บทที่ 119 ราชาและเทพเจ้า
เพื่อให้เฒ่าเฉินได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เจิ้งซีและพรรคพวกจึงได้สร้างบ้านไม้ชั่วคราว ห่างจากค่ายเพียงไม่กี่เมตรให้กับเขาพร้อมทั้งโรยผงพิเศษ ซึ่งสามารถปกปิดกลิ่นและขับไล่สัตว์วิญญาณระดับต่ำได้
ตามหลักการแล้วแป้งนี้สามารถขับไล่ผีเสื้อปีกมายาได้เนื่องจากส่วนประกอบบางอย่างในผงสามารถยับยั้งสัตว์วิญญาณประเภทนี้ได้
แต่เจิ้งซีไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะได้พบกับฝูงผีเสื้อจำนวนมากอย่างไร้เหตุผลใด ๆ อีกทั้งยังต้องเผชิญกับการโจมตีของพวกมัน
“ท่านพี่!”
เจิ้งเว่ยถูกล้อมรอบไปด้วยผีเสื้อหลายสิบตัว
ผงเกล็ดสีทองถูกโปรยลงมาที่เจิ้งเว่ย ทำให้นางรู้สึกวิงเวียนไปทั่วร่างกาย พละกำลังลดลงจนเริ่มอ่อนแรงล้มลงบนพื้น
นี่เป็นทักษะใช้บ่อยที่สุดของผีเสื้อปีกมายา ผงอัมพาต
“ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” เจิ้งซีส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ
ออร่าในมือของเขาสว่างขึ้นทันที
แสงสีฟ้าและขาวเปล่งออกมาและกลายเป็นภูตหิมะลอยอยู่ในอากาศ ร่างกายของมันเต็มไปด้วยอากาศเย็นและอุณหภูมิโดยรอบก็ลดลงอย่างกะทันหัน
ภูตหิมะเป็นสัตว์วิญญาณตัวเล็กคล้ายสุนัขหรือเสือดาว ขนทั่วทั้งตัวเป็นผลึกน้ำแข็งใสเหมือนหลุดออกมาจากฝัน มันมีปีกน้ำแข็งคู่หนึ่งที่แม้ว่ามันจะมีพื้นผิวแบบน้ำแข็ง แต่ก็มีคมมีดอันแหลมคมด้วย
เขาไม่ได้คาดคิดว่าสัตว์วิญญาณของเจิ้งซีจะเป็นภูตหิมะที่มีค่ามาก
“ พายุหิมะ!”
ภูติหิมะคำรามมีลมน้ำแข็งพัดวนรอบร่างกายของมัน จากนั้นพลังงานวิญญาณที่น่ากลัวก็เริ่มควบแน่นในทันทีและก็ระเบิดออกมา
ทั้งค่ายพักแรมปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ
ผีเสื้อปีกมายาปลิวว่อนไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ดาบน้ำแข็งในพายุหิมะได้ทำร้ายพวกมัน แต่มันไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกมันตายพวกมันจึงโกรธยิ่งขึ้นไปอีก
“จึดจึดด!”
ผีเสื้อปีกมายาส่งเสียงดังด้วยโทสะ
ผงพลังวิญญาณโปร่งใสจำนวนนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายไปทั่ว เจิ้งซีเริ่มรู้สึกหัวหนักอื้อ ดวงตาเริ่มมองเห็นภาพลวงตานับไม่ถ้วน มุมมองผ่านสายตาของเขาค่อยๆเบลอลง
ไม่ใช่แค่เขา แต่ทหารอีก 2-3 คนเองก็เริ่มเป็นลมล้มลงกับพื้น
พวกเขาเริ่มตกอยู่ในภวังค์ของภาพลวงตา จนมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า
มันคือทักษะ [ผงประสาทหลอน]
ผีเสื้อปีกมายา อุ้มร่างของพวกเขา ดูเหมือนว่าพวกมันพร้อมที่จะเคลื่อนย้ายพวกเขาออกไปจากที่นี่ ทันใดนั้นกลิ่นหอมแปลก ๆ ก็ลอยเข้ามาอย่างช้าๆ
“หึ!”
ผีเสื้อปีกมายากระจัดกระจายไปในทันทีราวกับว่าได้เจอกับศัตรูธรรมชาติของมัน เหมือนกับแมลงวันที่กำลังบินหนีอย่างเร่งรีบ
เจิ้งซีและเหล่าทหารที่ล้มลงกับพื้นเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
“โอ้ ” เจิ้งซีอ้าปากค้างด้วยความสยดสยอง
โชคดีที่เขาตื่นมาได้
เอ๊ะ กลิ่นนี้มันยาหลงเฉียงรึเปล่า? ไม่แปลกใจเลยที่กลุ่มผีเสื้อปีกมายาจะกระจัดกระจายออกไป พวกมันรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมของลมปราณมังกรนี่เอง
เจิ้งซีประหลาดใจ ไม่สิพวกเขาไม่ได้นำยาหลงเฉียงติดมาด้วยนี่นา
ทันใดนั้นเขาก็มองไปยังต้นทางที่กลิ่นลอยมา เขาเห็นหลายคนยืนอยู่ที่ประตูของบ้านไม้ชั่วคราว ตรงนั้นมีลั่วอู๋ที่ถือเม็ดยาสีดำและผงสีขาวไว้ในมือ
ดวงตาของเจิ้งซีเบิกกว้าง “เจ้า … ”
“รับไปซะ” ลั่วอู๋โยนยาคูฉินให้เจิ้งซี “รับปลุกน้องสาวของเจ้าเร็ว ๆ เข้า มันไม่ดีแน่ถ้าพวกเจ้าสูดดมผงอัมพาตมากเกินไป”
เจิ้งซีที่ตื่นขึ้นมาจากความฝัน รีบปลุกเจิ้งเว่ยและให้นางกินยาแก้พิษ
“ท่านพี่” เจิ้งเว่ยดูเหมือนจะเหนื่อยจมูกรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมแปลก ๆ “นี่มันอะไรกลิ่นอะไร ข้ารู้สึกไม่สบาย”
เจิ้งซีชี้ไปที่เม็ดยาในมือของเขา “กลิ่นเจ้านี้แหละกลิ่นของมัน คล้ายกับกลิ่นหอมของยาหลงเฉียงมาก มันจึงมีผลในการไล่สัตว์วิญญาณ”
“ยาหลงเฉียง? ท่านพี่มียาที่ทรงพลังเช่นนี้ด้วยงั้นเหรอ” ้เจิ้งเว่ยประหลาดใจ
เจิ้งซีหน้าแดงและพูดว่า “มันไม่ใช่ของข้าหรอก ลั่วอู๋เป็นคนมอบให้ข้า”
พวกเขาเกือบถูกผีเสื้อปีกมายาจับตัวไป
โชคดีที่ลั่วอู๋มาช่วยไว้ได้ทัน
“พวกเขามียาที่ทรงพลังถึงขนาดนี้เลยงั้นเหรอเนี่ย ความจริงข้าไม่จำเป็นต้องส่งผงแป้งให้พวกเขาเลยก็ได้ด้วยซ้ำ”้เจิ้งเว่ยกล่าวอย่างไร้เดียงสา
ตอนนี้ใบหน้าของเจิ้งซีดูแดงขึ้น
ก่อนหน้านี้เขาพยายามขัดขวางไม่ให้น้องสาวของเขาส่งผงแป้งให้ เนื่องจากพวกเขาไม่มีผงแป้งมากนัก มันก็มีมูลค่าสูงมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถใช้สุรุ่ยสุร่ายได้ตามต้องการ
ใครจะไปรู้ว่าทางลั่วอู๋จะกล้ามอบยาล้ำค่า ซึ่งเปรียบได้กับยาหลงเฉียงให้กับพวกเขาได้ง่าย ๆ
การเปรียบเทียบดังกล่าวทำให้เจิ้งซีรู้สึกว่าเขาระมัดระวังตัวมากเกินไป
“แล้วทางพรรคพวกของเขาล่ะ” เจิ้งเว่ยกล่าวอย่างสงสัย
เจิ้งซีส่ายหัวเพราะเขาไม่รู้เรื่องอะไร
ด้วยกลิ่นของยาคูฉินลอยมาทางกลุ่มของเจิ้งซี ลั่วอู๋และพรรคพวกก็ได้ช่วยกันไล่ผีเสื้อออกไป
กลิ่นของยาคูฉินทำให้ผีเสื้อปีกมายาเริ่มบินหนีไปทีละตัว แต่ลั่วอู๋ได้พบว่าดูเหมือนจะมีกลิ่นผิดปกติซ่อนอยู่ในตัวของผีเสื้อปีกมายา
สัญชาตญาณบอกลั่วอู๋ว่าลมปราณนี้เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการ “บ้าคลั่ง” ของผีเสื้อปีกมายา
พวกเขาทยอยไล่พวกมันออกไปจากระยะไกลอย่างระมัดระวัง เหล่าผีเสื้อปีกมายาดูเหมือนจะหยุดโจมตีแล้ว ลมปราณที่ทำให้พวกมันคุมคลั่งได้อยู่ห่างออกไปเกินกว่าจะส่งผลได้อีก
