บทที่ 317 สร้างปัญหาถึงหน้าบ้าน
บทที่ 317 สร้างปัญหาถึงหน้าบ้าน
พอกลับมาถึงเมืองหลวงและจัดการบ้านให้เรียบร้อย ก็เลือกห้องที่มีแสงแดดส่องถึงและจัดห้องตามสไตล์ที่พวกสาวน้อยในเมืองหลวงชอบกัน
เพราะพวกเขาคิดจะรับเสี่ยวเถียนมาอยู่เมืองหลวงด้วย
แต่หลังจากตัดสินใจอยู่นานก็ยอมแพ้ คนบ้านซูรักเสี่ยวเถียนแค่ไหน ทำไมเขาจะไม่รู้ ใครเต็มใจก็แปลกแล้ว
พอจัดห้องเสร็จก็ทำความสะอาดทุก ๆ สองถึงสามวัน รอให้เสี่ยวเถียนมาก็อยู่ได้เลย
เดิมทีคิดว่ากว่าเสี่ยวเถียนจะมาก็น่าจะตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ไม่คิดเลยว่าจะมาเร็วกว่าสองปี
“คุณย่าตกแต่งห้องได้สวยมากเลยค่ะ!” เสี่ยวเถียนกอดแขนอวี่รุ่ยหยวนด้วยความรัก
อวี่รุ่ยหยวนบีบจมูกหลานสาว “เด็กคนนี้ ย่ากับปู่รับมาเป็นหลานสาวนะ จะไม่รักได้ยังไง?”
ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากัน จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่ในลานบ้าน
อวี่รุ่ยหยวนขมวดคิ้ว
“ทำไมมาอีกแล้ว?”
อวี่รุ่ยหยวนเป็นคนมีการศึกษา เธอไม่เคยพูดจาไม่เกรงใจกับคนอื่นมาก่อน
จู่ ๆ ได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเถียนก็คิดว่า คนที่มาในวันนี้ คุณย่าต้องไม่ชอบมาก ๆ แน่เลย
“คุณย่า ใครหรือคะ?” เสี่ยวเถียนถามด้วยความสงสัย
“เป็นคนที่ไม่น่าคบน่ะ พวกเราไม่ต้องไปยุ่งหรอกจ้ะ!”
อวี่รุ่ยหยวนยังคงลากเสี่ยวเถียนไปดูของตกแต่งในห้อง ไม่มีความตั้งใจที่จะออกไปพบแขกเลย
“คุณย่า ไม่งั้นพวกเราไปดูกันหน่อยไหม!” เธอได้ยินเสียงข้างนอกดังขึ้นเรื่อย ๆ และกลัวว่าตู้ถงเหอจะโมโหเลยเอ่ยขึ้น
แน่นอนว่าอวี่รุ่ยหยวนไม่อยากไป แต่เธอกังวลว่าคนพวกนั้นจะสร้างปัญหาให้จนสามีทนไม่ไหว จึงลากเสี่ยวเถียนออกมาด้วยความไม่เต็มใจ
ตอนที่ออกมาก็เห็นคนสี่ห้าคนอยู่ในลานบ้านกำลังสร้างปัญหาอยู่รอบ ๆ
คนที่ส่งเสียงดังที่สุดคือผู้หญิงคนหนึ่ง อายุน่าจะประมาณห้าสิบหรือหกสิบปี มือจูงเด็กไว้ด้วย
“คุณใจร้ายแบบนี้ไม่ได้นะ เด็กพวกนี้เป็นหลานชายแท้ ๆ ของน้องชายคุณ เป็นหลานชายของคุณนะ แถมตอนนี้คุณก็ไม่มีลูกหลานที่ไหนด้วย อนาคตต้องพึ่งพาพวกเขาอีก”
“ฉันไม่หวังหรอก ขอแค่พวกเธออย่ามาสร้างปัญหาถึงบ้านฉันก็พอ!”
น้ำเสียงของตู้ถงเหอย่ำแย่มาก เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงคนนี้
“คุณคิดว่างั้นหรือ? ถ้ากลัวว่าเด็กพวกนี้จะพึ่งพาไม่ได้ก็เลือกมาคนนึงก็ได้ค่ะ แล้วให้ใช้ชื่อเสี่ยวอู่ต่อ”
ตู้ถงเหอชำเลืองมองผู้หญิงคนนั้นแล้วยิ้มเย็น “ก่อนหน้านั้นฉันก็เคยพูด แต่เธอพูดว่ายังไงนะ?”
ตู้ถงเหออึดอัดมากเมื่อคิดถึงคำพูดที่เสียดแทงหัวใจในตอนนั้น
ตอนแรกที่ลูกชายตาย เขาเสียใจอยู่หลายปีจนเกือบจะฟื้นตัวกลับมาไม่ได้
แต่คนในตระกูลกลับบอกว่าพวกเขาทำไม่ดีเลยเสียลูกไป ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
หลังจากนั้นพอชีวิตตกต่ำลงเรื่อย ๆ จึงเป็นฝ่ายเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะคิดว่าตระกูลเดียวกัน เลยคิดจะรับเด็กไว้พึ่งพายามแก่เฒ่า
แต่ใครจะรู้เล่าว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับสองสามีภรรยาเฒ่า
พอรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น คนในตระกูลหน้าเปลี่ยนสีทันที ถึงคราวได้ทีขี่แพะไล่ เอาไม่ให้ได้ผุดได้เกิด แม้กระทั่งสร้างเรื่องใส่ความด้วย
ถ้าไม่ได้เจอคนตระกูลซู คงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้หรอก
“มันตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะพี่ใหญ่ นี่พี่ยังเคียดแค้นกันอยู่อีกหรือ? ไม่ว่าจะพูดยังไง พวกเราก็เกิดจากพ่อเดียวกันอยู่ดีนี่?” ชายผู้มีใบหน้าคล้ายกับตู้ถงเหอพูดจาอย่างไม่ละอายใจ เขาขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่าย “ได้ยินว่า เราเขียนนามสกุลตู้พร้อมกันไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?*[1]”
“พวกเธอไม่ต้องห่วงหรอก พวกเรามีหลานสาวอยู่คนนึงแล้ว มีคนเลี้ยงยามแก่เฒ่าแน่นอน!” ตอนที่อวี่รุ่ยหยวนพูด แววตาฉายชัดถึงความรังเกียจต่ออีกฝ่าย
“อะไรนะ? พวกคุณมีหลานสาวแล้ว?”
“เด็กคนนี้เป็นหลานสาวของเรา ชื่อเสี่ยวเถียน จากนี้ไป หากพวกเราตายไปเมื่อไร บ้านหลังนี้ก็ยกให้เสี่ยวเถียนได้เลย!” หญิงชราว่าแล้วชี้ไปทางเด็กหญิง
ตอนแรกเธอไม่อยากทำแบบนี้ แต่คนในตระกูลน่ารำคาญเกินไป ถ้าพวกเขาไม่เด็ดขาดก็คงจะเป็นแบบนี้ต่อไป
ใครจะรู้เล่าว่า พอผู้หญิงคนนั้นเห็นเสี่ยวเถียนก็พุ่งเข้าไปหาทันที
“แกเป็นใคร? ทำไมถึงสนใจทรัพย์สมบัติของตระกูลตู้เรา? เหมือนจะเป็นจิ้งจอกตัวนึงสินะ แกใช้วิธีไหนเกลี้ยกล่อมสองสามีภรรยาตู้?”
ไม่ทันได้ตอบสนองอะไร เสี่ยวเถียนก็โดนชี้หน้าด่าเสียแล้ว เธอระงับความโกรธไว้ไม่ได้เลย!
ทำไมต้องเจอคนไร้เหตุผลแบบนี้อยู่ได้ทุกวัน
“คุณพูดให้สุภาพหน่อยได้ไหมคะ!” เสี่ยวเถียนไม่ใช่ลูกพลับนิ่ม*[2] ที่จะปล่อยให้คนมาบีบได้นะ
“ให้ฉันสุภาพกว่านี้? แต่แกกำลังจะแย่งทรัพย์สมบัติของตระกูลเราไปนะ แล้วยังให้ฉันสุภาพอีกหรือ คอยดูเถอะ ฉันฉีกปากแกเป็นชิ้น ๆ เลย!”
ผู้หญิงคนนั้นเอื้อมมือหมายจะทักทายใบหน้าของเสี่ยวเถียน
ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้ทรัพย์สินตระกูลตู้ไป?
เดิมทีตระกูลตู้จะโชคไม่ดีโดนยึดทรัพย์ แต่ตอนหลังก็คืนให้ไม่ใช่หรือ?
เหนือสิ่งอื่นใด เรือนสี่ประสานก็ได้คืนมาสองเรือน แล้วก็อาคารสไตล์ตะวันออกหลังเล็กกับร้านค้าอีกหลายสิบร้านด้วย
ทรัพย์สินของครอบครัวมากมายขนาดนี้ จะโดนคนอื่นฉวยผลประโยชน์ไปได้อย่างไร?
“หม่าซ่านฟาง หุบปาก!” อวี่รุ่ยหยวนรีบก้าวไปข้างหน้าขวางเสี่ยวเถียนเอาไว้
หม่าซ่านฟางนับวันยิ่งเหิมเกริม พูดจาไม่เป็นมิตรทั้งยังจะลงไม้ลงมือด้วย
เสี่ยวเถียนที่แสนบอบบาง ถ้าบาดเจ็บขึ้นมา เธอคงไม่มีหน้าไปพบคนตระกูลซูแล้ว
แต่ไม่คิดว่าเด็กสาวกลับคว้าแขนของหม่าซ่านฟางแล้วบีบอย่างกะทันหัน
อีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่แล้ว ส่วนเสี่ยวเถียนเป็นเด็ก
ทว่ามือเล็กที่ขว้าแขนไว้กลับทำให้อีกฝ่ายขยับไม่ได้
ตู้ถงเหอเห็นฉากนี้ก็ไม่แปลกใจ ส่วนคนอื่นแทบไม่เชื่อสายตา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับน้องชายต่างมารดาของตู้ถงเหออย่างตู้เทียนเหอ เขาไม่เชื่อในสายตาที่เห็นเลย
เขารู้ว่าหม่าซ่านฟางภรรยาของเขาเป็นคนแบบไหน ตอนเราสองคนทะเลาะกัน เขาสู้ไม่ได้เลย
แต่ตอนนี้เธอกลับโดนเด็กผู้หญิงตัวแค่นี้บีบแน่น ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง
“นี่แกกล้าลงมือกับฉัน? ฉันจะตีแกให้ตายเลยคอยดู!”
หม่าซ่านฟางไม่เคยเสียเปรียบมาก่อน ต่อให้สู้กับคนที่บ้าน เธอก็ไม่เคยแพ้
และตอนนี้แขนของเธอโดนเด็กหญิงบีบ มันเจ็บจนทนแทบไม่ได้
ซูเสี่ยวเถียนร้องเหอะ “ถ้าคุณมีความสามารถก็เอาเลยค่ะ!”
พละกำลังของเธอดีมาก นับประสาอะไรกับหม่าซ่านฟางล่ะ แม้แต่ฮั่วซิวเฉิงที่ดูเหมือนเป็นพวกนักฝึกฝนการต่อสู้ยังไม่สามารถสู้ได้เลย
และฮั่วซิวเฉิงกำลังเฝ้าดูฉากนี้ด้วยความสนใจอย่างมาก
สาวน้อยคนนี้เก่งจริง ๆ ลงมือทีไรไม่คิดอ้อมค้อมสักนิด
*[1] มาจาก 一笔写不出两个(X)字 หมายถึง เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องไปงอแงหาคนนอกหรอก ประโยคนี้ใช้เพื่อแสดงถึงความปรองดอง ญาติมิตรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถึงจะไม่ได้มาจากพ่อแม่เดียวกัน แต่มีนามสกุลเดียวกันก็นับว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน
*[2] ลูกพลับนิ่ม หมายถึง เป็นคนอ่อนแอยอมให้คนอื่นมารังแก