บทที่ 178 นี่มันเรื่องอะไรกัน?
บทที่ 178 นี่มันเรื่องอะไรกัน?
พอได้ยินผู้เป็นแม่โดนกล่าวหาอีกครั้ง เสี่ยวเถียนโกรธจัดจนไม่สามารถให้อภัยได้แล้ว
“ที่ป้าพูดหมายความว่าอย่างไรคะ? แม่หนูทำไมหรือ? แม่เคารพผู้อาวุโส ดูแลเด็ก ๆ ไม่ได้ดีกว่าป้าหรือ? มีใครในชุมชนบ้างที่ไม่รู้ว่าป้าเป็นคนปากร้ายแค่ไหนน่ะ?”
หลี่ชุ่ยฮวาโดนเยาะเย้ย จึงอารมณ์ไม่ดีมาก หน้าตาแดงก่ำ หล่อนชี้นิ้วไปที่เด็กหญิง ก่อนจะว่าต่อ “เด็กคนนี้ แกกล้าด่าฉันหรือ ฉันเป็นป้าแกนะ เป็นผู้อาวุโสของแก!”
“แล้วหนูพูดผิดหรือคะ? ป้าไม่ได้ปากร้ายหรือ? ไม่งั้นไปถามคนในชุมชนดูดีไหม?”
“ดูซิดู นี่แกคลอดลูกออกมาให้รังแกข่มเหงพวกผู้ใหญ่หรอกหรือ?” ปกติแม่เฒ่าเหลียงโดนหลี่ชุ่ยฮวารังแกอยู่แล้ว จึงกลัวว่าอีกฝ่ายจะหันมาสะสางบัญชีกับเธอแทน
เหลียงซิ่วเตรียมพร้อมจะโดนทุบตีอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าซูเสี่ยวอู่จะแย่งไม้ปัดฝุ่นในมือยายของตนออกมาแล้วโยนไปทิ้งไปด้านข้าง
แม่เฒ่าเหลียงตกตะลึง จากนั้นก็ตบต้นขาแล้วเริ่มร้องห่มร้องไห้ “เป็นเด็กที่บาปกรรมอะไรแบบนี้ มาข่มเหงกันถึงบ้าน ตาแก่ แกนอนทำอะไรอยู่บนเตียง? ยังไม่เข้ามาช่วยสั่งสอนไอ้เด็กสารเลวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงพวกนี้อีก?”
ซูเสี่ยวอู่ยิ้มเย็น “ผมเคารพพวกคุณเพราะเป็นคนให้กำเนิดแม่ผม แต่พวกคุณทำเกินไปแล้ว!”
“เกินไป? ฉันคลอดมันมา เลี้ยงมันมา ชีวิตมันเป็นของฉัน!” แม่เฒ่าเหลียงพูดอย่างไร้เหตุผล
“ชีวิตของฉันมันแลกไปตั้งแต่ตอนที่แม่รับธัญพืชสามโต่วกับเงินอีกเจ็ดหยวนจากบ้านซูมา แต่ตัวเองไม่ให้เข็มสักเล่มที่แต่งสะใภ้เข้าบ้านเขาไงล่ะ!” เหลียงซิ่วผู้ซื่อสัตย์ทนไม่ได้อีกแล้ว
ที่จริงเธอไม่ได้เป็นคนนิสัยแย่ แต่ก็ไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะปล่อยให้โดนรังแกได้ง่าย ๆ!
แม่เฒ่าเหลียงไม่คาดคิดว่าลูกสาวหัวอ่อนคนนี้จะพูดจาเด็ดขาด เธอจึงเกิดอาการตะลึงงัน
เหลียงซิ่วดึงลูก ๆ หมายจะกลับบ้าน ทว่าแผ่นหลังกลับถูกฟาดอย่างแรง พอหันกลับไปกลับเป็นพ่อเฒ่าเหลียงที่ยืนเท้าเปลือย บีบกล้องยาสูบแห้งไว้ในมือ
สิ่งที่ฟาดหลังเหลียงซิ่วคือกล้องยาสูบนั่นเอง
“ไอ้ลูกอกตัญญู ยังไม่คุกเข่าขอโทษแม่แล้วเอางานให้พี่ชายอีก!” ดวงตาบิดาขุ่นมัวแต่คำพูดกลับไม่เป็นเช่นนั้น
แผ่นหลังของเหลียงซิ่วถูกทุบใส่อย่างแรง เธอสูญสิ้นความคิดที่จะไว้หน้ากันแล้ว
“พ่อ ฉันไม่ได้ผิดเสียหน่อย ฉันจะไม่คุกเข่าขอโทษแล้วก็ไม่เอางานให้ด้วย!” เหลียงซิ่วพูดอย่างชัดเจน แม้น้ำเสียงไม่ดัง แต่หนักแน่นมาก
“แกว่าอะไรนะ? พูดอีกครั้งซิ!”
พ่อเฒ่าเหลียงไม่คาดคิดว่า ลูกสาวจะพูดเช่นนี้ต่อให้เขาออกหน้าก็ตาม
ลูกสาวคนนี้ขี้ขลาดมาตั้งแต่เล็ก แค่เขาเอ่ยปาก ต่อให้ยากแค่ไหนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ไม่เคยปฏิเสธมัน
เป็นเพราะพวกบ้านซูที่พูดจาสับสน ทำให้ลูกคนนี้ปีกกล้าขาแข็ง
แต่พ่อเฒ่าไม่คิดว่าตัวเองทำไม่ถูกต้อง กลับคิดว่าลูกสาวต่างหากที่ดื้อรั้น
“พ่อ ต่อให้ฉันพูดอีกสิบรอบ ฉันก็ไม่ผิด ถ้ารักขนาดนั้นก็หางานให้เองเสียสิ ต่อให้หนูตายก็ไม่ยอมยกให้หรอก”
ตอนที่พูด เหลียงซิ่วมองลูกชายที่ยืนปกป้องอยู่ด้านหน้าแล้วโล่งใจมาก แค่ลูก ๆ รักเธอแค่นั้นก็พอแล้ว
“ฉันมีลูกชายและลูกสาว ต่อให้ฉันตาย งานก็จะเป็นของพวกเขา!”
ผู้เป็นพ่อไม่คิดเลยว่าลูกสาวจะพูดคำเด็ดขาดออกมาได้
นี่คิดจะตัดขาดกันหรือ?
“นังสารเลว โถ่เอ๊ย ทำไมชีวิตฉันมันยากแค้นนัก? ดูซิ ฉันคลอดหมาป่าตาขาวออกมา แถมอยากจะให้พ่อแม่โกรธจนตายอีก!”
แม่เฒ่าเหลียงเริ่มร้องห่มร้องไห้โดยไม่กลัวเป็นที่ขบขัน แน่นอนว่าที่เธอแสดงออกแบบนี้เพราะว่ามีคนมองอยู่
เธอคิดจะทำลายชื่อเสียงเหลียงซิ่ว
ตำแหน่งงานนี้ เธอจะเอามาให้ได้!
ไม่เชื่อหรอกที่ลูกสาวจะไม่สนใจชื่อเสียงของตัวเอง และยืนกรานจะไม่มอบตำแหน่งงานให้
ต้องบอกว่าถึงแม่เฒ่าเหลียงจะเป็นมารดาแท้ ๆ แต่ไม่รู้จักลูกสาวดีเท่าไร
เหลียงซิ่วเป็นคนอ่อนโยน แล้วก็เป็นคนใจอ่อนด้วย
ถ้าคุยด้วยดี ๆ และใส่ใจเรื่องสายสัมพันธ์เลือดเนื้อเชื้อไข เรื่องนี้อาจจะปรึกษากันได้
แต่เพราะเอาแต่โวยวายสร้างปัญหาทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของเหลียงซิ่วขาด และรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองมันคือโศกนาฏกรรม!
“ซิ่วเอ๋อร์ แม่เธอเป็นอะไรน่ะ? มาเยี่ยมทั้งทีทำไมทำพวกเขาโกรธแบบนั้น?” แน่นอนว่าเริ่มมีผู้คนตำหนิเหลียงซิ่วแล้ว
ซูเสี่ยวเถียนไม่รู้จักผู้หญิงที่พูด แต่ดูจากอายุแล้วน่าจะเป็นผู้อาวุโสทำนองนั้น
“แม่ห้า ทำไมแม่ไม่ถามพวกเขาล่ะว่าอยากให้ฉันทำอะไรน่ะ!” แววตาเหลียงซิ่วขมขื่น ก่อนน้ำตาจะไหลออกมา
เธอเป็นคนเข้มแข็งมาโดยตลอด คนในเวิ้งน้ำจึงไม่เคยเห็นเธอร้องไห้เลย
“ซิ่วเอ๋อร์ ทำไมยังร้องไห้อีกล่ะ พ่อแม่ให้เธอทำอะไรกันแน่?” แม่ห้าหรือเฉียวอ้ายหงเห็นเหลียงซิ่วร้องไห้ พลันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงรีบถาม
“ยายห้า แม่ผมไปทำงานที่โรงงานอาหารในเมืองมาครับ พอได้หยุดพักก็เลยมาหาตากับยาย เราเข้าบ้านเขาไม่ให้ดื่มน้ำสักอึกก็ไม่เป็นอะไร แต่กลับมาขอตำแหน่งคนงานจากแม่ที่ได้มาอย่างยากลำบากเพื่อเอาไปให้ลุงเสียอย่างนั้น!” ซูเสี่ยวอู่โวยวาย ก่อนจะเอ่ยเรื่องนี้ออกมา
“อะไรนะ? มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?” เฉียวอ้ายหงตกตะลึง เห็นกันมาตั้งแต่นาน แล้วก็รู้ด้วยว่าพี่สะใภ้สี่เป็นพวกโง่เขลา แต่ไม่คิดว่าจะเป็นถึงขนาดนี้
หน้าที่การงานคือสิ่งที่คิดจะยกให้ใครก็ให้ได้งั้นหรือ? ได้ยินว่าการรับสมัครจะต้องผ่านการทดสอบหลายขั้นเลย แล้วก็ต้องเป็นผู้ที่ผ่านเท่านั้นถึงจะได้ทำ
“พี่สะใภ้สี่ มันเป็นความผิดพี่นะ ซิ่วเอ๋อร์ได้งานพี่เป็นแม่ก็ควรยินดีกับลูกสิ นี่คิดอะไรอยู่?” เฉียวอ้ายหงเป็นพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน จึงอดไม่ได้ที่จะพูดสักสองประโยค
หลี่ชุ่ยฮวากลอกตาก่อนจะสบถออกมา “คิดว่าแก่กว่าไม่กี่ปีแล้วจะยุ่งเรื่องบ้านเราได้หรือ? กะอีคนพวกเลี้ยงเสียข้าวสุก ได้เป็นคนงานเพราะความดีความชอบของพ่อแม่ต่างหาก แล้วจะปล่อยมันไปได้อย่างไร?”
เฉียวอ้ายหงไม่คิดว่าหลี่ชุ่ยฮวาจะอ้าปากด่าคนอื่น ใบหน้าเหี่ยวย่นจึงไม่ได้ดูดีนัก
แต่พอเห็นพี่สะใภ้ทำท่าทำทางขี้ขลาดก็รำคาญมากจริง ๆ
ไม่เคยเห็นคนไร้ค่าแบบนี้มาก่อนเลย ลูกสาวกตัญญูแท้ ๆ แต่กลับไปข่มเหงเขา แล้วดันหลีกทางให้สะใภ้ปากร้ายเฉิดฉายไปทั่ว ยังมีคนแบบนี้บนโลกอีกหรือเนี่ย?
เฉียวอ้ายหงกลั้นใจแล้วถ่มน้ำลายใส่ประตูบ้านผู้เฒ่าเหลียงอย่างแรง “ถุย!”
ปกติหลี่ชุ่ยฮวาไม่ชอบเฉียวอ้ายหงยายแก่ที่ชอบเสนอหน้ายุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้อาวุโสและมีลูกชายหลายคน ตนจึงไม่กล้าลงมือ
“ยัยแก่ตายยาก แกดูซิ โดนคนเขามารังแกถึงบ้านแล้วยังเอาหัวตั้งไว้บนคอทำอะไรอีก? รอคนมาขี้เยี่ยวรดหัวอยู่หรือไง?” หลี่ชุ่ยฮวาไม่กล้าลงมือกับอีกฝ่าย แต่หันมาด่าแม่สามีที่แม้แต่ความกดดันสักนิดก็ไม่มี
“ยายแก่ปากร้าย กล้ามาถ่มน้ำลายถึงบ้านฉัน คอยดูเถอะ ฉันตีแกให้ตายได้เลย!” แม่เฒ่าเหลียงที่ขี้ขลาดในตอนนั้นพุ่งเข้าใส่เฉียวอ้ายหงทันที
ท่าทางแบบนั้นไม่เหมือนตอนที่ถูกสะใภ้รังแกเลย คนโดยรอบตกตะลึง
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?