บทที่ 191 เรื่องยุ่งยากไร้สาระ
บทที่ 191 เรื่องยุ่งยากไร้สาระ
พอเห็นพวกพี่ ๆ ตั้งใจเรียนแล้ว เสี่ยวเถียนก็ออกจากบ้านไปอย่างสบายใจ
เธอจะไปหาคุณปู่เพื่อดูว่าพืชผลในทุ่งเป็นอย่างไรบ้าง
จากที่คาดณ์การไว้ตอนต้นคือ พืชผลในปีนี้น่าจะสูงกว่าปีที่แล้วมาก ดังนั้นในช่วงเวลาสำคัญต้องใส่ใจให้มาก
แต่ตอนนี้เบื้องบนได้สั่งให้สร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำแล้ว ทั้งยังจัดคณะทำงานทั้งเจ็ดมาดูแลพวกสมาชิกตอนสร้างด้วย
ส่วนคนที่อยู่ในทุ่งนาคือผู้หญิง เด็ก คนแก่ที่อ่อนแอ ส่วนหนุ่มสาวคนแข็งแรงส่วนใหญ่ไปที่แม่น้ำกันหมดแล้ว
เป็นเวลาห้าหกวันแล้ว ยังไม่เห็นเลยว่าพวกเขาทำอะไร
ภายใต้การนำของคณะทำงาน สมาชิกหนุ่มสาวที่แข็งแรงถ้าไม่ได้ขุดตรงนี้อยู่สองสามครั้งก็ไปขุดที่ไหนสักสองสามแห่งนี่แหละ ไม่เข้าใจเลยว่าทำอะไรอยู่!
นี่ไม่ได้ยุ่งวุ่นวายหรือไง?
แต่เสี่ยวเถียนแค่คิด ไม่กล้าพูดออกมา
ถ้าคนได้ยินคำแบบนี้ก็ไม่รู้จะเดือดร้อนอะไรไหม
ขณะที่บ่นอยู่ในใจ เด็กหญิงก็ไปที่ทุ่งเพื่อไปหาพวกคุณปู่ซูที่ไปทำงานในวันนี้
เดินไปได้ไม่ไกลก็เจอคุณปู่ของตัวเอง แล้วก็หัวหน้าซูด้วย
ซูฉางจิ่วเดินอย่างเร่งรีบเหมือนมีเรื่องรีบร้อนสักอย่าง
รอยยิ้มปรากฏบนหน้าเสี่ยวเถียน เธอยิ้มให้อีกฝ่าย
“สวัสดีค่ะลุงหัวหน้า!” เธอทักทายอย่างสุภาพ
“เสี่ยวเถียน หนูมาทำอะไรเนี่ย?” ซูฉางจิ่วเห็นเธอก็ยิ้มแย้ม
“ลุงหัวหน้า หนูมาหาปู่ค่ะ”
“ปู่ทำงานอยู่ไร่สิบสองไม่ใช่หรือ? ย่าก็อยู่ที่นั่นด้วยนะ!”
ตอนที่เขาพูด หัวใจเจ็บปวดมาก
เพื่อสร้างทำนบกั้นน้ำ เหล่าแรงงานหนุ่มสาวของหงซินจึงถูกดึงตัวออกไปทำงาน แต่งานในทุ่งตอนนี้มันเป็นระบบหน้าที่ของเหล่าครัวเรือน*[1]
สะใภ้บ้านซูไม่อยู่ และคนที่ทำงานได้คือคุณปู่คุณย่าซูกับหลาน ๆ อีกไม่กี่คนเท่านั้น
ไอ้พวกคณะทำงาน ทำไมไม่รีบกลับเมืองไปทำตัวเรื่อยเปื่อยเล่า?
ถ้ายังอยู่หงซินต่อก็ไม่รู้ว่าปีนี้สมาชิกของเราจะกินกันอิ่มหรือเปล่า
“ได้เลยค่ะลุงหัวหน้า หนูไปก่อนนะ แล้วเจอกันค่ะ!” เสี่ยวเถียนว่าก่อนจะกระโดดโลดเต้นออกไป
แต่แขนของเธอถูกรั้งเอาไว้
เด็กหญิงหยุดลงอย่างช่วยไม่ได้ แล้วเอ่ยถาม “ลุงหัวหน้า หยุดหนูทำไมคะ?”
