เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน – ตอนที่ 285 แผนการรับมือ

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่​ 285 แผนการ​รับมือ​

เห็นได้ชัด​ว่า​ผู้​ที่มา​นั้น​ก็​คือ​หนาน​กง​เสวียน​จีและ​ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​ ที่​บำเพ็ญ​เพียร​อย่าง​อุตสาหะ​ตลอด​หลาย​ปี​มานี้​

เพียงแต่​รัศมี​ของ​ทั้งสอง​นั้น​ บัดนี้​กลับ​มีการเปลี่ยนแปลง​ไป​อย่าง​มาก​

ท่าทาง​สงบนิ่ง​ สายตา​อ่อนโยน​ รอบกาย​ไร้​ซึ่งไอ​พลัง​เต๋า​ใด​ ๆ ราวกับ​ผู้เฒ่า​ธรรมดา​ ๆ เท่านั้น​

ทว่า​ด้วยเหตุนี้​ คน​ทั้งคู่​จึงให้​ความรู้สึก​ดัง​เฉกเช่น​สูงสุด​คืน​สู่สามัญ

ทันใดนั้น​หลังจากที่​ทุก​คนใน​ตำหนัก​ไท่​เสวียน​เห็น​คน​ทั้งคู่​ปรากฏตัว​ขึ้น​ ดวงตา​พลัน​เปล่งประกาย​ ก่อน​จะทยอย​เดิน​เข้าไป​ต้อนรับ​ในทันที​

“คารวะ​ผู้อาวุโส​ซือ​ถู ผู้อาวุโส​หนาน​กง​”

เมื่อ​มาถึงตรงหน้า​ของ​คน​ทั้งคู่​แล้ว​ ทุกคน​ต่าง​ก็​โค้ง​คำนับ​ลง​ทันที​

“ทุกท่าน​ มิต้อง​มาก​พิธี​”

ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​โบกมือ​ไปมา​เล็กน้อย​ พร้อม​เอ่ย​ว่า​ “ส่วนลึก​ของ​แดน​รกร้าง​ทางเหนือ​ทำให้​ฟ้าดิน​เกิด​การเปลี่ยนแปลง​ ก่อนหน้านี้​ข้า​และ​พี่​หนาน​กง​เอง​ก็​รู้สึก​ได้​เช่นกัน​ เช่นนั้น​จึงได้​รีบ​มา”

เจ้าสำนัก​ต้า​หลัว​ หลัว​ชุน​เฟิง ประสาน​มือขึ้น​ พร้อม​เอ่ย​ถามว่า​ “ผู้อาวุโส​ซือ​ถู พอ​มีวิธี​ที่​หยุด​หายนะ​ใน​ครา​นี้​บ้าง​หรือไม่​ขอรับ​ ? ”

ได้ยิน​เช่นนั้น​

“เรื่อง​นี้​พูด​ยาก​”

ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​หันไป​ส่งสายตา​สื่อสาร​กับ​หนาน​กง​เสวียน​จีเล็กน้อย​ จากนั้น​ก็​ลูบ​ที่​เครา​ของ​ตัวเอง​แล้ว​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ “ตามตำรา​โบราณ​ได้​บันทึก​เอาไว้​ว่า​ จักรพรรดิ​มาร​ตน​นี้​นับแต่​สมัย​บรรพกาล​ก็​สามารถ​ก้าว​ขึ้น​เป็น​เซียน​ได้​แล้ว​”

“และ​นาง​มิเพียงแต่​ฝึก​เคล็ด​โบราณ​ต่าง ๆ​ ของ​ตระกูล​มาร​เท่านั้น​ ทว่า​ยัง​ได้​ฝึกฝน​สุดยอด​เคล็ด​วิชา​มากมาย​ของ​มนุษย์​อย่าง​พวกเรา​อีกด้วย​ เช่นนั้น​หาก​ต้องการ​เอาชีวิต​รอด​จาก​น้ำมือ​ของ​นาง​ เกรง​ว่า​ต่อให้​พวก​ข้า​สอง​คน​ร่วมมือ​กัน​ก็​อาจจะ​มิสำเร็จ​ก็​เป็นได้​’”

