บทที่ 529 จุดธูปไหว้ราชามังกร
บทที่ 529 จุดธูปไหว้ราชามังกร
ก่อนหน้านี้ยังคงกังวลเรื่องนี้อยู่เลย เพราะครอบครัวหม่านซิ่วอยู่ทางใต้ ซึ่งอยู่ไกลและอาจกลับมาไม่ได้ แต่หลังจากนั้นก็ได้ยินข่าวดีว่าพวกเขาจะกลับมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน
แม้ว่าจะอยู่ที่อำเภอ แต่ก็ดีอยู่ทางใต้ที่ห่างออกไปไกลเกินกว่าจะเห็นได้
รอยยิ้มบนใบหน้าของคนทั้งบ้านสดใสกว่าเก่า โดยเฉพาะคุณย่าซูที่คลี่ยิ้มกว้างราวกับผลิบานเป็นดอกไม้
“ใช่ค่ะ วันนี้ฉันเพิ่งไปทำความสะอาดและจุดเตาที่บ้านหม่านซิ่วมา พอพวกเขามาถึงจะได้ไม่ต้องเผชิญกับความหวาน”
“พวกเราอยู่ที่อื่นกันทั้งนั้น แต่ก็ได้สะใภ้ทั้งสองช่วยเอาไว้!”คุณย่าซูเอ่ยด้วยความซาบซึ้ง “ไว้กลับไปจะซื้อกำไลเงินให้ใส่คนละวงนะ”
ได้ยินเช่นนั้นพวกเธอก็รีบร้อนปฏิเสธ
มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย?
“แม่ พวกเราไม่อยากได้หรอกค่ะ อีกอย่างของพวกนั้นก็สะดุดตามากด้วย”
“ใช่ค่ะ ถ้าใส่ออกไปแล้วโดนคนอื่นจับจ้องจะลำบากเอาได้ค่ะ”
“พวกเธอคงไม่รู้ว่าในเมืองหลวงตอนนี้มีคนใส่กำไลเงินกำไลทองกันเยอะแยะเลย ฉันว่าปีหน้าที่ที่เราอยู่ก็น่าจะมีแล้วแหละ”
ตระกูลซูยากจนมาตลอด ผู้หญิงในตระกูลที่ผ่านมาไม่ค่อยมีใครได้ใส่เครื่องประดับกันเลย
แต่ตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว หลังจากประเมินรายได้ของตัวเองคุณย่าซูคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีในการซื้อเครื่องประดับให้เหล่าลูกสะใภ้
“รออีกหน่อยเดี๋ยวหนูซื้อให้แม่ใหญ่ แม่รอง แล้วก็แม่จ๋าของหนูได้ใส่กำไลทองวงใหญ่ ๆ เลยค่ะ ดูดีมากแน่นอน!” เสี่ยวเถียนหยอกให้พวกผู้ใหญ่มีความสุข
แน่นอนว่าทันทีที่ทุกคนได้ยินก็หัวเราะครื้นเฮฮา บรรยากาศเป็นไปอย่างรื่นเริง ผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้ยินก็รู้สึกว่าชีวิตของคนตระกูลซูนี่ดีจริง ๆ
“คุณย่า วันที่สองนี้ (วันขึ้น 2 ค่ำเดือนอ้าย) เราเข้าตัวอำเภอกันค่ะ!”เสี่ยวเถียนห่มผ้านวมแล้วพูด
“ได้สิ ไปวันที่สองแล้วอยู่สักสองสามวันแล้วกัน” คุณย่าซูตกลงโดยไม่ลังเล
เธอเองก็คิดถึงลูกสาว อยากไปหาลูกกับหลานชายด้วย
หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มพูดคุยเรื่องที่ผู้อำนวยการหลี่โดนย้ายออกไป แต่เพราะมันเป็นเรื่องซุบซิบนินทา หัวข้อเลยโดดไปโดดมา
เสี่ยวเถียนมองฉีเหลียงอิง จากที่วิเคราะห์คำพูดของเธอ โรงงานขนมไข่แห่งนั้นน่าจะไปไม่รอดแล้ว และคิดว่าแม่รองควรถอนตัวโดยเร็ว
แต่เธอพูดสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เพราะเธอเป็นเด็ก เป็นเรื่องที่ต้องให้ผู้ใหญ่พูดเท่านั้น
เพราะงั้นเด็กสาวจึงตัดสินใจคุยเรื่องนี้กับคุณย่าตอนกลางคืนแทน
หลังอาหารเย็น ทุก ๆ คนในบ้านนั่งล้อมวงพูดคุยกัน มีก็แต่คุณปู่ซูที่พาลูกชายและหลานชายออกไปปั๊มกระดาษเงินกระดาษทอง
“หลายปีที่ผ่านมาฉันได้แต่แอบทำมาตลอดเลย ไม่รู้ว่าพวกบรรพบุรุษที่อยู่ข้างล่างจะใช้ชีวิตยากลำบากหรือเปล่า” คุณปู่ซูพึมพำขณะเตรียมกระดาษเงินกระดาษทอง
“ปีนี้ครอบครัวเรามีชีวิตที่ดีขึ้นเยอะครับ ผมก็คิดเหมือนกันว่าอยากเผากระดาษไปให้พวกเขาอีกสักหน่อย เผื่อชีวิตข้างล่างจะได้ดีขึ้นด้วย!”