ผีเสื้อปีกมายาจำนวนมากค่อย ๆ แยกย้ายกันไป ลั่วอู๋ตกใจเมื่อพบว่ามีสัตว์วิญญาณผีเสื้อขนาดใหญ่มากอยู่ที่ตรงกลางกลุ่ม
มันเป็นผีเสื้อขนาดใหญ่ยาวสามเมตรที่มีปีกลายภาพลวงตา พื้นผิวบนปีกของมันมีขนาดกะทัดรัดงดงามและดูลึกลับมาก
ซึ่งสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกเวียนหัวได้จากระยะไกล มันค่อยๆบินลงบนพื้นพร้อมปล่อยลมปราณออกจากร่างกาย มันดูมีความแข็งแกร่งกว่าผีเสื้อปีกมายาทั่วไปมาก
แต่มันก็ดูอ่อนแอมากเช่นกัน ดู ๆ แล้วมันน่าจะเพิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสมา
สัตว์วิญญาณระดับราชา!
ความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัวของลั่วอู๋
มันเป็นผีเสื้อระดับราชาแน่นอน
ผีเสื้อหลายตัวมารวมตัวกันและหลายร้อยตัวบินสลับออกไป จากนั้นพวกมันก็คลานไปใต้ราชาผีเสื้อ
จากนั้นผีเสื้อนับร้อยก็หดตัวลงและกลายเป็นซากศพ แก่นวิญญาณของพวกมันถูกสูบออกและหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของราชาผีเสื้อ
“สะสมและเติมเต็ม?” ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วหรือ
ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บของปีกผีเสื้อของราชาจะดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่เพียงพอ มีแสงสีแดงจาง ๆ ในช่วงท้อง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นแผลสาหัส
ผีเสื้อหลายร้อยตัวเห็นดังนั้นจึงบินเข้ามาเพิ่ม
เห็นได้ชัดว่าผีเสื้อเหล่านี้เต็มใจที่จะสละแก่นวิญญาณของมันเองเพื่อให้ราชาของพวกมันได้ฟื้นตัว
“ ไม่แปลกใจเลยที่พวกมันจะคุมคลั่งถึงขนาดเข้ามาโจมตี บางทีมันอาจจะอยากจับคนไปเพื่อรักษาราชาผีเสื้อปีกมายา” ลั่วอู๋คิด
เห็นได้ชัดว่าราชาผีเสื้อปีกมายานี้มีทักษะในการดูดซับแก่นพลังวิญญาณจากสัตว์วิญญาณตัวอื่นเพื่อมารักษาตัวเองได้
ราชาผีเสื้อปีกมายากระพือปีกเล็กน้อย มันดูเหนื่อยล้ามาก การกระทำของมันดูเหมือนกำลังพยายามปฏิเสธความตั้งใจดีของพรรคพวกที่อาสาสมัครแลกชีวิต
กลุ่มผีเสื้อปีกมายาล้อมรอบราชาของพวกมันอย่างระมัดระวัง
ลั่วอู๋มีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ดูเหมือนพวกมันจะสนใจรอยแผลแสงสีแดงในช่องท้องของราชาผีเสื้อปีกมายามาก เพราะพวกมันมองไปที่แสงสีแดงด้วยความนับถือและถ่อมตัว
พวกมันปฏิบัติต่อราชาผีเสื้อปีกมายาในฐานะว่ามันเป็นราชา แต่พวกมันกลับปฏิบัติต่อแสงสีแดงประหลาดเล็ก ๆ ในแผลนั้นด้วยวิธีที่พวกมันปฏิบัติต่อเทพเจ้า
“จึดจึดด!”
ทันใดนั้นราชาผีเสื้อปีกมายาก็ร้องเรียกด้วยเสียงต่ำ
ผีเสื้อปีกมายานับไม่ถ้วนมองไปในทิศทางของลั่วอู๋
“แย่ล่ะ พวกมันรู้ตัวแล้ว” ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
วินาทีต่อมา
ฝูงผีเสื้อปีกมายาก็บินกรูเข้ามาเหมือนปลาฉลามที่ได้กลิ่นคาวเลือด