บทที่ 413 พวกแกใช่คนหรือเปล่า?
บทที่ 413 พวกแกใช่คนหรือเปล่า?
“พี่อี้หย่วน มาได้ยังไงคะ?”
ฉืออี้หย่วนเดินไปหาเสี่ยวเถียนที่ปรบมือเรียก ก่อนจะลูบหัวเธอแผ่วเบา “หลายวันมานี้พี่ยุ่งมากเลย วันนี้มีเวลาก็เลยมาหาน่ะ!”
คำพูดของอีกฝ่ายทำให้พี่ชายบ้านซูไม่พอใจ พูดอะไรน่ะ?
ทำไมถึงมาหาเสี่ยวเถียน?
น้องต้องการคนนอกมาใส่ใจด้วยหรือ?
“ฉืออี้หย่วน มาช่วยหน่อย!” ซื่อเลี่ยงกลอกตาใส่และรีบเอ่ยทันที
ฉืออี้หย่วนพูดไม่ออก อยากจะกลอกตาใส่อีกฝ่ายเหลือเกิน
ไม่มีปัญหาอยู่แล้วถ้าคนบ้านซูจะจัดการกับไอ้อันธพาล แต่กลับให้เขาออกไปช่วยเนี่ยนะ แล้วเขาปฏิเสธได้หรือ?
ไม่ได้น่ะสิ!
ฉืออี้หย่วนหักนิ้ว ก่อนจะออกไปรวมกลุ่มกับเด็ก ๆ บ้านซู
แปดต่อเจ็ดก็มั่นใจอยู่แล้วว่าจะชนะ ทว่ากลับมีอีกคนเข้ามาช่วยอีก
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ต่างไปกับโดนตีอยู่ฝ่ายเดียวเลย
“เสี่ยวซื่อเบาหน่อย ให้คนอื่นลงมือบ้างสิ!”
พวกอันธพาลโดนต่อยจนกระอักเลือดแล้ว ทว่ากลับได้ยินซื่อเลี่ยงพูดขึ้น
สถานการณ์เกือบตายคาที่
“ผมรู้แล้วพี่รอง! ผมว่าไอ้เด็กพวกนี้มันมาสู้หรือมาแกล้งตายกันน่ะ?”
ภาพกลุ่มคนที่กำลังทะเลาะกันบริเวณถนนดึงดูดผู้คนเข้ามาชมเป็นจำนวนมาก
พวกเขารู้ว่าพวกนี้มันเป็นอันธพาล ทั้งยังรู้อีกว่าบุกเข้ามาทำลายร้านอาหารหออีหมิงด้วย
ทีแรกก็กังวล แต่ตอนนี้อยากจะปรบมือที่เห็นเด็ก ๆ ในบ้านออกมาต่อยตีจนอีกฝ่ายล้มลงกับพื้น
แต่เพราะกลัวจะไปทำให้ขุ่นเคืองจึงไม่กล้าปรบมือจริง ๆ
ทว่าเสี่ยวเถียนกลับปรบมืออย่างไม่เกรงกลัว
“พี่ ๆ สู้ ๆ ต่อยเก่งมากเลย โอ๊ย พี่เจ็ดใช้แรงน้อยจัง! พี่รองเก่งมาก… พี่อี้หย่วน รีบชกเร็วเข้า!”
เสี่ยวเถียนเป็นคนดูข้างสนาม เธอกำลังยืนพากย์ให้ฟัง
พวกอันธพาลอยากกระอักออกมาเป็นเลือดจริง ๆ
บุกมาถึงบ้านเขาตั้งเจ็ดคน แต่โดนซ้อมเสียเอง
แถมยังอายุไม่เท่าพวกเราด้วย
แต่ว่าพวกเป็นอันธพาลจริง ๆ นะ
ใครมันบอกว่าเจ้าพวกนี้เป็นชาวนาจากตะวันตกเฉียงเหนือกัน?
พวกชาวนามันแข็งแกร่งขนาดนี้เลยหรือ?
เสียใจตอนนี้ได้ไหมเนี่ย?
เสี่ยวเถียนเฝ้ามองพี่ ๆ อย่างคึกคัก ทนไม่ไหวจนต้องเดินออกไป ทว่าก็โดนคุณย่ารั้งเอาไว้
“หลานรัก เรื่องต่อสู้ปล่อยให้พี่ ๆ เขาไปเถอะ หลานเป็นผู้หญิง อย่าเรียนรู้จากพวกเขานะ!”
เสี่ยวเถียนมองด้วยสายตางุนงง ทำไมรู้สึกว่าน้ำเสียงของย่าดูรังเกียจแปลก ๆ
“หนูไม่ออกไปสู้หรอกย่า หนูเป็นเด็กดีนะ!” เสี่ยวเถียนยิ้มหวาน
หญิงชราโล่งใจ แต่ชายชรากลับไม่คิดเช่นนั้น ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่ค่อยเชื่อ
เด็กคนนี้น่าจะลงมือหนักว่าพี่ ๆ อีก
ตอนนั้นพวกพี่ชายกำลังต่อยอย่างสนุกสนาน
อืม ถูกต้อง กำลังต่อยอย่างสนุก
แมวเล่นกับหนู เป็นคำที่ใช้บรรยายสถานการณ์ในตอนนี้ได้เลย
พวกอันธพาลร้องไห้แทบไม่เหลือน้ำตาแล้ว
นี่มันบ้านอะไรเนี่ย?
ต่อยคนเจ็บขนาดนี้ได้อย่างไร?
“พี่ บอกหลานพี่หยุดมือเถอะ คนแบบเรา ๆ สู้เจ้าพวกอันธพาลนี่ไม่ได้หรอก วันนี้เขาต่อยก็จริง แต่ถ้าวันนึงได้เป็นฝ่ายที่โดนโต้กลับ”
ชายชราคนหนึ่งเดินเข้าไปหาคุณปู่ซูเงียบ ๆ แล้วกระซิบเกลี้ยกล่อม
คุณปู่ซูขอบคุณอีกฝ่ายด้วยความจริงใจ
“ขอบคุณที่เตือนฉันนะ แต่เด็ก ๆ มันสู้ไปแล้ว ตอนนี้ลงมืออยู่ก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะโต้ตอบไม่ได้นี่นา”
คุณปู่พูดชัดเจน
พวกเราไม่ใช่คนดีอะไร ต่อให้ไม่ได้ลงมือไปก็ยังเป็นบุญคุณกับคนอื่นอยู่ดี
กลับกันถ้าเราไม่จัดการตอนนี้ วันข้างหน้าอาจจะเกิดปัญหาไม่รู้จบก็ได้
“แต่ถ้าสู้แบบนี้ต่อไป สถานีตำรวจจะต้องตื่นตระหนกแน่!” ชายชราเตือนอีกครั้ง
จากนั้นคุณปู่ซูก็คิดได้ว่านี่น่าจะเป็นปัญหาจริง ๆ
“ไอ้เด็กพวกนี้ เร่งมือหน่อย!” คุณปู่ซูตะโกนลั่น
ชายชราตะลึง นี่มันอะไรเนี่ย?
อายุปูนนี้แล้วนะ ยังใจร้อนเหมือนหนุ่ม ๆ อีกหรือ?
หลานได้ยินคำพูดของปู่ก็เร่งความเร็วทันที …อ๋อ หมายถึงเร่งความเร็วในการชกน่ะ!
แล้วเจ้าพวกอันธพาลก็ร้องโหยหวนทันที
ตอนนี้เองถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ลงแรงทั้งหมดตั้งแต่แรก ที่ผ่านมาแค่แกล้งเล่นเท่านั้น
“ยกโทษให้พวกเราด้วยท่านผู้เก่งกาจ ท่านวีรบุรุษ ยกโทษให้พวกเราเถอะ!” หนึ่งในนั้นร้องขอความเมตตา
ส่วนคนอื่น ๆ พอเห็นมีคนนำ พวกเขาก็ทำตาม ๆ กันไปด้วย
“ขอความเมตตา? งั้นตอบมาสิว่าใครส่งพวกแกมาสร้างความวุ่นวายที่ร้านของเราแบบนี้?” โส่วเวินหยุดมือก่อนชั่วคราวแล้วถามเสียงต่ำ
มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่อันธพาลพวกนี้มาบุกถึงบ้านทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่ได้ขุ่นเคืองใจต่อกัน?
ความเป็นไปได้เดียวคือต้องมีคนจ่ายเงินให้เขามาทำลายธุรกิจบ้านเราในเมืองหลวงแน่ ๆ
แน่นอนว่าคงไม่อยากให้พวกเราอยู่ที่นี่อีกต่อไป
ทุกคนอึกอัก ไม่ได้เอ่ยปากสักคน
“ไม่พูดหรือ?” ซื่อเลี่ยงว่าจบก็เตะข้อเท้าอันธพาลข้าง ๆ ทันที
ความเจ็บปวดเสียดแทงเข้ากระดูก ทำให้อีกฝ่ายร้องลั่นเสียดหู
พอเห็นพี่รองเริ่ม คนอื่น ๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วย
สถานการณ์ที่เพิ่งผ่อนคลายลงกลับมารุนแรงขึ้นอีกครั้ง
“จะพูดหรือไม่พูด พวกแกคิดให้ดีเถอะ!” ซื่อเลี่ยงยกกำปั้น
“พวกแกจะต่อยคนแบบนี้ไม่ได้นะ!”
จู่ ๆ ก็มีอันธพาลคนหนึ่งนึกอะไรขึ้นมาได้แล้วรีบเตือนสติ
โส่วเวินเอ่ยด้วยความจริงใจ “แกพูดถูก พวกเราต่อยคนอื่นไม่ได้!”
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น ก็พลันคิดว่าตนรอดแล้ว
แต่โส่วเวินได้พูดขึ้นอีกครั้ง
“แล้วพวกแกใช่คนหรือเปล่า? ไม่น่าใช่นะ เป็นแค่อันธพาลเท่านั้นเอง!”
สีหน้าของชายคนนั้นกลายเป็นหินทันที
หมายความว่าอย่างไร?
อันธพาลไม่ใช่คนหรือ?
ไม่คู่ควรกับการเป็นคนหรือไง?
เสี่ยวเถียนหัวเราะลั่น พี่ใหญ่พูดจาตลกมาก!
“ฉันถามว่าพวกแกจะพูดหรือไม่พูด!” ซื่อเลี่ยงหมดความอดทนเสียแล้ว
จะจัดการกับพวกมันอย่างไรดีล่ะ?
“ถ้าฉันบอกให้พวกแกปล่อยพวกฉันไปดี ๆ พวกแกจะไม่มาเฝ้าที่ร้านทุกวันใช่ไหม?”
ประโยคนี้มีความหมายข่มขู่ชัดเจน
ถ้าไม่ระวัง มันก็มีโอกาสมาโจมตีร้านและคนในร้านได้ทุกวัน
อย่างที่คิด สีหน้าของทุกคนที่ได้ยินเปลี่ยนไปทันที
คนรอบข้างมองบ้านซูด้วยสีหน้ากังวล
รวมถึงคุณปู่คุณย่าซูและเหลียงซิ่ว
เด็ก ๆ ไม่สามารถอยู่ที่ร้านได้ทุกวันอยู่แล้ว คนที่เหลือก็เป็นคนแก่และผู้หญิง จะไม่โดนจัดการแทนหรือ?
ถ้าเด็ก ๆ ไม่อยู่ พวกเขาคงจะโดนทุบตี ร้านอาหารก็อาจจะปกป้องไว้ไม่ได้ด้วย!
พอเห็นฉากนี้ พวกอันธพาลรู้สึกว่าตนจับจุดอ่อนของคนบ้านนี้ได้แล้ว
แล้วแย้มยิ้มด้วยความภูมิใจ!
ใบหน้ายิ้มแย้มของเสี่ยวเถียนพลันหายไปเช่นกัน