“ยิ่งไปกว่านั้น​การ​ที่​นาง​ถูก​ผนึก​มานับ​ล้าน​ปี​ แต่​บัดนี้​กลับ​สามารถ​ทำลาย​ผนึก​และ​หวนคืน​สู่โลก​ภายนอก​ได้​อีก​ครา​ คาด​ว่า​พลัง​ของ​นาง​คงจะ​แก่กล้า​ขึ้น​มาก​เป็นแน่​”

สิ้น​เสียง​ ทุกคน​ที่​ยืน​อยู่​ภายใน​ตำหนัก​ไท่​เสวียน​ต่าง​ก็​มีสีหน้า​เคร่งเครียด​ขึ้น​มาทันใด​ ท่าทาง​ของ​ทุกคน​ต่าง​เต็มไปด้วย​ความ​สับสน​และ​ว้าวุ่น​ใจเหลือ​ค​นา​

ต้อง​ยอมรับ​ว่า​ตบะ​บารมี​ของ​ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​และ​หนาน​กง​เสวียน​จีใน​ตอนนี้​ เรียก​ได้​ว่า​เป็น​ผู้​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ของ​โลก​ผู้บำเพ็ญเพียร​เลย​ก็​ว่า​ได้​

แต่​บัดนี้​ต่อให้​พวกเขา​ทั้งสอง​ร่วมมือ​กัน​ ก็​ยัง​มิแน่​ว่า​จะสามารถ​เอาชนะ​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นั้น​ได้​

เช่นนี้​เท่ากับ​ว่า​หาก​ผู้อาวุโส​เย่​มิยื่นมือ​เข้ามา​ช่วย​ เกรง​ว่า​ทั่ว​ทั้ง​จงหยวน​ก็​หา​มีผู้ใด​ที่จะ​สามารถ​ต่อกร​กับ​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นั้น​ได้​เลย​เยี่ยง​นั้น​หรือ​ ?

ใน​สมัย​บรรพกาล​ผู้​แข็งแกร่ง​ของ​ลัทธิ​เต๋า​มากมาย​ได้​ร่วมมือ​กัน​ จน​สามารถ​ขับไล่​ฝ่าย​มาร​ทั้งหมด​ไป​ยัง​ดินแดน​รกร้าง​ทางเหนือ​ ที่​ถูก​ขนานนาม​ว่า​เป็น​ดินแดน​อัน​หนาวเหน็บ​ได้​

ยิ่งไปกว่านั้น​สถานที่​ที่​ผนึก​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นั้น​มานับ​ล้าน​ปี​ ยัง​ได้​มีการ​วาง​ค่าย​กล​สังหาร​ชั่วนิรันดร์​ เพื่อ​ป้องกัน​มิให้​ฝ่าย​มาร​ก้าว​เข้าสู่​จงหยวน​ได้​แม้แต่เพียง​ครึ่ง​ก้าว​อีกด้วย​

คิดดู​ก็​รู้​แล้ว​ว่า​ตลอดเวลา​อัน​ยาวนาน​นับ​ล้าน​ปี​ที่ผ่านมา​ ตระกูล​มาร​และ​ตระกูล​มนุษย์​มีความแค้น​ต่อกัน​มาก​เพียงใด​?

และ​อีก​มินาน​หาก​ฝ่าย​มาร​โจมตี​จงหยวน​ มิเท่ากับ​การ​ฆ่าล้าง​เผ่าพันธุ์​มนุษย์​หรอก​หรือ​ ?