“เสี่ยวเถียนเอ้ย ลุงมีเรื่องอยากจะถาม ช่วยลุงได้ไหม?” ซูฉางจิ่วมองหลานด้วยสีหน้าประจบสอพลอ
เสี่ยวเถียนตะลึง มีเรื่องใหญ่อะไรไม่ไปหาผู้ใหญ่ช่วย แต่มาหาเด็กเพื่ออะไรเนี่ย?
เธอพูดอย่างสุภาพ “ลุง เวลาลุงยิ้มแบบนี้เหมือนจะลักพาตัวเด็กเลย!”
ซูฉางจิ่วมองรอยยิ้มที่ยิ้มครึ่งไม่ยิ้มครึ่งของเสี่ยวเถียน เกือบจะกระอักเลือดออกมา เด็กคนนี้คิดอะไรเนี่ย?
ไม่รู้ว่าบ้านนี้สอนหลานอย่างไร เด็กผู้หญิงคนเดียวแต่หลักแหลมแล้วก็ซนมาก!
“จะเป็นไปได้ยังไงเล่า? ลุงดูหนูเติบโตขึ้นมานะ จะลักพาตัวไปขายได้ยังไง?” ซูฉางจิ่วคิดว่าเธอเป็นกลัว จึงพยายามพูดให้เธอเข้าใจที่สุด
เสี่ยวเถียนพยักหน้า “หนูแค่พูดเฉย ๆ ได้ยินว่าช่วงนี้ในเมืองมีการลักพาตัวเด็กไปขายหลายคนเลย!”
ซูฉางจิ่วพูดไม่ออก เพราะในเมืองมีเด็กถูกลักพาตัวไปขาย แล้วเขาเหมือนคนแบบนั้นหรือ?
ช่างมัน ๆ เด็กคนนี้ตื่นตัวมาก เป็นเรื่องที่ดีแล้ว
“หงซินเรามีแต่คนรู้จัก ไม่มีใครมาจับเด็กไปหรอก อีกอย่างเสี่ยวเถียนสวยแบบนี้ ถึงทำได้ก็ไม่เต็มใจจะทำหรอกนะ!”
เสี่ยวเถียนมองลุงตรงหน้าด้วยสายตารังเกียจ ก่อนพูดอย่างเคร่งขรึม “ลุงหัวหน้าพูดไม่ถูกนะ เพราะว่าหนูสวยต่างหาก เขาเลยอยากลักพาตัวหนู!”
“ถึงไม่สวยลักพาตัวไปก็ไม่อยากได้หรอก แล้วถ้าขายไม่ออกจะทำยังไงคะ?”
พอเห็นท่าทางจริงจัง เขาก็เกือบน้ำตาไหล นี่มันตรรกะอะไรเนี่ย?
ไม่ใช่แล้ว ๆ นี่มันบิดเบี้ยวกันไปหมดแล้ว
เห็นชัดว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดสักหน่อย แล้วมันเลี้ยวไปเรื่องลักพาตัวได้อย่างไรเนี่ย?
“เสี่ยวเถียนเอ้ย ลุงอยากได้ความช่วยเหลือจากหนู ยินดีช่วยไหม?”
พอเสี่ยวเถียนได้ยินหัวข้อนี้อีกครั้ง เธอก็พูดไม่ออก อุตส่าห์เลี่ยงแล้วทำไมยังไม่ลืมอีกเนี่ย?
งั้นก็แสร้งโง่ทำตัวเป็นเด็กแล้วกัน เด็กแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลยแบบนั้นน่ะ
“หัวหน้า หนูเป็นแค่เด็ก ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก!”
ท่าทางเสี่ยวเถียนชัดเจนมาก เธอกำลังจะบอกว่าตัวเองเป็นเด็ก อายุไม่ถึงสิบขวบ!
ซูฉางจิ่วมองหลานด้วยแววตาโค้ง ดูรังเกียจมาก
เด็กคนนี้คิดว่าจะซ่อนทุกอย่างไปจากหัวหน้าเช่นเขาได้หรือ?
นับวันยิ่งน่ารักน้อยลงทุกทีเลยนะ!
