บทที่ 703 พวกเราไปกินเนื้อกัน
บทที่ 703 พวกเราไปกินเนื้อกัน
อิ่นหรูอวิ๋นขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อารมณ์ไม่ค่อยดีมันหมายความว่ายังไง? อารมณ์ไม่ดีคนอื่นก็เลยต้องยอมให้ใช่ไหม?
สามสาวที่เหลือมองหน้ากัน
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบสาวแกร่งเช่นนี้เลย แถมยังเป็นเด็กผู้หญิงอ่อนโยนด้วย จ้าวหงเหมยมองอยู่นาน จากนั้นก็ยกยิ้มกว้าง “เสี่ยวเถียน เธอตรงไปตรงมาจริง ๆ ฉันชอบเธอจัง!”
เสี่ยวเถียนประหลาดใจมากที่อีกฝ่ายเลือกจะเอ่ยสนับสนุนคำพูดตน
จากนั้นสายตาเหลือบไปเห็นสีหน้ามืดมนของอิ่นหรูอวิ๋นพอดี
เด็กหญิงยิ้ม
“สวัสดีค่ะ มาทำความรู้จักกันใหม่นะ ฉันชื่อซูเสี่ยวเถียน หลังจากนี้ไปจะพักอยู่ห้องนี้ค่ะ!” เสี่ยวเถียนยื่นมือไปทางจ้าวหงเหมยอย่างเป็นมิตร
สาวผมสั้นตกใจ แล้วยื่นมือไปจับมืออีกฝ่าย “สวัสดีจ้ะ ฉันชื่อจ้าวหงเหมย เป็นคนเมืองจิน! หลังจากนี้เราจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันแล้วนะ!”
จากนั้นก็มองไปคนข้าง ๆ
“สวัสดี ฉันชื่อต่งเยี่ยนอัน พวกเราไม่น่าแค่อยู่หอเดียวกัน แต่น่าจะเรียนด้วยกันใช่ไหม?” สาวหางม้าเอ่ย
เสี่ยวเถียนบอกไม่ได้ว่าชอบคนนี้หรือเปล่า แต่พออีกฝ่ายเอ่ยปากแล้วก็เลยตอบรับไป
“ได้ยินว่าหอเราจะเรียนด้วยกันหมดนะ”
สาวผมเปียมองอิ่นหรูอวิ๋นสลับกับซูเสี่ยวเถียน ไม่รู้ว่าจะเลือกใครดี
ไม่มีใครดีไปกว่านี้แล้ว ถ้าเลือกเสี่ยวเถียนเธอจะอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับอิ่นหรูอวิ๋น แต่ถ้าไม่อยากสนิทกับเสี่ยวเถียน ก็จะต้องอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเสี่ยวเถียนอีก สองคนนี้ไม่ใช่พวกรับมือง่ายด้วย ทำยังไงดีล่ะ?
ตนได้แต่ตำหนิเด็กหญิงในใจ
เสี่ยวเถียนทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็แค่เตียงไม่ใช่หรือไง? ถ้าอิ่นหรูอวิ๋นชอบก็ยกให้เขาไปสิ ทำไมต้องทะเลาะกันด้วย? ถ้าไม่สนใจแต่แรกเรื่องก็ไม่เยอะขนาดนี้หรือเปล่า?
เสี่ยวเถียนไม่รู้ว่าในใจอีกฝ่ายคิดไปถึงไหนต่อไป แต่บอกได้ว่าสาวผมเปียอยากอยู่กับอิ่นหรูอวิ๋น
เธอเองก็ไม่ได้ต้องการให้ทุกคนมาเป็นเพื่อนด้วยอยู่แล้ว จึงไม่ค้านอะไร ยังไงก็เพิ่งเจอกันไม่ต้องมายอมอะไรกันหรอก อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ไป เรื่องนี้เธอเข้าใจดี
“ซูเสี่ยวเถียน คนนี้ชื่อฉีเสี่ยวฟางนะ เพื่อนเรียนเหมือนกัน!”
ไม่รู้เข้าใจสิ่งที่สาวผมเปียคิดหรือเปล่า ถ้าไม่เข้าใจต่งเยี่ยนอันจะช่วยแนะนำตัวให้เอง แต่รู้สึกว่าอิ่นหรูอวิ๋นไม่น่าเป็นเพื่อนควรเป็นเพื่อนสนิท เพราะกลัวว่าฉีเสี่ยวฟางจะต้องทนทุกข์ทรมานจากการตามอิ่นหรูอวิ๋น
ถึงฉีเสี่ยวฟางจะไม่อยากพูดแต่ก็ทำได้แค่ตอบอย่างเขิน ๆ “สวัสดีซูเสี่ยวเถียน ฉันชื่อฉีเสี่ยวฟาง จากนี้ไปฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ”
ว่าจบก็เดินไปหาอิ่นหรูอวิ๋น
“หรูอวิ๋น อยากให้ช่วยอะไรไหม? ฉันแรงเยอะนะ!”
ต่งเยี่ยนอันรู้เลยว่าความพยายามของตนไร้ประโยชน์ ได้แต่มองอีกฝ่ายด้วยความผิดหวัง
ในบรรดารูมเมท อิ่นหรูอวิ๋นดูแคลนฉีเสี่ยวฟางมากที่สุด
ไม่มีเหตุผลอื่นใด เป็นเพราะอีกฝ่ายมาจากชนบท แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าตัวจะยืนอยู่ข้างเดียวกับตนในตอนนี้ และมันทำให้เธอทนไม่ได้ จึงได้แค่ฉีกยิ้มให้
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ เรากับอ้ายอวี้จัดการไวมาก เสี่ยวฟาง เดี๋ยวเราสองคนจะไปกินข้าวกัน เธออยากไปด้วยไหม?
ฉีเสี่ยวฟางเต็มใจไปอยู่แล้ว ได้ยินว่าจะไปกินหมูตุ๋นด้วยหนิ เธอยังไม่เคยกินสักครั้งเลย
แค่ดูเสื้อผ้าอิ่นหรูอวิ๋นก็รู้แล้วว่ามีเงิน นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมตนถึงร่วมฝ่ายนี้ เธอจะได้เปรียบด้วยไม่ใช่หรือ?
แต่อีกฝ่ายจะเต็มใจพาตนไปไหม?
เธอมีความมั่นใจต่ำ ต่อให้อยากตามไปด้วยก็กลัวว่าจะโดนปฏิเสธ
“พวกเธอยินดีพาฉันไหมด้วยไหม? ฉันกินเยอะนะ!” ฉีเสี่ยวฟางลังเล
เธอมาจากชนบทและเป็นคนที่กินเยอะมาก มากกว่าคนอื่นสองถึงสามเท่า ถ้าไปกินข้าวแล้วโดนคนเขารังเกียจขึ้นมา เธอก็อายเหมือนกันนะ
มุมปากอิ่นหรูอวิ๋นกระตุก ผู้หญิงคนนี้คิดจะไปด้วยจริง ๆ หรือ?
แถมถ้ารู้ว่าตัวเองกินเยอะแล้วไม่อายปากที่บอกหรือไง?
แต่ชวนเขาไปแล้ว อิ่นหรูอวิ๋นก็อายที่จะบอกว่าไม่ชอบเขาและไม่ชอบให้กินเยอะด้วย
“ไม่เป็นไร ฉันยังพอมีเงินอยู่บ้าง ไว้จัดที่นอนเสร็จแล้วเราไปกัน!”
อิ่นหรูอวิ๋นกลั้นความทุกข์เอาไว้ ก่อนเอ่ยกับจ้าวหงเหมยและต่งเยี่ยนอัน “พวกเธออยากไปด้วยกันไหม?”
สำหรับซูเสี่ยวเถียน เธอไม่คิดจะชวนไปอยู่แล้ว แต่อีกสองคนยังไม่ยอมแพ้
ไม่ว่าเด็กนั่นจะเก่งขนาดไหน ขอแค่รูมเมทเป็นพวกเดียวกับเรา ซูเสี่ยวเถียนนั่นก็ต้องอยู่ตัวคนเดียวอยู่ดี
ตอนนั้นล่ะ คนที่เสียเปรียบก็ต้องรั้งท้ายไป
แต่น่าเสียดายที่ ฐานะครอบครัวคนทั้งสองไม่ได้แย่ บวกกับมองนิสัยอิ่นหรูอวิ๋นออกแล้วว่าไม่ใช่คนดี ถ้าทำความรู้จักต่อกันก็ต้องโดนเธอใช้งานอะไรแน่ จึงส่ายหัวแล้วบอกว่าจะไปกินกันเอง
อ้ายอวี้หมายจะพูดสักอย่างแต่อิ่นหรูอวิ๋นหยุดไว้