คิดได้​เช่นนั้น​ทุกคน​ภายใน​ตำหนัก​ไท่​เสวียน​ต่าง​ก็​มีสีหน้า​โศกเศร้า​ขึ้น​มาทันที​ พลาง​ถอนหายใจ​ออกมา​ด้วย​ความ​หนักใจ​

หลังจาก​เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ “เกรง​วา​หาก​ผู้อาวุโส​เย่​มิยื่นมือ​เข้ามา​ช่วย​ ลัทธิ​เต๋า​ของ​เรา​คง​มิมีผู้ใด​ ที่จะ​สามารถ​ต่อกร​กับ​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นี้​ได้​อีกแล้ว​”

เจ้าสำนัก​จื่อ​ชิงสวี​ฉิงเทียน​หลุบ​ตา​ลง​ พร้อมกับ​เอ่ย​เสียง​เข้ม​ขึ้น​มาว่า​ “แต่​พวกเรา​ก็​มิอาจ​นั่ง​รอ​ความตาย​เช่นนี้​ได้​ ต่อให้​ต้อง​ตาย​ก็​ต้อง​ให้​เผ่า​มาร​ได้​ลิ้มรส​ความเจ็บปวด​ด้วย​เช่นกัน​!”

“ดี​ ! เจ้าเฒ่าสวี​ เจ้าพูด​ได้ดี​จริง ๆ​ ”

เจ้าสำนัก​ดินแดน​ศักดิ์สิทธิ์​หยิน​หยาง​ ต้วน​ฉางเต๋อ​ ระเบิด​เสียงหัวเราะ​ออกมา​ “ขอ​เพียง​มีคน​ยับยั้ง​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นั้น​ได้​ พวกเรา​ก็​ขอ​สู้ตาย​ ให้​มาร​พวก​นั้น​บาดเจ็บ​ล้มตาย​ให้​มาก​ที่สุด​ ถึงตอนนั้น​อาจจะ​ทำให้​ลัทธิ​เต๋า​ของ​เรา​มีโอกาส​รอด​ก็​เป็นได้​”

“เชื่อ​ว่าด้วย​ฐานะ​ของ​นาง​มาร​เฒ่าตน​นั้น​ คง​มิถึงกับ​ยอม​ลง​มือสังหาร​เด็กน้อย​ที่​มิรู้​อิ​โห​น่อิ​เห​น่​ใน​ลัทธิ​เต๋า​ของ​เรา​ด้วยตัวเอง​หรอก​กระมัง​”

ตอนนั้น​เอง​

“ทุกท่าน​อย่า​เพิ่ง​ท้อใจ​ไป​ก่อน​เลย​”

หนาน​กง​เสวียน​จีที่​ยืน​อยู่​ข้าง ๆ​ ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​โบกมือ​ไปมา​ พร้อม​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ “แม้สิ่งที่​พี่​ซือ​ถูพูด​มาจะเป็น​ความจริง​ แต่​ทุกคน​อย่า​ได้​ลืม​ว่า​”

“ใน​โลก​ที่​เรา​อาศัย​อยู่​นั้น​เยี่ยง​ไร​เสีย​ก็​เป็น​โลก​มนุษย์​ แม้ต้อง​ยอมรับ​ว่า​จัก​พร​ร​ดิ​มาร​ตน​นั้น​มีพลัง​ที่​แข็งแกร่ง​ ทว่า​ระดับ​ตบะ​บารมี​ของ​นาง​ก็​ยัง​ถูก​จำกัด​หาก​อยู่​ใน​โลก​นี้​อยู่ดี​”

เอ่ยถึง​ตรงนี้​หนาน​กง​เสวียน​จีก็ได้​กวาดตา​มอง​ทุกคน​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ “และ​คิด​ว่า​ทุกคน​ต่าง​ก็​รู้ดี​ว่า​จงหยวน​ ยังมี​สี่ตระกูล​ผู้พิทักษ์​โบราณ​อยู่​ด้วย​”

“ข้า​มองว่า​หาก​สี่ตระกูล​ผู้พิทักษ์​โบราณ​ยอม​ยื่นมือ​เข้ามา​ช่วย​ ต่อให้​ฝ่าย​มาร​จะโจมตี​จงหยวน​ หาก​เป็น​ศึก​ชี้ชะตา​กัน​จริง ๆ​ แล้ว​ล่ะ​ก็​ ฝ่าย​มาร​เอง​ก็​จะต้อง​ยอม​จ่าย​ค่าตอบแทน​ที่​หนักหนา​สาหัส​มาก​เช่นกัน​”

ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​พยักหน้า​เห็นด้วย​ จากนั้น​ก็​เอ่ย​เสริม​ขึ้น​

“อีก​อย่าง​ข้า​มองว่า​ผู้อาวุโส​เย่​มิมีทาง​ทน​ดู​เผ่าพันธุ์​มนุษย์​ของ​เรา​ถูก​ทำลาย​ลง​อย่าง​แน่นอน​ เยี่ยง​ไร​เสีย​เขา​ก็​ขึ้นชื่อว่า​ถือกำเนิด​มาจาก​โลก​ใบ​นี้​ ยิ่งไปกว่านั้น​เขา​ยัง​เป็น​ถึงบรรพ​จารย์​ของ​มนุษย์​เรา​อีกด้วย​”

“ผู้อาวุโส​ซือ​ถู มีเรื่อง​หนึ่ง​ที่​ท่าน​อาจจะ​ยัง​มิรู้​”

นักพรต​ฉางเสวียน​ขมวดคิ้ว​แน่น​ “หลาย​ปี​มานี้​ ท่าน​บรรพ​จารย์เย่​เข้าฌาน​มาโดยตลอด​ ผู้น้อย​คิด​ว่า​อีก​มินาน​ท่าน​บรรพ​จารย์เย่​อาจจะ​หลบ​ลี้​จาก​โลก​มนุษย์​แล้วก็​เป็นได้​”

‘ผู้อาวุโส​เย่​เข้าฌาน​มาโดยตลอด​ ? ’

ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​และ​หนาน​กง​เสวียน​จีได้ยิน​เช่นนั้น​ก็​มีสีหน้า​เปลี่ยนไป​ทันที​ ก่อน​จะสบตา​กัน​อย่า​งอด​มิได้​

ผู้อาวุโส​เย่​แท้จริง​แล้ว​มีตบะ​บารมี​ระดับ​ใด​กัน​แน่​ คน​อย่าง​พวกเขา​ทั้งสอง​ก็​มิอาจ​คาดเดา​ได้​

แต่​ว่าการ​ที่​เขา​เข้าฌาน​ ?

เช่นนี้​ก็​เป็นปัญหา​ใหญ่​น่ะ​สิ

หรือว่า​เขา​คิด​จะไป​จาก​โลก​นี้​แล้ว​จริง ๆ​ ?

อืม​ !

คงจะ​เป็น​เช่นนั้น​แน่​ !

อีก​ทั้ง​ยังมี​เพียง​เหตุผล​นี้​เท่านั้น​ ที่จะ​สามารถ​อธิบาย​การ​ที่​เขา​เข้าฌาน​ได้​

คิดได้​เช่นนั้น​แล้ว​ หนาน​กง​เสวียน​จีก็​มีสีหน้า​เคร่งเครียด​ขึ้น​มาทันใด​

หลังจาก​ครุ่นคิด​อยู่​พักใหญ่​

“ทุกท่าน​ เอา​เช่นนี้​ก็แล้วกัน​”

หนาน​กง​เสวียน​จีเอ่ย​ด้วย​ท่าทาง​จริงจัง​ “ใน​เมื่อ​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นี้​ออกมา​แล้ว​ เชื่อ​ว่า​อีก​มินาน​ มาร​เผ่า​ต่าง ๆ​ จะต้อง​มารวมตัวกัน​ยัง​ดินแดน​ทางเหนือ​ เพื่อ​วางแผน​โจมตี​จงหยวน​เป็นแน่​”

“เช่นนั้น​ข้า​คิด​ว่า​ดินแดน​ศักดิ์สิทธิ์​ใหญ่​ทั้ง​ห้า​ นิกาย​ใหญ่​ทั้ง​แปด​ รวมทั้ง​สำนัก​อื่น​ ๆ ที่​เหลือ​ ที่​ตั้งอยู่​ทาง​ด้าน​เหนือ​ของ​จงหยวน​ ก็​ขอให้​ไป​ที่​ชายแดน​ทางเหนือ​ในทันที​”

“ส่วน​สำนัก​ที่อยู่​ทางใต้​ของ​จงหยวน​ ก็​ให้​ไป​ยัง​ชายแดน​ทางใต้​ในทันที​ เพื่อ​ป้องกัน​ปีศาจ​เผ่า​ต่าง ๆ​ จาก​เทือกเขา​แดน​ใต้​ ที่​อาศัย​โอกาส​นี้​บุก​โจมตี​จงหยวน​”

เอ่ยถึง​ตรงนี้​หนาน​กง​เสวียน​จีก็​หันไป​มอง​ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​ พร้อมกับ​เอ่ย​ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ว่า​ “พี่​ซือ​ถู ข้า​คิด​ว่า​พวกเรา​สอง​คน​คง​ต้อง​ไปหา​สี่ตระกูล​ผู้พิทักษ์​โบราณ​สัก​ครา​แล้ว​ล่ะ​”

ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​ยิ้ม​ออกมา​ “ข้า​เอง​ก็​คิด​เช่นนั้น​”

เอ่ย​จบ​หนาน​กง​เสวียน​จีและ​ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​ก็​กวาดตา​มอง​ทุกคน​อีกครั้ง​ ก่อน​จะหมุนตัว​แล้ว​เหาะ​ไปนอก​ดินแดน​ศักดิ์สิทธิ์​ไท่​เสวียน​โดยทันที​

ใน​ตอนนั้น​เอง​ ทุกคน​ที่​ยืน​อยู่​ภายใน​ตำหนัก​ไท่​เสวียน​ต่าง​ก็​มอง​สบตา​กัน​ จากนั้น​ก็​เป็น​หลัว​ชุน​เฟิงที่​เอ่ย​ขึ้น​มา

“ทุกท่าน​ เรื่อง​มาถึงขั้น​นี้​ ลัทธิ​เต๋า​ของ​เรา​ก็​ควร​รวม​พลัง​กัน​ ทำ​ตามที่​ผู้อาวุโส​ทั้งสอง​แนะนำ​ แบ่ง​กัน​ไป​ทางเหนือ​และ​ใต้​ เพื่อ​เตรียมตัว​ต้อนรับ​ศัตรู​จะดีกว่า​”

นักพรต​ไท่​หัว​เอง​ก็​พยักหน้า​เห็นด้วย​ “เรื่อง​มาถึงขั้น​นี้​แล้ว​ พวกเรา​ก็​คง​ทำได้​เพียงเท่านี้​”

…………………………..

ขณะเดียวกัน​

ณ ดินแดน​รกร้าง​ทางเหนือ​

ตู๋​กู​ชิงเฟิงได้​พา​ผู้​แข็งแกร่ง​ที่​แท้จริง​ของ​ฝ่าย​มาร​กลุ่ม​หนึ่ง​ มายัง​ตำหนัก​โบราณ​อัน​ยิ่งใหญ่​หลัง​หนึ่ง​

ก่อน​จะนั่งลง​บน​บัลลังก์​หยก​โลหิต​ที่อยู่​ด้านบน​

“ทุกท่าน​ จุดประสงค์​ที่​ข้า​เรียก​พวก​ท่าน​มานั้น​ก็​มิมีอะไร​มาก​”

ตู๋​กู​ชิงเฟิงปรายตา​มอง​ทุกคน​ด้วย​ใบ​หน้าที่​แฝงไว้​ด้วย​ความ​เย็นชา​ พร้อมกับ​เอ่ย​เสียง​เรียบ​ว่า​ “หลังจากที่​เผ่า​ของ​เรา​เข้าสู่​จงหยวน​แล้ว​ ห้าม​ทำ​การเข่นฆ่า​มนุษย์​เป็นอันขาด​”

ได้ยิน​เช่นนั้น​เหล่า​ผู้​แข็งแกร่ง​ฝ่าย​มาร​ต่าง​ก็​รู้สึก​ฉงน​ไป​ตาม​ ๆ กัน​ พลาง​ส่งสายตา​เพื่อ​สื่อสาร​กัน​เล็กน้อย​