“เสี่ยวเถียน หนูคิดว่าลุงไม่เข้าใจอะไรเลยหรือ? ลุงมีตาสองข้างนะ เห็นชัดแจ๋ว” ซูฉางจิ่วมองเธอแล้วพูดช้า ๆ
เสี่ยวเถียนยิ้ม ไม่รู้จะพูดอะไร
อันที่จริง สิ่งที่เธอกำลังคิดถึงถูกเปิดเผยอยู่แล้ว
เธอรู้ว่าตัวเองควรระมัดระวังให้มาก นอกจากคนที่บ้านแล้วก็ไม่ควรมีใครรู้สิ
ช่างมัน ๆ เหนื่อยเหลือเกิน!
ถึงอย่างไรก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว พูดอะไรไปก็ไม่ถูกต้องอยู่ดี
งั้นก็ไม่พูดดีกว่า รอให้หัวหน้าพูดเองแล้วกัน
ไม่ว่าเจ้าตัวจะพูดอะไรมาก็แค่แกล้งโง่พอ!
แม้จะโดนแรงลมจากทุกสารทิศแต่ฉันก็ยังยืนหยัดได้!
“ในช่วงสองปีที่ผ่านมา หนูได้ทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากมาย หนูกล้าพูดได้หรือยังว่าหนูไม่ได้มีส่วนทำให้พืชผลของเราเพิ่มขึ้น”
“ลุงหัวหน้า ที่พืชผลเพิ่มขึ้นได้เป็นผลงานของคุณปู่ตู้ และเป็นความร่วมแรงร่วมใจของสมาชิกหงซิน”
เสี่ยวเถียนสื่อความชัดเจนดี เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหนู!
ซูฉางจิ่วจ้องมอง “แต่ไก่ในฟาร์มไก่กำลังเติบโตได้ดีนะ หนูจะไม่ได้ออกแรงได้ยังไง?”
“ลุงหัวหน้ามองผิดแล้ว หนูไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ นะ ที่เลี้ยงไก่ได้ดีเพราะผลงานของพวกแม่ใหญ่ของหนูต่างหาก สองปีนี้ชุมชนการผลิตของเราถึงได้มีชีวิตที่ดีไงคะ หนูแค่ตามไปเล่นด้วยเฉย ๆ!”
เธอเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง แค่ตามไปเล่นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร!
แต่ซูฉางจิ่วเตรียมพร้อมมาแล้ว มีหรือจะปล่อยเสี่ยวเถียนไปอย่างง่ายดายน่ะ?
“เข้าใจแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไป ตามลุงไปเล่นด้วยกันทุกวันเลยสิ!”
เธอมองซูฉางจิ่วที่เป็นจิ้งจอกเฒ่าแล้วพูดไม่ออก มีอะไรน่าสนุกที่ต้องตามชายวัยกลางคนไปวิ่งเล่นด้วยเนี่ย?
ไม่สิ นี่ไม่ใช่ประเด็นสักหน่อย ประเด็นคือสร้างทำนบกั้นน้ำนะ แล้วจะเอาเธอไปด้วยทำไม?
“ลุงหัวหน้า ดูสิ่งที่ลุงพูดสิ ช่วงนี้ลุงยุ่งอยู่กับการสร้างทำนบ แล้วจะเอาหนูไปเล่นด้วยได้ยังไง! หนูไปเล่นกับพวกพี่ ๆ ดีกว่า!” เสี่ยวเถียนจงใจเลี่ยงคำถาม
“ฮึ่ม งั้นก็ไม่ต้องไปสร้างแล้วกัน ลุงก็จะไม่พาหนูไปเล่นแล้วด้วย”
สาวน้อยกล้าเล่นกับใจตัวเองด้วย ถ้าไม่มองดี ๆ ใครจะไปรู้ว่าเป็นจิ้งจอกพันปีกันล่ะ?
เด็กหญิงตอบด้วยใบหน้าขมขื่น “สร้างทำนบไม่ใช่เรื่องสนุกนะ!”
ใครอยากเล่นก็ไปสิ แต่เธอไม่อยากไปนี่ ไม่มีประโยชน์เลย สู้ไปทำไร่ทำนาเสียยังดีกว่า!
*[1] ระบบความรับผิดชอบการผลิตภาคการเกษตรในครัวเรือนภายใต้การบริหารแบบส่วนรวม