“ที่แกพูดมันก็ถูก บ้านเราตอนนี้ดีขึ้นจริง ๆ แต่เราจะไม่เผาให้แค่บรรพบุรุษเท่านั้นนะ ต้องจุดธูปและถวายเครื่องไหว้ให้ราชามังกรด้วย”
สิ้นเสียง ทุกคนในบ้านได้แต่นั่งตะลึง เราคุยเรื่องไปเยี่ยมหลุมศพบรรพบุรุษไม่ใช่หรือ กลายเป็นเรื่องจุดธูปไหว้ราชามังกรเสียได้? แม้แต่เสี่ยวเถียนก็ลืมคำโกหกของตัวเองไปชั่วขณะ
“หลายปีที่ผ่านมาหากไม่ได้รับการดูแลของราชามังกร ก็ไม่มีวันนี้หรอกนะ”
คุณย่าซูเหลือบมองคนในบ้านด้วยอย่างหมดหนทาง ได้แต่คิดว่าคนพวกนี้โง่เหลือเกิน!
จากนั้นพวกเขาก็จำได้
ก็จริง ตอนแรกเราได้ราชามังกรดูแลไว้ เสี่ยวเถียนลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนจึงกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง ทั้งยังนำความโชคดีมาให้ที่บ้านอีกด้วย
สถานการณ์ตึงเครียดในช่วงเวลาที่ผ่านมา การบูชาบางสิ่งบางอย่างเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ พวกเราเลยไม่กล้าจุดธูปให้ราชามังกร
แต่ปีนี้สถานการณ์ไม่ตึงเครียดแล้ว ทว่าเราก็ต้องจดจำเรื่องนี้เอาไว้ด้วย
“ได้ครับแม่ ผมจะจำไว้!” เหล่าต้ารีบตอบรับ
จากนั้นก็หันกลับมาเตือนเหล่าซาน แล้วบอกว่าต้องเกือบเรื่องนี้ไว้ในใจ เสี่ยวเถียนไม่อยากให้ทุกคนคุยเรื่องนี้ต่อ จึงหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ซื้อมาให้ผู้ใหญ่ออกจากกระเป๋า ทันทีที่ชุดถูกหยิบออกทีละชุด ผู้ใหญ่ก็หัวเราะร่า
เด็กคนนี้ซื้อเสื้อผ้าให้พวกเขาจริง ๆ และเสื้อผ้าตัวใหม่ที่เสี่ยวเถียนมอบให้ก็ชอบจนวางไม่ลง
แต่ในใจก็นึกบ่นว่าไอ้เด็กดื้อที่บ้านมันไม่ใส่ใจเหมือนเด็กผู้ใหญ่เลย ไปอยู่นู่นตั้งนานพอได้กลับมาไม่คิดจะเอาอะไรมาฝากพ่อแม่บ้างหรือ
แต่ความคิดเหล่านั้นได้พลันหายไป ถึงยังไงก็ไม่ได้เจอหน้าพวกเขามาตั้งนานแล้ว จะเป็นห่วงก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล!
“เสี่ยวเถียนรู้ใจจัง!” ฉีเหลียงอิงเอ่ยชม
ถึงจะไม่มีลูกสาวแต่เธอยังมีหลานสาวอยู่ เลยคิดว่าไม่เลวดีเหมือนกัน
เจ้าพวกซื่อเลี่ยงในหัวไม่ได้คิดอะไรบ้างเลยหรือไง?