‘ท่าน​จักรพรรดิ​หมายความ​เช่นไร​กัน​ ? ’

‘เผ่า​ของ​เรา​ถูก​กักขัง​เอาไว้​ใน​ดินแดน​ที่​หนาวเหน็บ​แห่ง​นี้​มานับ​ล้าน​ปี​’

‘ตลอดเวลา​ที่ผ่านมา​เรียก​ได้​ว่า​ลำบากลำบน​อย่าง​แสน​สาหัส​ คนใน​เผ่า​บ้าง​ก็​ล้มตาย​ลง​อย่าง​อนาถ​ไป​มากมาย​นับ​มิถ้วน​’

‘ทั้งหมด​นี้​ก็​เพราะ​พวก​มนุษย์​พวก​นั้น​’

‘มาบัดนี้​เผ่า​ของ​เรา​จะหวนคืน​สู่จงหยวน​ เหตุใด​จึงมิสามารถ​เข่นฆ่า​พวก​มนุษย์​เพื่อ​ล้างแค้น​ใน​ครา​นี้​ได้​เล่า​ ? ’

‘จริง​ด้วย​ ! ’

‘เพลง​ฮั่ว​ฟาน​ ! ’

‘มนุษย์​ผู้บำเพ็ญเพียร​ที่​กาย​สลาย​เต๋า​สูญสิ้น​ไป​นาน​แล้ว​ผู้​นั้น​ ! ’

‘ดูท่า​ว่า​ท่าน​จักรพรรดิ​ถูก​ผนึก​มาหลาย​ปี​ แต่​ก็​ยัง​ลืม​มนุษย์​ผู้​นั้น​มิได้​อยู่ดี​ ! ’

‘อืม​ ! ’

‘ต้อง​เป็น​เช่นนั้น​แน่​ ! ’

คิดได้​เช่นนั้น​หญิง​ชรา​ร่างกาย​แข็งแรง​และ​มีดวงตา​ที่สาม​อยู่​บริเวณ​หว่าง​คิ้ว​ ก็​เอ่ย​ขึ้น​อย่าง​ระมัดระวัง​ถ้อยคำ​ว่า​

“ท่าน​จักรพรรดิ​ มนุษย์​ผู้​นั้น​กาย​สลาย​เต๋า​สูญสิ้น​ไป​แล้ว​นะ​เจ้าคะ​ ! ”

ยัง​มิทัน​สิ้น​เสียงดี​

“ท่าน​จักรพรรดิ​ พวกเรา​มิเข่นฆ่า​พวก​มนุษย์​ก็ได้​ขอรับ​”

ผู้เฒ่า​ที่​มีปีก​ผู้​หนึ่ง​เอ่ย​ขึ้น​อย่าง​ครุ่นคิด​ “แต่​พวกเรา​จำเป็น​จะต้อง​ยึด​ดินแดน​บำเพ็ญ​เพียร​ที่​ดี​ที่สุด​ของ​จงหยวน​ให้ได้​นะ​ขอรับ​”

ตู๋​กู​ชิงเฟิงมิได้​แสดง​สีหน้า​ใด​ ๆ ออกมา​ เพียงแค่​กวาดตา​มอง​หญิง​ชรา​และ​ผู้เฒ่า​ที่​มีปีก​เท่านั้น​

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

Status: Ongoing
นิยายแปลไทยเรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน รายละเอียด เทพแห่งกระบี่ : หากผู้อาวุโสเย่มอบภาพอักษรพู่กันให้ข้าอีกสักภาพ พรุ่งนี้ข้าคงสามารถเปิดประตูสวรรค์ได้แล้ว …… ……เย่ฉางชิงรู้สึกเอือมระอายิ่งนัก ทั้งๆ ที่เขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เหตุใดถึงได้มีผู้คนแวะเวียนมาหาไม่แต่ละเว้นวันเช่นนี้นะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท