่วแต่งงานแต่ท้องไม่ถึงแปดเดือนก็คลอดแล้ว เลยคิดว่าตัวเองคิดถูกจึงมาสร้างปัญหาถึงบ้าน
แต่ผู้หญิงกลุ่มนี้กำลังพูดอะไรอยู่?
แปดเดือน เจ็ดเดือนคลอดแล้วมันไม่เหมือนกับที่เธอรู้มาตรงไหน?
“พวกคุณพูดจาไร้สาระอะไรอยู่ ก็ท้องสิบเดือน แล้วฉันจะไปใส่ร้ายซูหม่านซิ่วมันได้อย่างไร?” เซี่ยงหงอธิบายอย่างวิตก
พอคนรอบข้างเห็นว่าเซี่ยงหงไม่ใช่คนที่จะรับมือด้วยง่าย ๆ คนหลายคนเลยไม่กล้าพูดด้วย
แต่แล้วก็มีคน ๆ หนึ่งเอ่ยขึ้นมาว่า “ลูกสาว เธอยังไม่แต่งงาน เลยยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ไงล่ะ ไม่งั้นก็กลับบ้านไปถามผู้อาวุโสที่บ้านเถอะ”
ตอนนี้เราต้องทำงาน ตั้งครรภ์ถึงสิบเดือนมีไม่มากหรอก
ยิ่งกว่านั้น ถ้าตั้งครรภ์จริง ๆ ก็แค่ระยะเวลาสองร้อยแปดสิบวันเท่านั้น มากกว่าเก้าเดือนเล็กน้อย
ถึงจะมีอุบัติเหตุทำให้คลอดก่อนกำหนด แต่ก็แปดเดือนกว่าแล้ว
มีแค่ผู้หญิงที่เคยคลอดลูกเท่านั้นจะรู้เรื่องนี้
แต่เซี่ยงหงไม่รู้น่ะซี่ เธอชอบเฉินจื่ออัน คิดถึงแต่เฉินจื่ออัน และไม่เคยคิดด้วยว่าหม่านซิ่วเหมาะสมหรือเปล่า
กอปรกับถูกเสี่ยวฉินยุยง เลยพุ่งมาหาหม่านซิ่วเลย
“พวกคุณอย่ามาทำให้คนเขาสับสน ฉันอยากเจอหม่านซิ่ว จะต้องให้มันยอมรับให้ได้ว่าเป็นพวกรองเท้าขาด!” คำพูดของเซี่ยงหงเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ถ้าซูหม่านซิ่วไม่ยอมรับ เซี่ยงหงจะพาคนมามัดเธอในคืนนี้ จะได้ไม่ต้องกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอม
“แล้วฉันไปเป็นพวกรองเท้าขาดได้อย่างไรล่ะ? หญิงโสดแบบเธอที่ชอบยุ่งกับสามีของคนอื่น เขาเรียกว่าอะไรนะ? ไม่ใช่พวกรองเท้าขาดหรือ?” ซูหม่านซิ่วถามเบา ๆ ขณะที่เธอยืนห่อตัวแน่นอยู่ใต้ชายคา
แม้น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจะอ่อนแรง แต่คำถามรุนแรงมาก!
เธอรู้ว่าถ้าไม่ชี้ชัดในวันนี้ พรุ่งนี้คนทั้งอำเภอคงรู้แน่ว่าภรรยาของหัวหน้าเฉินเป็นพวกรองเท้าขาด
“พูดไร้สาระ ฉันไปชอบหัวหน้าเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”
ซูหม่านซิ่วชำเลืองมองเซี่ยงหง เมื่อเทียบกับแม่ม่ายหลิวเสี่ยวชุ่ยแล้วแย่กว่ามาก แต่ไม่มีพลังจะทำอะไร
“เธอแน่ใจหรือว่าไม่ได้ชอบสามีของฉัน? แล้วใครกันที่ไปไหว้วานให้มาจับคู่สามีฉันก่อนเราแต่งงาน? แล้วใครเป็นฝ่ายเข้าหาแล้วโดดเข้าใส่อ้อมแขนเขา? เซี่ยงหง สามีฉันปฏิเสธอย่างชัดเจนตั้งหลายครั้ง เธอกล้าพูดให้ทุกคนฟังหรือเปล่าล่ะ?” น้ำเสียงของซูหม่านซิ่วเย็นเยือกจนแทรกซึมเข้าไปในไขกระดูก
ตอนที่พูดอยู่ เซี่ยงหงก็หูเหอแดง เธอชอบเฉินจื่ออันมาตั้งนานแล้ว และร้องขอให้คนที่บ้านจับคู่กับอีกฝ่ายให้ ทั้งยังเป็นฝ่ายแสดงความรู้สึกก่อนด้วย
แต่ซูหม่านซิ่วรู้ได้อย่างไร?
เรื่องนี้เกิดก่อนที่หม่านซิ่วจะปรากฏตัวอีก มีบางเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่หม่านซิ่วไม่รู้ด้วย
ซูหม่านซิ่วไม่ควรต้องรู้เรื่องนี้สิ!
แล้วเธอจะรู้ได้อย่างไรว่าเฉินจื่ออันที่เฝ้าคะนึงถึงจะอยู่ในบ้านตอนนี้
ที่ซูหม่านซิ่วรู้เรื่องนี้ เพราะเฉินจื่ออันเป็นฝ่ายอธิบายให้ฟังด้วยตนเอง
*[1] ใช้ด่าผู้หญิงว่า ภายนอกเหมือนจะดี บริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่เนื้อในกลับต่ำตม คิดแต่เรื่องไม่ดี