ไม่คิดจะซื้อของขวัญให้คนที่บ้านบ้างเลย!
ตอนนี้พวกเด็ก ๆ ไม่ได้เก็บเงินเพื่อซื้อเครื่องประดับให้เสี่ยวเถียนเท่านั้น แต่ยังเก็บไว้เผื่อซื้อบ้านด้วย แต่ละคนต่างก็แบ่งเงินไว้เก็บส่วนหนึ่งและไว้ใช้ส่วนหนึ่งกันทั้งนั้น
คุณย่าพูดถูก ในอนาคตผู้ชายต้องมีบ้านเป็นของตัวเอง เราจะอยู่บ้านน้องสาวกันหมดไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?
หวังเซียงฮวาและฉีเหลียงอิงไม่รู้สิ่งที่พวกลูกชายคิด เพราะในตอนนี้พวกเธอทั้งสองกำลังถือเสื้อผ้าอย่างมีความสุข ไม่ยอมปล่อยเลย ยิ่งดูก็ยิ่งชอบ
เสื้อผ้าพวกนี้มาจากเมืองหลวง แน่นอนว่าเวลาใส่จะดูดีเป็นอย่างมาก
คนที่ตัวทำเวอร์วังอลังการที่สุดคือเหล่าต้า ชายที่กำลังปั๊มกระดาษเงินกระดาษทองอยู่ถึงกับปล่อยงานในมือลงทันที
เขาไม่ได้นึกถึงใบหน้าเย็นชาของพ่อตัวเองด้วยซ้ำ เอาแต่นั่งกอดเสื้อผ้าอยู่ข้าง ๆ อย่างมีความสุข จับมันพลิกไปพลิกมาไม่เลิก แถมยังบอกซ้ำ ๆ อีกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เสื้อผ้าจากความกตัญญูของลูกหลาน
คุณย่าซูได้แต่คิดว่าหลานชายคนนี้ช่างไร้ค่าจริง ๆ เธอรังเกียจเกินกว่าจะมองเขาต่อ
แกเลยเมินแล้วมาหาสะใภ้แทน ก่อนจะเอาของที่เอากลับมาจากเมืองหลวงแบ่งให้พวกเธอ
“รอบนี้เราเอาของมาเยอะเลย ถึงจะแบ่งได้ไม่เยอะเท่าไรแต่ก็ยังมีความหมายนะ”
คุณย่าซูแบ่งขนมอบและผลไม้ตากแห้งที่นำกลับมาออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แกตั้งใจจะส่งให้กับครอบครัวที่เราสนิทกัน โดยอิงจากความสัมพันธ์ที่สนิทชิดเชื้อ หลังจากหญิงชราจัดการเสร็จก็ให้หลานชายเอาไปส่ง
พวกเขาอาศัยจังหวะที่ฟ้ามืดเพื่อส่งของขวัญ มันไม่ได้มีมากมายอะไร หากแต่มันเต็มไปด้วยความหมายมากมายและทุกคนที่ก็รู้สึกขอบคุณมาก
บางครอบครัวก็ส่งของขวัญตอบกลับมาเช่นนั้น
นี่แหละคือมนุษยสัมพันธ์ นึกถึงเขานึกถึงเรา ความสัมพันธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง
คุณย่าซูอาศัยอยู่ในกองชุมชนหงซินมาทั้งชีวิต ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับทุกอย่างเป็นอย่างดี พอเสร็จงานก็ถึงเวลานอน
คนอื่น ๆ ที่เดินทางต่างเหนื่อยล้า แยกย้ายเข้าห้องใครห้องมัน
ขณะที่นอนอยู่บนเตียงเตา หญิงชรากลับพลิกตัวไปมา นอนไม่หลับสักนิด จนคุณปูซูทนไม่ไหวเอ่ยถามว่า
“เป็นอะไรไป? ไม่ใช่ว่าชินกับชีวิตในเมืองหรอกนะ? เลยนอนบนเตียงเตาไม่หลับน่ะ?”
เขาพูดติดตลก
แต่อีกฝ่ายกลับถอนหายใจ “พ่อคุณ ฉันคิดถึงหม่านเซียง”