บทที่ 541 มื้อแรกของปีใหม่
บทที่ 541 มื้อแรกของปีใหม่
บรรยากาศวันแรกของปีสำหรับบ้านซูครึกครื้นชีวิตชีวากัน มันบ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเราได้เลย หลังจากที่ทุกคนสรุปรายได้ในปีแล้วก็ถึงเวลาที่คุณปู่คุณย่าซูจะแสดงตอนจบอย่างยิ่งใหญ่ให้ชม
“ยายเฒ่า เธอพูดสิ?” คุณปู่ซู
“แกพูดเองเถอะ เป็นคนจัดการเรื่องเงินไม่ใช่หรือไง?”
คุณย่าซูแกะเมล็ดแตงโมแล้วใส่ลงในถ้วยเล็กข้าง ๆ จากนั้นก็ได้ยินคุณปู่ซูกระแอมในลำคอ ก่อนจะเริ่มสรุปรายการ
ลูกชายทั้งสามที่เดิมคิดว่ารายได้พ่อแม่คงไม่สูงเท่าไรนัก แต่พอได้ยินก็ต้องตะลึงงัน
อะไรนะ?
ฟังผิดหรือเปล่าเนี่ย? พ่อแม่หาเงินได้เยอะขนาดนี้เลยหรือ?
“พ่อ แม่หาได้ขนาดนี้จริงหรือครับ?” เหล่าเอ้อร์คร่ำครวญ
คุณย่าซูจ้องมองลูกชายที่โง่เขลา “ทำไม หลอกแกแล้วแกจะให้เงินฉันหรือไง?”
“…” เหล่าเอ้อร์
สามพี่น้องมองหน้ากัน พวกเราดีกว่าหลานชายคนเล็กนิดเดียวจริง ๆ! พวกเขาได้แต่อึ้งกิมกี่ เด็ก ๆ ว่าสุดยอดแล้วนะ พ่อแม่เรายิ่งกว่านั้นอีกหรือ?
ถึงว่าทำไมเน้นกันจัง เห็นชัด ๆ ว่าเราไร้ความสามารถขนาดไหน ก่อนจะกลับไป คุณปู่คุณย่าซูได้จดบันทึกรายได้ที่มีในช่วงก่อนหน้านั้นด้วย
ครึ่งปีแรกที่อยู่ในอำเภอ เราทำเงินได้ไม่น้อยก็จริงแต่พอมาถึงเมืองหลวงก็เอาเงินพวกนั้นมาใช้เปิดร้านอาหารหออีหมิงแล้ว และตอนนี้เราเริ่มนับใหม่ตั้งแต่เปิดร้านเลย
ด้วยระยะเวลาไม่กี่เดือน รายได้ที่มีมากกว่าหนึ่งหมื่นแปดพันหยวน ถ้าเป็นเมื่อครึ่งปีก่อนคงไม่กล้าฝันถึงสิ่งนี้
“พ่อครับ แม่ครับ พวกท่านก็ไม่รอกันบ้างเลย เราเป็นลูกแท้ ๆ ไม่มีหน้าให้เหลือแล้วนะ!” เหล่าเอ้อร์บ่น
“ทำไม ก็พวกแกมันไม่ได้เรื่องจริง ๆ แล้วไม่ยินดีจะขยันให้มากกว่าพวกเราสักหน่อยเรอะ?” คุณย่าซูถลึงตาด่า
เหล่าเอ้อร์โดนไปอีกดอก เขาไม่อยากพูดแล้ว
วันนี้น่าไม่รอดด้วยซ้ำ!
เอาเถอะ พ่อแม่ก็ขยัน เด็ก ๆ เองก็เก่ง ชีวิตคนธรรมดาแบบเราถึงจุดพลิกผันแล้ว!
เสี่ยวเถียนเห็นพ่ออารมณ์ไม่ค่อยดีเลยจึงแล้วเข้าไปปลอบ “พ่อใหญ่ พ่อรอง พวกท่านทำงานหนักแล้วค่ะ อีกสักระยะก็ถึงคราวที่พ่อจะรวยแล้วนะ”
ในเมืองเริ่มทำธุรกิจกันบ้างแล้วแค่ชนบทเราช้ากว่าหน่อย แต่เสี่ยวเถียนจำได้ว่านโยบายเหมารวมสมบัติภายในครัวเรือนกำลังจะมาในไม่ช้า ถึงจะเข้าถึงที่นี่ช้าไปหน่อย แต่ก็ไม่เกินปีสองปีหรอก
ตอนนั้นพวกพ่อใหญ่ที่ได้ครอบครองพวกฟาร์มหมูฟาร์มไก่ ถึงเวลานั้นจะทำเงินได้แน่นอน แต่ไม่รู้ว่าการแข่งขันจะสูงหรือเปล่า ถ้ามีคนแย่งกันเยอะ เราคงต้องวางแผนกันใหม่
ได้ยินหลานสาวบอกแบบนั้น ใบหน้าของชายทั้งสองเต็มไปด้วยความสุข
“ดูเสี่ยวเถียนของเราพูดสิ พวกเราจะรอวันที่ร่ำรวยนะ!”
“ถ้าอยากรวยจะรออย่างเดียวไม่ได้ค่ะ ต้องขยันด้วย!” เด็กสาวส่ายหัวอย่างจริงจัง
จากนั้นเธอก็คิดต่อ ยังมีบางเรื่องที่ควรพูดกับหัวหน้าซูตั้งแต่เนิ่น ๆ หลายปีมานี้ขอแค่คนขยันขันแข็ง ชีวิตไม่มีทางย่ำแย่แน่นอน
คนในกองชุมชนต้องคว้าโอกาสเอาไว้จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด และต้องเป็นกลุ่มแรกที่รวยด้วย
ส่วนแหล่งข่าวพวกนี้เสี่ยวเถียนไม่กังวลเท่าไร
บ้านเราจะพูดอะไรก็ได้เพราะเป็นคนที่ใช้ชีวิตในเมืองหลวง การได้ยินข่าวคราวว่าไม่มีอะไรผิดแปลก!
หลังจากกินเกี๊ยวและสนทนากันอยู่นาน หญิงชราเกือบลืมไปเสียแล้ว
“ไปนอนเถอะ ดูเสี่ยวหย่วนสิ ตาลืมแทบไม่ขึ้น”
จริงด้วย เฉินซิ่วหย่วนต้วน้อยรายงานเรื่องเงินเสร็จก็ทนแทบไม่ไหว เขากำเงินอยู่ในมือ นอนกึ่งกลับกึ่งตื่นในอ้อมแขนผู้เป็นแม่
ค่ำคืนนี้ไม่มีอะไรมาก เช้าวันถัดมาตอนที่ท้องฟ้าสว่าง ตระกูลซูต่างก็ตื่นขึ้น
ตามกฎของท้องที่แล้ว เราจะกินบะหมี่เส้นยาวในเช้าแรกของวันปีใหม่
จะได้มีอายุยืนยาว และบะหมี่ยาวเองก็เป็นบะหมี่ทำมือชนิดหนึ่งที่เป็นอาหารท้องถิ่น การทำบะหมี่เส้นยาวถือเป็นว่าอาหารฟุ่มเฟือยในยุคนี้ เพราะต้องใช้ทั้งแป้งสาลี ไข่ เนื้อผัด และอีกมากมาย
บ้านไหนที่ฐานะทางบ้านดีหน่อยก็จะกินกันหลายมื้อ
ส่วนบ้านที่ฐานะไม่ค่อยดีก็จะกินแค่มื้อแรกของเช้าวันปีใหม่
เพราะเป็นเส้นที่ทำด้วยมือ เราจึงให้ความสำคัญกับความเหนียวนุ่ม ซึ่งต้องใช้ผู้ทำที่มีฝีมือระดับสูงเท่านั้น
เริ่มตั้งแต่การนวดเส้นบะหมี่ ผู้ทำจะต้องทำทุกขั้นตอนอย่างแม่นยำเพื่อให้ได้เส้นบะหมี่คุณภาพสูงอย่างแท้จริงออกมา
ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว สภาพแวดล้อมที่ทั้งร้อนและเย็นแบบนี้แหละที่จะส่งผลต่อรสชาติของเส้นบะหมี่
ในระยะสิบลี้แปดหมู่บ้าน คุณย่าซูเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำบะหมี่เส้นยาวอย่างไม่ต้องสงสัย
ต้องใส่น้ำเท่าไร ใส่เกลือเท่าไร คุณย่าซูไม่เคยพลาด
แรงที่ใช้ในการกดแป้ง ทั้งการนวดแป้งที่เชี่ยวชาญเป็นอย่างยิ่ง
เรียกได้ว่าปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล สรุปแล้วทุกครั้งที่แกทำคือออกมาได้สมบูรณ์แบบมาก
คุณย่าซูเอาแป้งสีขาวในกะละมังใบใหญ่ออกมาจากนั้นเทน้ำอุ่นลงไป แล้วเริ่มนวด
ในไม่ช้าแป้งก้อนใหญ่ที่มีความแข็งปานกลาง ผิวเรียบ ไม่เหนียวก็ปรากฏขึ้นในกะละมังใบนั้น
แกพักทิ้งไว้ แล้วเริ่มทำแป้งกะละมังที่สอง
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันจะกล้าเอาแป้งสาลีออกมาใช้เยอะขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย?
บ้านเรามีสมาชิกเยอะ แต่ละมื้อต้องใช้แป้งสาลีเป็นจำนวนมาก ช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์ที่บ้านไม่ดีเลยจึงทำได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น แค่ได้คนละถ้วยก็มีความหมายมากแล้ว
แต่สองปีมานี้ชีวิตเราดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“จริงค่ะแม่ ชีวิตเราในตอนนี้ในแต่ละวันเหมือนวันส่งท้ายปีเก่าเลย” เหลียงซิ่วพึงพอใจกับสถานการณ์ที่บ้านในตอนนี้มาก
คุณย่าซูทำแป้งบะหมี่สามกะละมังติดกันก่อนจะพัก
หลังจากนวด ๆ แป้งที่พักทิ้งไว้ขึ้นฟูแล้ว
“แม่คะ ให้พี่สามนวดแป้งเถอะค่ะ!” เหลียงซิ่วแนะนำ
“ได้จ้ะ เขาแรงดีกว่าเราเยอะ ให้เขามาทำมา” หญิงชราไม่แปลกใจหากจะให้ลูกชายคนแรกมาช่วย
การนวดบะหมี่เส้นยาวจะต้องใช้วิธีนวดสามครั้งพักทิ้งสามครั้ง ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปของการคลึงแป้ง
เวลาพักแป้งทิ้งไว้เราจะปรับตามสภาพฤดูกาลนั้น ๆ ผู้นวดแป้งจะต้องมีทักษะนอกจากแรงในการนวดด้วย
หลายปีมานี้ ลูกชายทั้งสามได้รับการฝึกฝนจากมารดาจนเชี่ยวชาญเสียแล้ว และคนที่เคยชินกับการทำงานหนัก ตอนนวดจะออกแรงได้ดีมาก
และเหล่าซานก็เป็นคนที่เก่งมาก ภายใต้คำแนะนำของแม่ เขาสามารถนวดได้อย่างรวดเร็วจนเสร็จเรียบร้อย
เมื่อมาถึงขั้นตอนการคลึงแป้ง มันเป็นงานที่ใช้ทักษะล้วน ๆ ซึ่งพวกลูกชายไม่สามารถทำได้
บางคนคลึงแล้วความหนาของเส้นไม่เสมอกัน เส้นบะหมี่ที่ทำแล้วไม่กลมหรือเหลี่ยมจะไม่มีความสวยงาม
บางคนถึงกับคลึงจนแป้งแตกด้วยซ้ำ
ซึ่งคุณย่าซูสามารถคลึงแป้งให้เป็นสี่เหลี่ยมได้ สะใภ้สามที่อยู่กับแม่สามีมาตลอด ตอนนี้ฝีมือการคลึงของเธอดีทีเดียว
เหลียงซิ่วและหม่านซิ่วคลึงบะหมี่ ส่วนคนเป็นแม่คอยรับผิดชอบเรื่องการตัดเส้น
เส้นบะหมี่ที่คุณย่าซูตัดจะมีความสม่ำเสมออย่างชัดเจน ความหนาจะบางกว่าก้านธูปเล็กน้อย
“แม่อยู่เมืองหลวงมาตั้งนาน ฝีมือไม่ตกเลยค่ะ”
หม่านซิ่วมองมารดาที่หยิบเส้นบะหมี่มาแล้วตัดออก
ในระยะสิบลี้ตลอดแปดหมู่บ้าน คุณย่าซูเก่งเรื่องคลึงแป้งและตัดเส้นมากที่สุด
ตอนแรกคิดว่าพอไปเมืองหลวงแม่คงไม่ได้ทำแล้ว ฝีมือน่าจะตก แต่ไม่คิดเลยว่าจะยังดีอยู่เหมือนเดิม
“มันฝั่งเข้าไปในกระดูกฉันแล้ว!” หญิงชรายิ้มแย้มอย่างมีความสุข
“แม่คะ ปีนี้บ้านเราทำบะหมี่เพิ่มสักหน่อยดีไหมคะ?” ฉีเหลียงอิงรู้สึกปริมาณมันไม่ค่อยเหมือนเดิมเท่าไร
“โอ๊ะ ดูฉันซิ ทำไมลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไปได้เล่า!” หญิงชราวางมีดก่อนจะตบต้นขา
“มีอะไรหรือคะ!?”