เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 459 ฉันเป็นประกันให้

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 459 ฉันเป็นประกันให้

บทที่ 459 ฉันเป็นประกันให้

ลูกศิษย์?

ฮั่วซือเหนียนรู้สึกประหลาดใจมาก และมองชายชราด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

ลุงรับลูกศิษย์อีกคนตั้งแต่เมื่อไรกันเนี่ย?

ชายชราเคยรับมาคนหนึ่ง สภาพของเขาตอนนั้นเรียกได้ว่าหมดเรี่ยวแรงมาก ได้ยินว่าสุดท้ายก็โดนคนคนนั้นทรยศ เขาเลยถูกส่งไปที่ตะวันตกเฉียงใต้

ถ้าอิงตามหลักแล้ว ลุงฉือไม่น่ารับลูกศิษย์เพิ่มอีก

ส่วนเรื่องลูกศิษย์ หลี่ว์หรูหยาที่ได้ยินมาจากผู้อำนวยการหูแล้ว จึงเข้าใจเรื่องนี้มานิดหน่อย

แต่ผู้อำนวยการฉือสีหน้ามึนงง เขาไม่เข้าใจอะไรเลย

ชายวัยกลางคนและชายหนุ่มมองหน้ากันด้วยความสับสน

จากนั้นฉืออวี้เลี่ยงก็หันไปหาฮั่วซือเหนียนเพื่อขอความช่วยเหลือ

เขาเชื่อในความเก่งกาจของฉือเก๋อ แต่ไม่สามารถเชื่อในความเก่งของลูกศิษย์อีกฝ่ายได้!

ต้องพึ่งพาที่ปรึกษาเสียแล้ว

“ลุงฉือ ลุงรับลูกศิษย์มาตั้งแต่เมื่อไรครับ?”

ฉือเก๋อตอบเบา ๆ “เพิ่งรับมาไม่กี่ปีเอง”

ฮั่วซือเหนียนเข้าใจแล้ว นั่นหมายความว่ารับมาตั้งนานแล้ว

ในเมื่อลุงสอนด้วยตัวเอง ความสามารถของเธอไม่มีทางต่ำต้อยแน่นอน!

แต่ฉืออวี้เลี่ยงกลับร้อนรน “คุณฉือครับ…”

“ถ้าคุณไม่เชื่อคำแนะนำของตาแก่แบบฉันก็ช่างมันปะไร ถือว่าฉันไม่ได้พูดแล้วกัน บางทีลูกศิษย์ของฉันก็คงไม่ยอมตอบตกลงก็ได้!”

ฉือเก๋อตอบด้วยท่าทางเฉยเมย ลูกศิษย์ของเขาจะไม่ชอบคนอื่นก็ว่าไปอย่าง แต่มันถึงตาที่จะโดนแทนแล้วหรือ?

ฉืออวี้เลี่ยงสับสน หมายความว่ายังไงเนี่ย?

ถึงอีกฝ่ายจะแนะนำลูกศิษย์ให้ แต่ก็ยังรับประกันไม่ได้ว่าเด็กคนนั้นจะเห็นด้วยหรือเปล่าเนี่ยสิ?

เขาไม่รู้อะไรเลย แต่คิดว่าลูกศิษย์ของฉือเก๋อจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ

แต่รองผู้อำนวยการหลี่ว์ยังกระอักกระอ่วน

ซูเสี่ยวเถียนเป็นแค่เด็ก จะไปมีความสามารถมากขนาดนั้นได้ยังไง? เขารู้สึกแย่เหลือเกิน

คุณฉือมีสิทธิ์อวดลูกศิษย์นะ แต่เสี่ยวเถียนจะมีความสามารถพอให้อวดหรือเปล่า?

เขากระวนกระวายใจมาก นึกอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็กลัวจะทำให้คนเขาขุ่นเคืองเหมือนรองผู้อำนวยการหม่าอีก

บรรยากาศเงียบสงัด มีฮั่วซือเหนียนที่หิวจนไม่สนใจอะไรแล้วสั่งอาหารมาสองสามอย่าง และชวนคนอื่น ๆ มากินด้วยกัน

แต่จะกินได้สักกี่คน?

สุดท้ายก็มีเขาแค่เดียวที่กินทั้งหมด จากนั้นก็เรอออกมาด้วยความพึงพอและสนทนากับฉือเก๋อ

ตอนนี้เกือบเป็นเวลาอาหารเย็นแล้ว คนในร้านจึงเพิ่มมากขึ้น

ผู้อำนวยการฉือเคยได้ยินว่ากิจการหออีหมิงดีมาก แต่ไม่เคยเห็นกับตา

พอถึงเวลาอาหารเย็นจึงได้รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกได้ว่ากิจการดี และดียังไง มันลุกเป็นไฟเลย

เสี่ยวเถียนกลับมายังร้านหลังจากเลิกเรียน

“เสี่ยวเถียนเอ้ย สองคนนี้เขามาตามหาหลานน่ะ!”

ยามฉือเก๋อเห็นเด็กสาว ใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้มทันที ต่างไปจากความเฉยเมยก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

ฮั่วซือเหนียนที่กำลังดื่มชาก็เกือบสำลัก

ลูกศิษย์ลุงฉือหรือ? นั่นมันสาวน้อยที่ขายปูให้เขาไม่ใช่หรือไง?

“พวกเขาตามหาหนูทำไมหรือคะคุณปู่ฉือ?” เสี่ยวเถียนสงสัย

หลังจากเอ่ยถามเธอก็เห็นชายหนุ่ม

แววตาของสาวน้อยเป็นประกายทันที

แกะอ้วนตัวนี้มาอีกแล้วหรือ?

เธอเสียใจหรือเหลือเกินที่ไม่ได้ซื้อวัตถุดิบดี ๆ กลับมาสักหน่อย ไม่งั้นก็อาจหาเงินได้แล้วก็ได้!

ฉืออวี้เลี่ยงมองท่าทางเด็กสาว จากนั้นก็มองไปยังฮั่วซือเหนียน เขาอดคิดไม่ได้ว่าเป็นคนหนุ่มนี่ก็ดีเนอะ ใช้ประโยชน์จากหน้าตาหล่อเหลาทำให้สาวน้อยชอบได้

เดี๋ยวก่อนนะ สาวน้อย?

เมื่อครู่นี้คุณฉือบอกว่าอะไรนะ?

เด็กคนนี้เป็นลูกศิษย์ของเขาหรือ?

คนที่ชายชราแนะนำให้เป็นล่ามให้กับโรงงานเราใช่ไหม?

ฉืออวี้เลี่ยงรู้สึกเหมือนจะบ้าเต็มทน คุณฉือแก่จนเลอะเลือนแล้วหรือ!

“เธอเป็นลูกศิษย์ของลุงฉือหรือ สาวน้อย จำกันได้ไหมเนี่ย?” ฮั่วซือเหนียนทักทายอย่างอบอุ่น

ใบหน้าของเสี่ยวเถียนประดับรอยยิ้ม ไม่มีได้ท่าทางโลภมากอย่างก่อนหน้านี้สักนิด

“หนูจำได้อยู่แล้วสิคะ! คุณรู้จักกับปู่ฉือหรือคะ?”

“รู้จักซี่ ฉันได้ยินลุงฉือบอกว่าเธอรู้ภาษาเยอรมันด้วย?”

ฮั่วซือเหนียนถามในสิ่งที่คนจากโรงงานทั้งสองต้องการมากที่สุด

เสี่ยวเถียนพยักหน้า “ไม่ได้เชี่ยวชาญขนาดนั้นค่ะ แย่กว่าปู่ฉือหน่อยนึง!”

ฮั่วซือเหนียนมือไม้สั่นไปหมด

สาวน้อยคนนี้มั่นใจเหลือเกิน

“มีความมั่นใจดีนี่!” ฮั่วซือเหนียนชมจากใจ “พวกเขาเป็นคนจากโรงงานผ้าไหมฉี่ลี่น่ะ อยากจะคุยธุรกิจกับเธอ!”

โรงงานผ้าไหมฉี่ลี่?

ภาพรองผู้อำนวยการหม่าปรากฏขึ้นในหัวเสี่ยวเถียนทันที

เพราะอีกฝ่ายเลยทำให้ความประทับใจที่มีต่อโรงงานนี้แย่มาก

แค่แวบเดียว ใบหน้าเสี่ยวเถียนเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที

ฉืออวี้เลี่ยงยิ้มอย่างขมขื่น

หม่าว่านกั๋วยั่วโมโหคนเขาไปทั่ว

ไว้กลับไปคงต้องไปรายงานกับทางเบื้องบนเสียแล้ว เขาไม่ต้องการรองผู้อำนวยการแบบนี้อีก

แต่พอคิดถึงคนที่คอยหนุนหลังอยู่ ชายวัยกลางคนรู้สึกว่ารายงานไปก็ไม่มีประโยชน์

อีกอย่างฉืออวี้เลี่ยงก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะทำ

เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องเกลี้ยกล่อมเด็กคนนี้ และจะต้องทำให้เธอเห็นด้วยให้ได้

เขามองเด็กสาว พลันรู้สึกว่าเธอน่าจะเกลี้ยกล่อมง่ายใช่ไหมนะ?

อย่างน้อยที่สุดก็ง่ายกว่าคุณฉือแล้วกัน!

“สหายตัวน้อย เธอคงเข้าใจเรื่องทางโรงงานของเราผิดไป ฉันเป็นผู้อำนวยการของโรงงานน่ะ…”

สิบนาทีต่อมา เสี่ยวเถียนอดตบหน้าผากไม่ได้ เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนช่างพูดแบบนี้

แล้วพูดรวดเดียวสิบนาที ไม่คอแห้งบ้างหรือ?

เสี่ยวเถียนเทน้ำให้อีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้

ผู้อำนวยการคงกระหายน้ำจริง ๆ เขาหยิบแก้วที่เสี่ยวเถียนเทน้ำเปลือกแอปริคอตรสเปรี้ยวหวานให้แล้วก็ดื่มรวดเดียวจนหมด จากนั้นก็พูดต่อ

สุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหวจึงขัดจังหวะขึ้นมา

“ผู้อำนวยการ กรุณาหยุดสักครู่ค่ะ หนูมีคำถามอยากจะถามสองสามข้อค่ะ!”

“ถามมาเลย ๆ!”

ที่ทำตัวดีไม่ใช่เพราะเสี่ยวเถียนคือเสี่ยวเถียนนะ แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นศิษย์ของฉือเก๋อต่างหาก

เด็กสาวเหลือบมองอย่างเฉยเมย ทำให้ผู้อำนวยการเหมือนเผชิญหน้านักธุรกิจรายใหญ่อย่างไรอย่างนั้น

ไม่เหมือนเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย แต่เหมือนคนที่ทำธุรกิจมาเป็นเวลานาน และเป็นผู้นำขององค์กรขนาดใหญ่ที่มากกลยุทธ์

ภาพของเสี่ยวเถียนถูกทับด้วยภาพพ่อค้าชาวเยอรมัน

ยากเกินจะรับมือ!

“คุณเป็นผู้อำนวยการของโรงงานสินะคะ วันนี้มาขอให้หนูเป็นล่ามใช่หรือเปล่า?”

เสี่ยวเถียนสรุปสิ่งผู้อำนวยการผู้ร่ายอย่างยืดยาวออกมา

ไม่รู้ว่าเขาเป็นได้ยังไง แค่ประโยคเดียวก็พูดตั้งสิบนาที พูดจนปากแห้ง!

ชายวัยกลางคนพยักหน้า แต่หลังจากนั้นก็หันไปมองฉือเก๋อ กลิ่นชาก็ไม่ได้หอมเท่าไรนะ ทำไมฉือเก๋อดูพึงพอใจนัก? หรือเขามองพลาดไป ใบชาของหออีหมิงจะต่างชนิดกันก็ได้?

“แต่หนูไม่ได้มีความตั้งใจจะตอบตกลงช่วยเหลือคุณนะ!” เสี่ยวเถียนเอ่ยเสียงเรียบ

ผู้อำนวยการอยากร้องไห้อีกครั้ง

“แต่ใครใช้ให้หนูรักชาติและเป็นพลเมืองที่ดีล่ะ? งั้นหนูคงต้องตอบตกลงเสียแล้ว แต่มันก็เพื่อรับใช้ชาติเท่านั้นนะ!”

เหอะ ๆ สมกับเป็นศิษย์กับครูจริง ๆ พูดจาเหมือนกันทุกประการ

เสี่ยวเถียนพูดต่อ ไม่สนใจฉืออวี้เลี่ยง

“แล้วคุณต้องการให้หนูเป็นล่ามกี่วันคะ? แปลหน้างานแล้วมีแปลเอกสารด้วยไหม?”

เธอไม่อยากเสียเวลา แล้วเอ่ยถามเข้าประเด็นทันที

อีกฝ่ายได้ยิน ใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา

เขาไม่เชื่อซูเสี่ยวเถียนนะ แต่เชื่อคุณฉือ และเชื่อว่าหากเสี่ยวเถียนสร้างปัญหาอีกฝ่ายจะช่วยกอบกู้สถานการณ์แน่นอน ปัญหาความร่วมมือในการเป็นล่ามคราวนี้ถือว่าเรียบร้อยแล้ว!

“เธอต้องแปลหน้างานเป็นเวลาสามวัน แล้วก็มีเอกสารสัญญาที่ต้องแปลด้วย”

หลี่ว์หรูหยารู้กำหนดการเดินทางของพ่อค้าดี เมื่อไ้ดยินเสี่ยวเถียนถามจึงรีบตอบให้

“แปลหน้างานเป็นเวลาสามวัน ชั่วโมงละหนึ่งร้อยหยวน ราคาคงไม่สูงไปนะคะ แล้วก็เอกสารสัญญา ถ้าไม่ถึงสิบหน้า หนูให้ราคาแบบเป็นมิตรเลย ห้าร้อยหยวนค่ะ ไม่แพงเหมือนกันนะ?” เสี่ยวเถียนยิ้ม เธอพูดด้วยความโลภ

ส่วนผู้อำนวยการไม่คิดว่าเสี่ยวเถียนจะพูดเรื่องธุรกิจกันตรง ๆ

ชั่วโมงละหนึ่งร้อยหยวน นี่เรียกไม่เยอะหรือ?

มันต้องเรียกว่าราคาสูงอยู่แล้ว!

ขนาดเขาเป็นหัวหน้า แถมยังทำงานมาครึ่งค่อนชีวิต เงินเดือนแต่ละเดือนมากสุดเพียงร้อยกว่าหยวนเท่านั้น

แล้วเด็กคนนี้ขอชั่วโมงละร้อย คงไม่ได้พูดจาส่งเดชหรอกนะ?

หลี่ว์หรูหยาก็ตกใจที่เธอกล้าพูดออกมา

แต่คิดดูอีกทีก็ไม่แปลก ทำไมต้องทำงานให้ฟรี ๆ ด้วย?

ความรู้มีราคานะ ขอแค่มีคนรับงานนี้ไว้ ชั่วโมงละร้อยก็ต้องเอา

“สหายตัวน้อย เรายอมรับราคาที่เธอตกลงได้ แต่ต้องแสดงให้เห็นด้วยนะว่าเธอมีความสามารถสมกับราคาน่ะ!”

ผู้อำนวยการโรงงานเริ่มต่อรองราคาตามหลักการเวลาพูดคุยธุรกิจ

“ลูกศิษย์ของฉันย่อมมีความสามารถสมกับราคตาอยู่แล้ว และถ้าเธอทำไม่ได้ตามต้องการ ตาแก่คนนี้จะทำมันเอง!” ฉือเก๋อเอ่ยปากปกป้อง

ฮั่วซือเหนียนมองชายชรา และเบนสายตาไปยังเด็กสาวอีกหลายครั้ง ไม่คิดเลยว่าลุงฉือจะชอบเธอจริง ๆ

แต่ทำไมถึงเรียกว่าปู่แทนที่จะเป็นอาจารย์ล่ะ?

ส่วนผู้อำนวยการที่ได้ยินคำตอบจากฉือเก๋อก็ไม่กล้าสงสัยต่อไป อาจารย์ของทุกคนเป็นคนเอ่ยปากแล้วนะ!

ถ้าเสี่ยวเถียนทำไม่ได้ คุณฉือจะทำให้แทน!

“ในเมื่อคุณฉือใช้ตัวเองเป็นประกัน เราก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วครับ” ฉืออวี้เลี่ยงยิ้มขอโทษอีกฝ่าย

“ผู้อำนวยการ คราวนี้คุณวางใจได้หรือยังครับ?” ฮั่วซือเหนียนกล่าว

“วางใจแล้วล่ะ รองผู้อำนวยการหลี่ว์ ฉันฝากเรื่องนี้ไว้กับคุณด้วยนะ” ฉืออวี้เลี่ยงยิ้มประจบ

ในขณะที่ทุกคนคิดว่าทุกอย่างกำลังไปได้สวย จู่ ๆ ฉือเก๋อกลับเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

“เดี๋ยวก่อน!”

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท