บทที่ 485 ขุดตีนกำแพง
บทที่ 485 ขุดตีนกำแพง
ออกัสเป็นทายาทที่เลี้ยงดูมาในตระกูลตั้งแต่ยังเด็ก เลยทำให้เขามีความเฉียบแหลมทางธุรกิจและเฉลียวฉลาดต่างจากคนทั่วไป
ตอนอายุได้ห้าหกขวบ ออกัสได้แสดงความสามารถที่ไม่ธรรมดาออกมา ประกอบกับประสบการณ์อันยาวนานกว่ายี่สิบปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่แหละคือผู้ที่มีความสามารถ
ตอนอายุสามสิบปี เขาได้รับสิทธิ์ในการดูแลตระกูลอย่างเต็มที่ และได้สร้างธุรกิจขึ้นในเวลาอันสั้น
มันคือความภาคภูมิใจของออกัส
แต่เขาก็เริ่มสงสัยแล้วว่า ตนมีความสามารถจริง ๆ หรือเปล่า หรือเพราะบางคนเอาแต่พูดยกยอปอปั้นเอาอกเอาใจเท่านั้น ถ้าเขาเก่งจริง แล้วเด็กหญิงตรงหน้าที่เจรจาธุรกิจเก่งกว่าเขาเรียกว่าอะไรล่ะ?
สัตว์ประหลาดหรือ?
จู่ ๆ ออกัสก็ใจเต้นกับพรสวรรค์ของเธอ!
เขาอยากพาเสี่ยวเถียนกลับไป และฝึกให้เป็นมือขวาของตัวเอง เมล็ดพันธุ์ชั้นดีแบบนี้จะปล่อยให้เติบโตอย่างเปล่าประโยชน์ไม่ได้
ฉืออวี้เลี่ยงและหลี่ว์หรูหยาก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างของเสี่ยวเถียนในวันนี้และเมื่อวานได้ ถึงเมื่อวานจะแสดงความสามารถไปแล้ว แต่สิ่งที่เธอทำให้วันนี้กลับน่าประหลาดใจยิ่งกว่า
ทั้งสองมองหน้ากันโดยไม่ได้ตั้งใจ
พวกเรายังประเมินความสามารถของเธอต่ำไป
คงเพราะความสามารถเหล่านั้น เลยทำให้การเจรจาในวันนี้ราบรื่น
ตอนเที่ยง พวกเรากินข้าวกันอย่างเป็นกันเอง
แม้ออกัสจะแสดงความไม่ชอบใจออกมาอยู่ตลอด ทว่าบรรยากาศระหว่างกินข้าวก็ยังดีอยู่
ตกบ่าย การเจรจาของทั้งสองฝ่ายได้บรรลุทางมติโดยพื้นฐานแล้ว ดังนั้นฉืออวี้เลี่ยงถอนจึงหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นี่เป็นช่วงเวลาที่ราบรื่นที่สุดสำหรับการเจรจาธุรกิจกับชาวเยอรมันของพวกเขาเลย แถมยังได้ประโยชน์สูงสุดด้วย และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะซูเสี่ยวเถียน
การเจรจาที่มีกำหนดการว่าจะใช้เวลาหนึ่งวันได้เสร็จสิ้นตอนสามทุ่ม
ออกัสมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่งราวกับทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของอีกฝ่าย แต่มีแค่เขาเท่านั้นที่ตั้งแต่เจรจาเรื่องธุรกิจมา ครั้งนี้มีความก้าวหน้ามากที่สุด
โดยเฉพาะเวลาที่ต้องคุยกับชาวจีน มันเป็นอีกก้าวที่สำคัญมาก ก่อนหน้านี้เวลาคุยกับคนชาตินี้ทีไรพวกเขาจะคอยหลีกทางให้ทุกที แต่ครั้งนี้กลับกลายเป็นเขาที่ต้องขอยอมแพ้
“คุณซู คุณเป็นล่ามที่เก่งมากเลยนะ!”
ออกัสเป็นฝ่ายยื่นมือออกไป แต่แทนที่จะจับมือผู้อำนวยการทั้งสอง กลับยื่นมือไปจับเสี่ยวเถียนแทน ทำให้เด็กหญิงตกใจกับการกระทำของเขา
หมายความว่ายังไงกัน?
เธอเป็นคู่ต่อสู้ของเขานะ เพราะมีเธออยู่เลยทำให้ออกัสสูญเสียรายได้ไปมหาศาล แล้วทำไมถึงยังสุภาพต่อกันล่ะ?
“คุณออกัส คุณเป็นนักธุรกิจที่เก่งจริง ๆ ค่ะ ฉันขอชื่นชมเลย!”
ในเมื่อเขาเริ่มแล้ว เสี่ยวเถียนย่อมแสดงความขอบคุณโดยไม่ถือตัว
ตอนนี้เธอยอมรับแล้วว่าพวกเราเท่าเทียมกัน และไม่มีความคิดที่ว่าคนต่างชาติจะเหนือกว่าเรา
สีหน้าของฉืออวี้เลี่ยงดูไม่ค่อยดีเท่าไร ในเมื่อข้อตกลงทางธุรกิจได้ข้อสรุปแล้ว ผู้เจรจาหลักของทั้งสองฝ่ายควรจับมือกันไม่ใช่หรือ?
แล้วออกัสจับมือเสี่ยวเถียนก่อนทำไม?
แต่ความคิดดังกล่าวพลันหายไปในชั่วพริบตา
เขารู้อยู่แก่ใจว่า แม้ตนจะเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการเจรจาครั้งนี้ แต่ดูเสี่ยวเถียนจะมีบทบาทชี้ชะตา
เธอไม่ได้แค่พูดภาษาเยอรมันคล่องเท่านั้น แต่ยังเจรจาเก่งด้วย ถ้าไม่ได้เธอ พวกเราคงเสียรายได้ไปอย่างน้อยห้าหมื่นหยวน
ห้าหมื่นหยวนไม่ใช่เงินเล็กน้อยสำหรับเราเลยนะ โดยเฉพาะเงินที่เป็นอัตราต่างประเทศ มันจึงยิ่งสำคัญมาก
เขายิ้มและเอ่ยกับเสี่ยวเถียน “คุณซู สนใจไปต่างประเทศไหม ไปอยู่ที่ต่างประเทศกับฉันน่ะ?”
เด็กสาวประหลาดใจ “ทำไมหรือคะ?”
“ฉันชื่นชมในความสามารถของคุณมากเลยนะ!”
เด็กสาวยังคงประหลาดใจ
เพราะการเจรจาในครั้งนี้ ออกัสเป็นฝ่ายยื่นกิ่งมะกอก*[1] ให้เธอ
ไม่น่าเชื่อเลย! คงจะโกหกถ้าบอกว่าไม่สนใจ จู่ ๆ ก็เกิดความคิดไขว้เขว อีกไม่กี่ปีข้างหน้าหรืออีกหลาย ๆ ปีข้างหน้าจะมีการไปต่างประเทศเพื่อศึกษา รวมถึงอพยพไปอาศัยอยู่เป็นเวลานาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความปรารถนาของคนประเทศจีน และโอกาสที่ว่าก็ปรากฏตรงหน้าเสี่ยวเถียนแล้ว จึงทำให้เธอเกิดความลังเล
แล้วลังเลทำไมล่ะ?
เพราะยังไงก็ทนไม่ได้อยู่ดี!
เด็กหญิงส่ายหัว ทำให้ออกัสประหลาดใจกับคำตอบนั้นมาก เขาเห็นประกายความสุขในแววตาของเธอ ทำไมถึงส่ายหัวปฏิเสธเอาเสียล่ะ?
มันไม่ควรเป็นเช่นนี้สิ เทียบกับประเทศของเราแล้ว ประเทศจีนยังล้าหลังอยู่มาก ถ้าเด็กสาวมากความสามารถอย่างเสี่ยวเถียนมาอยู่ประเทศเรา เขาจะฝึกฝนเธออย่างจริงจังแน่นอน
“คุณออกัส แม้ว่าประเทศของฉันจะล้าหลัง แต่ฉันก็มั่นใจว่าสักวันหนึ่งความพยายามของเราจะทำให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองและเปล่งประกายได้ค่ะ!”
“คุณซู ถ้าคุณไปประเทศของฉัน คุณสามารถเรียนรู้ได้ยิ่งกว่านี้อีกนะ ถึงในอนาคตคุณจะกลับมา ฉันก็ไม่ขัดขวางแน่นอน!”
เหตุผลที่ออกัสพูดเช่นนี้ เพราะเขามั่นใจอย่างยิ่งว่าตราบเท่าที่เธอกลับไปเยอรมันด้วยกัน เขาจะมอบเงื่อนไขที่ใจกว้างให้แน่นอน พอถึงตอนนั้นเธอจะเป็นเด็กสาวที่มีไว้ให้เขาใช้เท่านั้น
เสี่ยวเถียนยิ้มกับข้อเสนออันเย้ายวน ความรู้ขั้นกว่างั้นหรือ?
มีที่ไหนในโลกที่มีความรู้ที่ก้าวหน้ากว่าระบบห้องสมุดแล้วหรือ? ไม่น่ามั้ง? ของพวกนั้นเสี่ยวเถียนเชื่อว่าระบบห้องสมุดจัดการได้
แต่ถ้าเธอเลือกไปเยอรมันจริง ๆ ชีวิตนี้เธอจะมีโอกาสได้กลับมาอีกไหม?
เธอไม่เชื่อหรอกว่า ออกัสผู้เป็นนักธุรกิจจะยอมเสียรายได้เพียงเพราะชื่นชมคนคนเดียว
ถ้าเธอไปจริง ๆ อาจจะต้องสังเวยชีวิตให้กับออกัสและครอบครัวเขาไปตลอดชีวิต
“คุณออกัส มีคำพูดหนึ่งในประเทศจีนกล่าวไว้ว่า ผู้เป็นลูกไม่ควรรังเกียจพ่อแม่ เพราะพวกเขาเป็นผู้มีพระคุณ*[2]”
“มีความหมายว่าอะไรหรือ?”
“ตอนนี้ประเทศจีนอาจจะยากจน แต่สักวันหนึ่งมันจะกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ทั้งดำรงอยู่บนความชื่นชมจากคนทั่วทุกมุมโลกค่ะ”
ตอนเธอกล่าว ภาพลักษณ์เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ต่างจากคนจีนที่เคยเห็นมาก่อน
เหมือนกับว่าวันนั้นได้มาปรากฏอยู่ต่อหน้าเสี่ยวเถียนแล้ว
และมันก็เป็นคำพูดที่ออกัสไม่ได้นึกถึงมาก่อนเลย
คนคนหนึ่งจะสละอนาคตตัวเองเพื่อประเทศหรือ?
ได้ยินว่าคนในชาติตะวันออกจะมีอุดมคติและความเชื่ออยู่ แต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร
และวันนี้เขาได้เห็นแล้ว
แต่จะรู้ได้ยังไงล่ะว่าเสี่ยวเถียนมองเห็นวันที่ประเทศจีนกลายเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรืองและแข็งแกร่งจริง ๆ
เพราะงั้น เวลาที่ตอบจึงเต็มไปด้วยความมั่นใจ
เขามองเธอด้วยสายตาอย่างมีนัย แต่ก็ไม่ได้บังคับ
ไม่ว่าเมื่อไร คนที่รักชาติอย่างสุดหัวใจควรได้รับความเคารพ
“คุณฉือ คุณเจอล่ามที่ดีเลยนะ! งั้นพรุ่งนี้เราจะเซ็นสัญญากันครับ!” ออกัสเอ่ยกับฉืออวี้เลี่ยง
*[1] สัญลักษณ์ของสันติภาพ
*[2] คนเราไม่ควรลืมรากเหง้าของตัวเอง