เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 344 ไม่มีทางยอม

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 344 ไม่มีทางยอม

บทที่ 344 ไม่มีทางยอม

พ่อเสี่ยวหรุ่ยขี่จักรยานพาลูกสาวไปกินอาหารกลางวัน

อันที่จริงต้องบอกว่าโลกมันกลมนะ

พอมาถึงร้านอาหาร คนสองกลุ่มก็มาพบกันโดยไม่คาดคิด

เสี่ยวเถียนเห็นเสี่ยวหรุ่ยก็อดลูบหน้าผากไม่ได้ เวรกรรมอะไรถึงได้มาเจอเรื่องประหลาดแบบนี้อีกเนี่ย!

ไม่รู้จักกันแท้ ๆ แล้วทำไมถึงมีเรื่องราวให้เกิดขึ้นเยอะเหลือเกิน?

พอพ่อเสี่ยวหรุ่ยเห็นเสี่ยวเถียนก็จ้องตาเขม็ง

“เสี่ยวหรุ่ย เด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนนี้ใช่ไหมที่มันรังแกลูก?”

ลูกสาวพยักหน้าหงึกหงัก

“มันนี่แหละคุณพ่อ! มันสอบห้องเดียวกับหนู รบกวนจนหนูทำข้อสอบไม่ได้เลย!” นี่คือการลอบกัดของเธอ

เสี่ยวเถียนพูดไม่ออก เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากทำข้อสอบนะ มาใส่ร้ายกันแบบนี้ได้อย่างไร

อีกอย่าง เธอใช้เวลาแค่สองชั่วโมงก็ออกจากห้องสอบแล้ว เวลาที่เหลือก็อยู่ข้างนอก จะไปรบกวนได้อย่างไร?

“สาวน้อย ฉันขอเตือนเธอนะ คนบางคนเราก็ไม่ควรไปยุ่งด้วย!”

เสี่ยวเถียนถูกกระตุ้นด้วยคำพูดนี้ก็รู้สึกเดือดดาล

คนบางคนเราก็ไม่ควรไปยุ่ง?

“แล้วพวกคุณไม่ยุ่งได้หรือเปล่าล่ะ?” เสี่ยวเถียนยิ้มเยาะ

เธอเป็นคนมาใหม่ เพิ่งมาเมืองหลวงแค่ไม่กี่วัน ทั้งยังไม่มีภูมิหลังอะไรอีกด้วย แต่เธอจะไม่ยอมอย่างแน่นอน เธอเชื่อว่าจะต้องมีสถานที่ที่เธอสามารถใช้เหตุผลคุยกันได้

“พ่อพูดถูกค่ะ พ่อฉันเป็นคนที่แกไม่ควรจะยุ่งด้วย!” เสี่ยวหรุ่ยพูดอย่างภาคภูมิใจเมื่อพ่อยืนหยัดเพื่อเธอ

“อ๋อ พ่อเธอเป็นเทพเจ้าหรือ? เลยยุ่งไม่ได้น่ะ หรือพ่อเธอเป็นคนอันตราย?”

เสี่ยวหรุ่ยสำลัก พ่อเธอไม่ใช่เทพเจ้าเสียหน่อย ยุ่งไม่ได้ก็คือยุ่งไม่ได้สิ!

“พ่อฉัน…” เด็กสาวลังเล ไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องนี้ดีหรือเปล่า

เสิ่นจื่อเจินเองก็ได้ยินเรื่องนี้พอดี

“จะขวางลูก ๆ ของผมไม่ให้ไปโรงเรียนใช่ไหมล่ะ?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา ไม่ไว้หน้าสองพ่อลูกนั้นเลย

เสี่ยวเถียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

เหมือนว่าลุงเสิ่น โอ๊ะ! ลุงเขยจะไม่อยากไว้หน้าสองพ่อลูกคู่นั้นนะ!

“คุณรู้ดี แต่ยังกล้าอวดดีอีก!” พ่อเสี่ยวหรุ่ยยังคงโมโหอยู่ที่อีกฝ่ายเคยทำให้เขาอับอายมาก่อน

เสี่ยวหรุ่ยไม่รู้ว่าหลังจากที่เธอเข้าโรงเรียนไป พ่อเธอกับเสิ่นจื่อเจินจะทะเลาะกันด้วย

“พ่อฉันมาจากสำนักการศึกษา เขารับผิดชอบเรื่องนี้อยู่!” น้ำเสียงเธอมีความภาคภูมิใจมาก

เสิ่นจื่อเจินร้องเหอะและไม่คิดจะพูดคุยกับคนแบบนี้อีก ก่อนพาเด็ก ๆ ไปยังร้านอาหารที่จองเอาไว้

วันนี้วันสอบ เขากลัวว่าเด็ก ๆ จะไม่ได้กินอาหารบำรุง เลยพยายามพาไปกินของดี ๆ เท่าที่จะทำได้ เพราะงั้นอาหารที่สั่งมาวันนี้จึงเยอะเป็นพิเศษ

ส่วนฝั่งเสี่ยวหรุ่ยมีแค่สองคนพ่อลูก พ่อสั่งอาหารมาสามอย่าง เป็นอาหารประเภทเนื้อทั้งหมด

ในสายตาคนทั่วไป อาหารของพวกเขาดูดีมาก

แต่พอเห็นโต๊ะเสี่ยวเถียนมีอาหารหกจาน และยังมีซุปอีกถ้วย เสี่ยวหรุ่ยก็รู้สึกไม่สบายใจ

“คุณพ่อ พวกเราสั่งอาหารเพิ่มอีกหน่อยแล้วกันค่ะ!” เสี่ยวหรุ่ยไม่อยากเสียหน้าให้กับคนที่ไม่ชอบขี้หน้าเลยจับมืออ้อนขอบิดา

พ่อคนนี้รักลูกสาวของเขามาก ถึงแม้ว่าการสั่งเพิ่มจะทำให้กินไม่หมด แต่เขาก็ยอมสั่งให้ตามความต้องการ

เขาคิดไว้ว่าถ้ากินไม่หมดก็ห่อกลับบ้าน เอาไว้กินต่อตอนเย็นได้

สีหน้าของเสี่ยวหรุ่ยจึงดีขึ้นมา

อาหารมื้อนี้ คนฝั่งโต๊ะเสี่ยวเถียนกินกันอย่างมีความสุขมาก แต่โต๊ะเสี่ยวหรุ่ย มีสายตาของเด็กสาวจดจ้องไปที่ฉืออี้หย่วนอยู่ ไม่ได้สนใจอาหารบนโต๊ะเลย แถมบรรยากาศก็ดูแปลกไปด้วย

กินข้าวก็ไม่อร่อย ไหนจะต้องมาฟังเสียงเจื้อยแจ้วของเสี่ยวเถียน แล้วยังต้องเห็นฉืออี้หย่วนดูแลมันอย่างดีอีก จิตใจของเสี่ยวหรุ่ยบอบช้ำอย่างหนัก

กินยังไม่ทันหมดถ้วยเธอก็วางตะเกียบลง รู้สึกไม่อยากกินต่อแล้ว

พ่อเสี่ยวหรุ่ยไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าเรื่องสอบเลยทำให้ลูกกังวล

“ไม่งั้นเราดื่มซุปกันหน่อยไหม? อากาศร้อนแบบนี้ คอจะได้ไม่แห้งนะ!”

“คุณพ่อ หนูไม่อยากกินซุป หนูอยากกินไอศกรีม!” เสี่ยวหรุ่ยเอ่ยอย่างถือตัว

เสี่ยวเถียนที่ได้ยินคำว่าไอศกรีมก็ผงะ เธอลืมมันไปเลย สำหรับยุคนี้ หากเป็นเมืองเล็ก ๆ จะไม่มี แต่ถ้าเป็นสถานที่อย่างเมืองหลวงอาจจะมีขาย เธอคิดว่าสภาพอากาศร้อน ๆ แบบนี้ ให้พี่ ๆ กินไอศกรีมดับร้อนดีไหม

ในระบบร้านค้ามีขายด้วย แต่เธอไม่เคยแลกมาเลยเพราะกลัวคนอื่นเห็นจะอธิบายให้ฟังได้ยาก

ผู้เป็นพ่อได้ยินว่าลูกสาวอยากจะกินไอศกรีม เขาก็เอ่ยอย่างกังวล “เสี่ยวหรุ่ย อย่ากินไอศกรีมตอนเที่ยงเลย”

“คุณพ่อ หนูอยากกิน ๆ!” เสี่ยวหรุ่ยทำท่าน่ารัก แต่ไม่ลืมยิ้มอย่างเหนือกว่าใส่เสี่ยวเถียนด้วย

เมื่อครู่เพิ่งได้ยินมันเรียกผู้ชายคนนั้นว่าลุงเขย

เธอทำตัวเอาแต่ใจขอไอศกรีมพ่อกินได้ แต่สาวน้อยที่อยู่กับคนบ้านอื่นจะกล้าทำแบบนั้นได้อย่างไร?

“ไอศกรีมมันเย็นเกินไป ถ้าลูกกินจะปวดท้องเอา เดี๋ยวทำข้อสอบไม่ได้เอาหรอก!” พ่อเสี่ยวหรุ่ยเอ่ยอย่างเป็นห่วง

“ไม่ปวดหรอกค่ะคุณพ่อ หนูอยากกิน ๆ!” เสี่ยวหรุ่ยเขย่าแขนบิดาไปมาไม่หยุด

“งั้นก็ซื้ออันนึงแล้วกันนะ!”

เสี่ยวหรุ่ยมีความสุขมาก ก่อนจะรับเงินจากพ่อแล้วยิ้มอย่างมีชัยให้เสี่ยวเถียน จากนั้นจึงวิ่งออกไป

เสิ่นจื่อเจินที่ได้ยินบทสนทนาก็เหลือบมองหลานสาวที่กำลังทำท่าครุ่นคิด และคิดว่าเสี่ยวเถียนเองก็คงอยากกินบ้างเหมือนกัน

เขายิ้ม “พวกเธออยากกินไอศกรีมไหม? ถ้าอยากกินเดี๋ยวลุงซื้อให้”

เสี่ยวเถียนรีบปฏิเสธทันที “ไม่ต้องหรอกค่ะลุงเขย เราดื่มน้ำได้”

“ใช่ครับลุงเขย ไอศกรีมมันเย็นเกินไป แถมเรามีสอบตอนบ่ายด้วย!” เสี่ยวชีเอ่ยอย่างใจเย็น

เสิ่นจื่อเจินพอใจกับเด็ก ๆ ที่รู้ความมาก รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาสว่างไสวมากยิ่งขึ้น

“ไว้สอบเสร็จลุงเขยจะซื้อให้นะ!” เสิ่นจื่อเจินใจกว้างมาก

พ่อเสี่ยวหรุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินอีกฝ่ายเรียกแทนตัวเองว่าลุงเขยก็ประหลาดใจที่อีกฝ่ายเป็นลุงของเด็กพวกนี้

แต่วันนี้เขาโกรธมาก แถมลูกสาวยังโดนรังแกอีก บัญชีนี้เขาจะจดจำเอาไว้ ไม่มีทางปล่อยคนพวกนี้ไปแน่

ในไม่ช้า เสี่ยวหรุ่ยก็วิ่งกลับมาพร้อมกับไอศกรีม

ตอนเดินผ่านเสี่ยวเถียน เธอจงใจชะลอความเร็วลง

“คุณพ่อ ไอศกรีมหวานจังเลยค่ะ!”

“คุณพ่อคะ ไอศกรีมเย็นเจี๊ยบเลย!”

“ไอศกรีมราคาแพงจริง ๆ เลยค่ะคุณพ่อ”

ผู้เป็นพ่อภาคภูมิใจมากที่ลูกสาวจงใจโอ้อวด

ถ้าดูจากการแต่งตัวของคนกลุ่มนี้แล้วคงซื้อไอศกรีมไม่ได้หรอก แถมยังตั้งใจจะซื้อให้หลังสอบเสร็จอีกด้วย

“เสี่ยวหรุ่ยเอ๋ย มันหมายถึงว่าบ้านเราฐานะดีไงลูก กลับกันถ้าเป็นคนจน ๆ พวกนั้นก็ทำได้แต่มองตาปริบ ๆ!”

เขาพูดด้วยเสียงอันดังกึกก้อง ดูก็รู้ว่าตั้งใจให้พวกเสิ่นจื่อเจินได้ยิน

และเสิ่นจื่อเจินก็ได้ยินจริง ๆ

ใบหน้าของเขามืดลงเล็กน้อย

ช่วงบ่ายมีสอบอีกสี่วิชา ซึ่งจะแบ่งเป็นสองชุด

ข้อสอบชุดแรกเป็นวิชาเคมีและฟิสิกส์ ข้อสอบชุดที่สองเป็นวิชาประวัติศาสตร์และการเมือง รวมแล้วสอบสี่ชั่วโมง

เสี่ยวเถียนคงทำข้อสอบภายในเวลาสองชั่วโมง

หลังจากที่สร้างความตกใจให้ผู้คุมสอบในช่วงเช้าแล้ว ในช่วงบ่าย พวกเขาก็ไม่ตกใจอีกต่อไป

เพียงแค่ดูกระดาษคำตอบของเธอผ่าน ๆ เท่านั้น

เพราะเราไม่ได้สอนวิชานี้ เลยดูทั่ว ๆ ไปก็พอได้ และจากความรู้ที่มี ครูทั้งสองคิดว่าเสี่ยวเถียนนำถูกทั้งหมด

“เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ!” ตอนที่ยืนอยู่ด้วยกัน ผู้คุมสอบต่างอุทาน

“เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์มากเลยนะ แค่ว่าหลายปีมานี้ การศึกษามันล่าช้าไปหน่อย แต่ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้น จัดให้มีการเรียนการสอนถือว่ายุติธรรมแล้วล่ะ”

ตอนที่อาจารย์ทั้งสองพูดคุยกัน เสี่ยวหรุ่ยกำลังลอบฟังอยู่ และรู้สึกอึดอัดใจมาก

ยัยผู้หญิงไร้ค่านั่นยากจนแท้ ๆ ทำไมถึงมีแต่คนชมมันนัก?

เหอะ! ฉลาดแล้วอย่างไรล่ะ?

รอพ่อจัดการก่อนเถอะ เอาให้มันสอบไม่ผ่าน ไม่มีที่ให้ร้องไห้ไปเลย

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท